" เรียนจบแล้วทำงานอะไรดี? "มักเป็นคำถามยอดฮิตของสาวๆ ว่าที่บัณฑิตทั้งหลายที่เริ่มหาทางไปต่อสำหรับอนาคต และแน่นอนว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคาดหวังว่า" สอบราชการ/รัฐวิสาหกิจสิ มั่นคงดี "... ที่ว่ากันว่าดีนั้น เราก็พอจะรู้อยู่บ้างแล้วจากการสังเกตพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่ทำงานราชการแล้วพอจะมีสวัสดิการหลงเหลืออะไรมาบ้าง แต่จุดเริ่มต้นนี่สิ จะเริ่มต้นยังไง ในเมื่อเราเพิ่งจะเป็น" มือใหม่หัดเข้าสู่วัยทำงาน "

จากประสบการณ์ที่พี่อาร์ตดูแลเพจสมัครงานราชการเพจหนึ่งอยู่ เลยขอรวบรวมทริคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับสาวๆ ทั้งหลายที่อยากจะเริ่มต้นสอบงานราชการ/รัฐวิสาหกิจสักแห่ง แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดีเพราะในตลาดแรงงานมันก็มีหลายหน่วยงาน หลายประเภททยอยรับสมัครจำนวนมาก จะแชร์ให้พ่อแม่อ่านด้วยก็ไม่เสียหายนะคะ เพราะข้อมูลนี้พี่อาร์ตอัพเดทจากสถานการณ์จริงเลย

#1 ไปเคลียร์ร่างกายให้เรียบร้อยก่อนสมัครงาน

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/564x/28/5c/0e/285c0e9d3c1153528716c1bc11156f03.jpg

โดยปกติแล้ว งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ จะไม่อนุญาตให้มีรอยสักนอกร่มผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยงานที่เข้มมากๆ ในการตรวจร่างกายและสุขภาพอย่างทหาร/ตำรวจ เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะสอบราชการ เคลียร์เรื่องรอยสักได้จะดีมากๆ เลยค่ะ ถ้าสอบติดแล้วใจรักในงานสัก ค่อยสักในร่มผ้าเอาได้

#2 สายตำรวจ/ทหาร ต้องเคลียร์เรื่องสุขภาพร่างกายให้ดี

รูปภาพ:http://2g.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10271151/E10271151-27.gif

ทหารหญิง ตำรวจหญิง นอกจากจะมีการกำหนดเรื่องส่วนสูง รอยสัก ยังกำหนดคุณสมบัติอื่นๆ เกี่ยวกับร่างกายด้วย เช่น สายตา กระดูก ก่อนจะพุ่งเป้าสอบ ลองเสิร์ชอินเทอร์เน็ตหาอ่านระเบียบการให้ดีนะคะว่าแต่ละหน่วยงานกำหนดคุณสมบัติได้เข้มงวดมากน้อยเพียงใด จะได้ไม่มานั่งเสียใจทีหลังว่าอ่านหนังสือไปตั้งเยอะแล้วพลาดด่านคุณสมบัติร่างกาย ( ทหารเรือ ทหารอากาศ ทหารบก ตำรวจ มีความเข้มงวดไม่เหมือนกันค่ะ ถ้าเข้มสุดๆ ตรวจละเอียดมากก็ตำรวจนี่แหละค่ะ )

#3 ไม่จำเป็นต้องพุ่งเป้าสมัครที่ตรงวุฒิ/สาขากับที่ตนเองจบมาก็ได้

รูปภาพ:http://www.rtopcadet.com/images/column_1402586890/16.jpg

พ่อแม่หลายคนมักคาดหวังว่า" ลูกจบ ป.ตรี ก็ต้องสมัครงานวุฒิ ป.ตรี สิ "แต่ความจริงแล้วอัตราการแข่งขันสมัครสอบแต่ละสนามทั้งราชการ/รัฐวิสาหกิจ" สูงมากๆ "คิดง่ายๆ ก็แล้วกันค่ะว่าปัจจุบัน มีคนเข้าถึงการศึกษามากขึ้น จำนวนคนจบ ป.ตรี ทั่วประเทศในแต่ละปีหลักแสนแน่นอน

