รองพื้นสมัยนี้มีให้เลือกสรรกันอย่างตระการตาเลย ซื้อใช้แทบไม่ทันกันทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นคุณสมบัติยังดันมาเหมือนกันอีก โอ้แม่เจ้า จะตัดสินใจซื้อยังไงดีละทีนี้ รองพื้นบางตัวก็ราคาแพงจนหัวหด แต่คุณสมบัตินั้นแสนจะน่าสนใจ ต้องเก็บตังค์นานมากกว่าจะได้รองพื้นมาซักขวด T^T วันนี้เลยนำการประชันระหว่างรองพื้นราคาเซเลปกับรองพื้นราคาประหยัดมาให้สาวๆตัดสินใจเลือกซื้อกัน ไปดูซิว่าคุณสมบัตินั้นจะแตกต่างกันขนาดไหน งานนี้ไม่ว่ากระเป๋าหนักกระเป๋าเบาก็หายห่วงได้เลยค่ะ พร้อมแล้วไปดูผู้ท้าชิงของเรากันเลย!
1.Giorgio Armani Luminous Silk Foundation vs. Max Factor Luminizer Foundation
รองพื้นของ Giorgio Armani Luminous Silk จะสร้างความเปล่งปลั่งกระจ่างใส และมีผิวที่โกลว์ อีกทั้งผิวของของคุณจะดูอิ่มเอิบอย่างมากเลยล่ะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อที่เบาบาง ดูไม่หนาเตอะ สามารถใช้เป็น everyday look ได้ สำหรับ Max Factor Luminizer นั้นเป็นเครื่องสำอางแบรนด์น้องใหม่มาแรง เนื้อครีมนั้นมีอนุภาคสะท้อนแสงเทียบเท่า Giorgio Armani เชียวล่ะ! แต่ราคานี่ถูกกว่ากันเกินครึ่ง! มันจะช่วยทำให้ผิวของสาวๆ ดูโกลว์มีสุขภาพดี ที่สำคัญสามารถปกปิดได้อย่างเป็นเลิศ สร้างลุคผิวอิ่มน้ำได้เช่นเดียวกับ Giorgio Armani อีกด้วยนะ แต่ข้อเสียของเจ้า Max Factor ก็คือ มันผสมความแวววาวอยู่เล็กน้อยค่ะ
2.MAC Studio Face & Body Foundation vs. Australis All Over Face & Body Tint
2 รุ่นนี้แค่ดีไซน์ขวดก็เหมือนกันแล้วใช่มั้ยล่ะ สำหรับ MAC นั้น จะมีเนื้อซาตินให้ผิวที่เปล่งปลั่ง ขณะที่ Australis เป็นเนื้อทินท์ให้ความเบาบางกว่า แต่ทั้ง 2 รุ่นให้ลุคธรรมชาติ และดูโกลว์เช่นเดียวกัน ทั้งยังมีประสิทธิภาพที่ทำให้ผิวดีดูสมบูรณ์แบบเหมือนกัน และที่สุดยอดอีกอย่างก็คือ ทั้ง 2 ยี่ห้อสามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายเหมือนกันอีกด้วย! ว้าว! สาวๆสามารถสร้างผิวที่เพอร์เฟคได้ทั่วเรือนร่างเลย ถ้าใครมีงบจำกัดแนะนำ Australis แต่ถ้าใครอยากได้รองพื้นเนื้อหนาขึ้นมาหน่อย และติดทนยาวนานกว่าแนะนำ MAC เลยค่ะ
3.Benefit Hello Flawless Oxygen Foundation vs. Rimmel Wake Me Up Foundation
