ข้อคิดที่ได้จากซีรีส์ Stranger things ที่บอกว่าวัยเด็กให้อะไรเรามากกว่าที่คิด !

❤️‍🔥📌ข้อคิดจากซีรีส์ Stranger things ที่บอกว่าวัยเด็กให้อะไรเรามากกว่าที่คิด ! พวกเราขออาสาพาเพื่อน ๆ มาค้นหาคำตอบกันค่ะว่าภายใต้เนื้อเรื่องที่ตื่นเต้นและลุ้นระทึกไปกับตัวละคร ยังมีอะไรที่ซีรีส์ชุดนี้แอบกระซิบบอกคุณอีกบ้าง..?🍿🪄

______________________________________________________________

🫀🗣“เพื่อน ไม่โกหกกัน” คำสัญญาที่ทรงพลังที่สุด🌟

______________________________________________________________

คำพูดดังกล่าวมาจากตัวละคร อีเลเว่น หรือแอล 🗣พูดกับแก๊งเด็กเนิร์ดครั้งแรกในซีซัน 1 แต่เชื่อไหมคะว่า นี่เป็นคำพูดที่ทรงพลังกับพวกเขาและคนดูอย่างต่อเนื่องมาจนถึงซีซันที่ 4 เลยทีเดียว 🔥 ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? เพราะในสังคมวัยเด็ก สิ่งสำคัญในหมู่เพื่อน ๆ คือคำสัญญา👩🏼‍🤝‍👩🏽 เพราะคำสัญญาเป็นการแสดงความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อเพื่อนในวัยนี้ ทำให้พวกเขากล้าที่จะบอกความลับในใจของตนเองให้เพื่อนรับฟัง และแก้ไขจนผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนไปได้

แต่น่าแปลกที่เมื่อเราโตขึ้นมาในวัยผู้ใหญ่ เรากลับหลงลืมเรื่องนี้ไป เราเชื่อว่าการเงียบและก้มหน้ายอมรับความจริงคือสิ่งที่ทำให้ผ่านพ้นปัญหาไปได้⚡️ ดังนั้นคำสัญญาในเรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจที่ทำให้เรากล้าหันไปหาคนข้างกายและบอกเรื่องจริงที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง แม้ว่าปัญหานั้นจะมีแค่คุณเท่านั้นที่แก้ปัญหาได้ แต่เชื่อเหลือเกินว่าเพื่อนของคุณจะคอยปลอบประโลมอยู่ข้าง ๆ คุณอย่างแน่นอนค่ะ

______________________________________________________________

👤☔️ ปีศาจภายในใจที่แท้จริงคือ “ความเศร้า” 😢💧

______________________________________________________________

ในเรื่องนี้ศัตรูตัวฉกาจแน่นอนว่าคงหนีไม่พ้น “อสูรเดโมกอร์กอน”👺 แต่ที่น่าสงสัยคือ ทำไมอสูรตัวนี้ถึงเล่นงานเฉพาะคนบางกลุ่ม ? หากใครติดตามซีรีส์เรื่องนี้มาตั้งแต่ซีซัน 1 จะพบว่า คนที่ถูกอสูรตนนี้ครอบงำคือ วิล เด็กชายพูดน้อยจากแก๊งเด็กเนิร์ด และ บาบาร่า สาวเจ้าเนื้อที่คอยติดสอยห้อยตามเพื่อนสนิทของเธอ แต่สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังทำให้คนดูอย่างเราเห็นคือ สิ่งที่ทำให้อสูรเดโมกอร์กอนเลือกมาเล่นงานพวกเขาทั้งคู่เป็นเพราะ ความอ่อนแอทางจิตใจ !😿

การไม่ได้รับการเอาใจใส่จากครอบครัวและเพื่อน เป็นจุดร่วมที่ตัวละครทั้งสองมีเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ภายในใจของทั้งคู่อ่อนแอและเปลี่ยวเหงา 🍃และแน่นอนว่าความเศร้าย่อมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เมื่ออสูรเดโมกอร์กอนได้กลิ่นความอ่อนแอในจิตใจ ก็ยิ่งง่ายต่อการครอบงำคนเหล่านั้น อสูรเดโมกอร์กอนจึงไม่ใช่อสูรจริง ๆ แต่เป็นตัวแทนของความเศร้าที่กำลังครอบงำจิตใจคนเหล่านั้น 🌘

ดังนั้น ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้กำลังบอกคุณว่าความเศร้าจะทำให้เกิดปีศาจในชีวิตจริง แต่พวกเขากำลังบอกคุณว่าความเศร้าคือปีศาจที่แท้จริงในชีวิตของเราต่างหาก 📌เพราะเมื่อความเศร้าเริ่มครอบงำจิตใจของเรา สิ่งเหล่านี้จะแสดงออกผ่านอุปนิสัยในชีวิตประจำวัน และเมื่อเรายินยอมให้ความเศร้าเกาะกินจิตใจของเรานานเท่าไหร่ ปริมาณของมันก็จะยิ่งมหาศาลมากเท่านั้น จนท้ายที่สุดตัวเราก็จะหลอมรวมเข้ากับความเศร้าจนแยกจากกันไม่ได้ ดังนั้นวิธีการในการผ่านพ้นความเศร้าจำเป็นต้องมีบุคคลใกล้ชิดอย่างครอบครัว 👨‍👩‍👧หรือเพื่อนฝูง 👩🏼‍🤝‍👩🏽ในการช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างพวกเขาเหล่านั้น เพราะคนเหล่านั้นจะอยู่เคียงข้างคุณและค่อย ๆ ชะล้างปีศาจในจิตใจให้หายไป💗