เพราะฉะนั้น ในการสอบราชการ บางทีจึงจำเป็นต้อง" ลดเงื่อนไขบางอย่าง "ยอมลดวุฒิตนเอง เพื่อที่จะได้เริ่มต้นอะไรกับเขาบ้าง เช่น

- สมัครงานตำแหน่งที่กำหนดคุณสมบัติว่า" ป.ตรี ทุกสาขา "ในกรณีที่ไม่สามารถหาตำแหน่งงานที่ตรงกับสาขาที่ตนเองจบมาได้

- ลดวุฒิของตนเองเพื่อเข้าไปสมัครงานตำแหน่งนั้นๆ ได้ เช่น นายสิบตำรวจหญิง กำหนดให้ผู้สมัครสอบต้องมีคุณวุฒิ ม.6 หรือ ปวช.ทุกสาขา แต่เราจบ ป.ตรี มา เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้วุฒิ ม.6 ยื่นสมัคร***โดยส่วนมาก ถ้าเป็นตำแหน่งที่ไม่เข้มงวดคุณสมบัติมาก เช่น ป.ตรี ทุกสาขา, ม.6 มักจะทำงานเกี่ยวกับเอกสาร งานทรัพยากรบุคคล หรือพูดง่ายๆ ว่าเป็นงานออฟฟิศทั่วไปค่ะ ถ้าสาวๆ คนไหนคิดว่าไหว ยังไงก็ได้ไม่เรื่องมาก ก็ลองดู

#4 ถือใบ ก.พ. และ/หรือ TOEIC ไว้ มีชัยไปกว่าครึ่ง

รูปภาพ:http://web.eng.nu.ac.th/eng2012/picture/news/large/2012_12_12_11_36_21.jpg

ผบสอบ ก.พ. ภาค ก ที่แสดงว่าเราสอบผ่านแล้ว และคะแนน TOEIC ที่สูงๆ อย่างน้อย 550 คะแนนขึ้นไป ถือว่าเป็นใบเบิกทางอย่างดีเลยค่ะในสายงานราชการ/วิสาหกิจ ถ้าใครอยู่ในช่วงเรียนใกล้จบแล้วหรือเพิ่งเรียนจบ แต่ไม่รู้จะทำอะไรดี เริ่มที่การสอบ ก.พ.ให้ผ่านก่อน หรือสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนสูงๆ ก่อนก็ได้ เพราะ

- การสมัครสอบแต่ละหน่วยงาน มันมีทุกปีค่ะ ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนั้น

- ผลสอบ ก.พ. ภาค ก จะช่วยให้เราตัดคู่แข่งบางสนามไปได้เยอะ ( ให้เราเข้าสู่สนามสอบราชการบางตำแหน่งที่พิจารณาผลสอบ ก.พ. ภาค ก ไปโดยเฉพาะเลย ไม่ต้องมาแข่งกับอีกหลายคนทั่วไป คล้ายๆ กับว่าเราได้เข้าสนามที่ลึกกว่าคนทั่วไปอีกประมาณหนึ่งค่ะ )

- ผลสอบ TOEIC ก็คล้ายกับผลสอบ ก.พ. ค่ะ ใช้ได้ทั้งงานราชการและรัฐวิสาหกิจ แต่ส่วนมากจะเป็นงานรัฐวิสาหกิจ เช่น กฟผ. การท่าเรือ การท่าอากาศยาน นอกจากทำให้เราได้สมัครงานที่เงินเดือนสูงตั้งแต่เริ่มต้น

ต่อให้จะเสียกี่ร้อยกี่พันเพื่อติวสอบ ก.พ. หรือสอบ TOEIC ทำไปเถอะค่ะ มันคุ้มจริงๆ นะ ถ้าสุดท้ายไม่ได้งานราชการเลย เอาผลสอบTOEIC ไปยื่นเอกชนดังๆ ก็ยังได้ตำแหน่งดี เงินเดือนดีค่ะ :)