สำหรับมือใหม่นั้น 2 รุ่นนี้อาจเหมาะสำหรับคุณ มันจะช่วยปลุกและฟื้นฟูผิวของคุณ ต้องขอบคุณส่วนประกอบอย่างมอยส์เจอร์ไรซิ่งที่ให้ความชุ่มชื้น และช่วยฟื้นฟูผิว Benefit นั้นจะให้ผิวที่กระจ่างใส และ Perfect ในขณะที่ Rimmel ให้ความกระจ่างใสเพียงเล็กน้อย (แต่ไม่เห็นได้ชัด) และปกปิดผิวแบบธรรมชาติ ทั้งยังให้ความเงาอีกด้วย อย่างไรก็ตามทั้ง 2 รุ่นนี้มีความเหมือนกันอย่างมากคือ เนื้อครีมที่นุ่มลื่น สามารถเกลี่ยได้ง่าย ที่สำคัญยังทำให้คุณมีผิวที่อวบอิ่มเหมือนนอนหลับมาแล้ว 8 ชั่วโมงเชียวล่ะ
4.Estee Lauder Double Wear Stay-In-Place Makeup vs. Revlon Colorstay Makeup
เป็นที่รู้กันดีว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ต่างเป็นรองพื้นที่ติดทน อึด ถึกอย่างมาก สามารถทนความร้อน เหงื่อ และทุกสิ่งอย่างระหว่างวันได้ Estee นั้นอยู่ได้นานกว่า Revlon เล็กน้อย Estee Lauder มีประสิทธิภาพในการเกาะติดบนใบหน้าได้ยาวนาน และยังไม่เปรอะเปื้อนปกเสื้อง่ายอีกด้วย ขณะที่ Revlon นั้นสามารถทิ้งคราบบนปกคอเสื้อได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตามทั้ง 2 รุ่นนี้ดูดซับความมันได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับคนมีผิวมัน และผู้ที่ต้องการรองพื้นที่ติดทนยาวนาน
5.Makeup Forever HD Foundation vs. NYX HD Studio Photogenic Foundation
สำหรับรองพื้นสูตรครีมที่ช่วยให้ผิวนั้นเจิดจรัสบนสปอร์ทไลท์ต้อง 2 รุ่นนี้เลย ไม่ว่าจะถ่ายภาพ ออกทีวี หรือแม้กระทั่งบนเว็บแคมได้ทั้งนั้น ทั้ง 2 นั้นสามารถใช้เป็น everyday look มีประสิทธิภาพในการปกปิดสูง ใช้สำหรับงานปาร์ตี้ได้อย่างดีเยี่ยม NYX นั้นจะมีส่วนผสมที่ช่วยให้ผิวสว่างฟุ้ง มันจะทำให้ผิวนั้นดูเรียบเนียน และไร้รูขุมขนเลยล่ะ! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเนื้อที่โปร่งใส และเปปไทด์ที่ช่วยลดริ้วรอยอีกด้วย เช่นเดียวกับ Makeup Forever ที่ดูหรูหรา และลดริ้วรอยได้เหมือนกัน จุดที่ต่างกันเล็กน้อยนั้นก็คือ Makeup Forever นั้นจะให้ลุคที่ธรรมชาติ แต่ NYX ไม่ซึมซับได้อย่างแนบเนียนนักเท่าไหร่ แต่ทั้ง 2 แบรนด์ก็เป็นแบรนด์ดังที่ทั่วโลกต่างไว้วางใจอย่างมากเช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าทุกคู่นั้นมีความแตกต่างกันไม่มากเลย รองพื้นราคาเซเลปอาจมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าเล็กน้อย แต่ก็ตามราคาล่ะเนอะ สำหรับรองพื้นบางตัวที่ยังไม่มีขายในไทย ก็ต้องพรีออเดอร์กันไป สาวๆสามารถเลือกหารองพื้นได้ตามลักษณะผิวหน้าและการใช้งานได้เลย ใครอยากประหยัดงบก็ซื้อรองพื้นตัวที่ใกล้เคียงมาใช้ได้ตามอัธยาศัย ครั้งหน้าจะมีสาระดีๆอะไรอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ บ๊าย บาย ^^