#5 อย่าหวังไปสอบเพื่อเอาสวัสดิการที่ฟรีจนลำบากชีวิต

รูปภาพ:http://www.bloggang.com/data/magnolia/picture/1392562624.jpg

ต้องบอกไว้ก่อนค่ะว่างานราชการเป็นงานที่" พออยู่พอกิน "พอประคองให้ชีวิตได้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ไม่ถึงกับรวยมาก หรือความเป็นอยู่ดีพรวดพราดได้ในเร็ววัน ดังนั้น ถ้าใครที่ตั้งใจจะเข้ามา ต้องทำใจไว้ก่อนว่าอาจต้อง" ลำบากมากๆ "ใน 3-5 ปีแรก โดยเฉพาะบ้านพัก/แฟลต ที่ต้องเลือกให้ดี อย่าเห็นแก่ของถูกเกินไปจนความปลอดภัยตัวเองไม่มี ถ้าสอบติดแล้ว ไปดูที่พักแล้วฟรีแต่ไม่โอค ยอมเจียดเงินเช่าห้องหรือเช่าบ้านที่สิ่งแวดล้อมดีหน่อยก็ได้ค่ะ ผู้หญิงเราต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน ไม่เหมาะกับการเสี่ยงอะไรที่ราคาถูกเกินไป

#6 ทำใจไว้ก่อนว่าอาจจะต้องทำงานที่อยู่กับวงจรเดิมๆ ไปเป็นปี

รูปภาพ:https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSO7xI1JtG46rr0iz8XxnfNjg68wjru6MqScCEYq_oxM5RqC76C

ถ้าไม่ใช่วิชาชีพเฉพาะอย่างเช่น หมอ พยาบาล ครู แอร์โฮสเตส ( การบินไทย ) โดยส่วนมากงานราชการ/รัฐวิสาหกิจของผู้หญิงเราทั่วไปก็หนีไม่พ้นงานเอกสารในออฟฟิศค่ะ ( แม้แต่ทหาร/ตำรวจ ถ้าทำแผนกธุรการ ทะเบียน ต่อให้มีฝึกประจำเดือน/ประจำปี ชีวิตงานทั่วไปก็อยู่กับเอกสารค่ะ ) เพราะฉะนั้น ถ้าสาวๆ คนไหนโดยนิสัยส่วนตัวเป็นคนขี้เบื่อ ไม่มีความอดทนที่จะอยู่กับอะไรนานๆ เดิมๆ ได้" อย่าเสี่ยงสอบไปให้เสียเวลาค่ะ "เพราะบางหน่วยงานก็มีให้เราหาคนมาค้ำประกันก่อนทำงาน กันเบี้ยวก่อนครบสัญญา แต่ถ้าใครชิลๆ ยังไงก็ได้ ลองสอบเข้าไปทำงานสักระยะก่อนค่อยว่ากันก็ได้ค่ะ

#7 อ่านหนังสือสอบเป็นประจำ ฟิตร่างกายให้พร้อม

รูปภาพ:https://www.centre.edu/wp-content/uploads/2013/10/crounse5.jpg

ไม่จำเป็นว่ารอให้กำหนดการสอบจริงๆ ออกมาก่อนค่อยอ่านหนังสือ จริงๆ แล้วเราศึกษาระเบียบการของสนามสอบต่างๆ ติดตามเพจสมัครงานราชการ/เพจที่เกี่ยวกับงานราชการ/งานรัฐวิสาหกิจ หรือหาหนังสือสอบมาอ่านล่วงหน้าไว้หลายเดือนเลยยิ่งดี เพราะอย่างน้อยก็จะได้รู้ล่วงหน้าก่อนใครหลายคน มีเวลาอุดรอยรั่วหลายจุดไว้ เวลาถึงเวลาใกล้สอบจริงๆ จะได้รู้สึกมั่นใจ ไม่ลน ไม่สติแตกมาก

ใครที่ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี หรือหัวค้านชนฝาไม่เอาเด็ดขาดกับงานราชการ/รัฐวิสาหกิจ ก็ลองสอบๆ กันไปสักครั้ง หรือทำงานตามสัญญาจ้างสักระยะนะคะ เพื่อเป็นการหยวนๆ กับทางบ้าน ไม่เป็นการแตกหักไป แถมยังได้พิสูจน์ให้เห็นกับตาไปเลยด้วยว่า เราโอเคกับอาชีพนี้จริงๆ หรือพร้อมจะเบนเข็มไปที่อื่น สู้ๆ นะคะสาวๆ ขอให้โชคดี สมหวังกับทุกทางที่เลือกค่ะ ^^

บทความที่เกี่ยวข้อง