______________________________________________________________

👨‍👩‍👧🏡 ครอบครัว = Safe Zone จริงหรือ ?? 💔

______________________________________________________________

ใครหลายคนคงมองว่าครอบครัวเป็นพื้นที่อบอุ่นและปลอดภัย แต่ไม่ใช่ครอบครัวของ แอล อย่างแน่นอน 💔เพราะเธอและพี่น้องอีกหลายสิบชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของชายที่พวกเธอเรียกว่า ‘พ่อ’ (Papa) 👨🏻‍🦳แม้คำนี้จะบ่งบอกถึงความเป็นครอบครัว แต่บรรยายกาศที่เธอและพี่น้องอยู่กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง การแข่งขัน และการแย่งชิง ภายในห้องส่วนตัวที่ดูเหมือนสี่เหลี่ยมเล็กแคบที่ติดกล้องวงจรปิดติดตามพวกเธอทุกอิริยาบถดูเหมือนเป็นครอบครัวที่แปลกประหลาดไปเสียหน่อย จนคนดูอย่างเรามองว่า พี่น้องและพ่อที่เธอเชื่อว่าเป็นครอบครัวนั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับ คุก ที่ขังพวกเธอเอาไว้เลย ทำให้แอลไร้อิสระและการรับรู้จากโลกภายนอก จนกระทั่งตอนที่เธอหนีออกมาเจอโลกกว้าง แอลจึงกลายเป็นเด็กที่แปลกแยกของคนในสังคมไปโดยปริยาย🧍🏻‍♀️

📌 ซีรีส์เรื่องนี้กำลังสะท้อนครอบครัวในยุคปัจจุบันให้เราเห็นว่า การจำกัดกรอบความคิดและควบคุมการกระทำของเด็ก ๆ ทำให้พวกเขาขาดอิสรภาพและวิจารณญาณในการตัดสินใจด้วยตนเอง แม้สถานภาพจะเป็นครอบครัว แต่การกระทำกลับไม่ต่างจากคุกที่มีเด็ก ๆ เป็นนักโทษและพ่อแม่เป็นผู้คุม ⌛️ดังนั้น สิ่งเดียวที่ครอบครัวควรทำคือปล่อยให้เด็ก ๆ เติบโตตามธรรมชาติของพวกเขา 🌅ปล่อยให้พวกเขาได้เข้าใจชีวิตและปรับตัวไปตามสภาพแวดล้อมด้วยตนเอง เพื่อที่พวกเขาจะได้ยืนด้วยลำแข้งของตนเองได้อย่างมีความสุข กระทั่งเมื่อถึงเวลาที่พวกเขาสามารถโบยบินออกไปจากอ้อมกอดของพ่อแม่ได้ พวกเขาจะบินกลับมาหาเราอย่างภาคภูมิใจ✨

______________________________________________________________

🧠“ความฉลาด” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุเสมอไป 👧🏻👩🏽‍🦱👨🏻‍🦳

______________________________________________________________

📌เรามักเชื่อกันไปเองว่าคนที่สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ย่อมเป็นคนที่มีวุฒิภาวะอย่างคนที่เราเรียกว่า “ผู้ใหญ่” แต่ซีรีส์เรื่องนี้กำลังทำให้เรามองเห็นในมุมมองที่ต่างออกไป เพราะคนที่คอยแก้ปัญหาที่ผู้ใหญ่ทำไว้กลับเป็นเพียงเด็กอย่างพวกเขาเสียอย่างนั้น ! 👨🏻‍🦳🧒🏽

ในซีรีส์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องผ่านก๊วนเด็กแสบวัยมัธยมที่แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือเมืองให้รอดพ้นจากอสูรเดโมกอร์กอน สิ่งที่น่าสังเกตคือเรื่องนี้กำลังสะท้อนความรู้และจินตนาการของเด็กวัยนี้ในการแก้ไขปัญหา แม้จะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่วัยผู้ใหญ่ยอมรับ แต่นั่นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่พวกเขาสร้างสรรค์ขึ้นมาจากจินตนาการและประสบการณ์ของพวกเขา ✨แม้จินตนาการของพวกเขาจะสำคัญมากเพียงใด แต่วัยผู้ใหญ่ก็ยังมีส่วนสำคัญสำหรับพวกเขาเช่นกัน สิ่งนั้นคือ ความเข้าใจ เด็ก ๆ เพียงต้องการให้ผู้ใหญ่เข้าใจและสนับสนุนพวกเขาไปจนสุดทาง แม้จะมีอุปสรรคมากีดขวาง แต่ความเข้าใจและไว้ใจต่อพวกเขาจะเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีให้พวกเขามุ่งมั่นแก้ไขปัญหานั้นด้วยตนเอง💗👩🏼‍🤝‍👩🏽

🕸🌙⚡️🌊

✨ซีรีส์ Stranger things มีกระแสโด่งดังอย่างต่อเนื่องมาจนถึงซีซัน 4 ด้วยเนื้อหาที่น่าติดตามและองค์ประกอบที่มีกลิ่นอายปลายยุค 90’S ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ครองใจใครหลาย ๆ คนเสียอยู่หมัด 🔥

🪄📚จากผลงานชิ้นทองของพี่น้องนักเขียน “ดัฟเฟอร์” และนักแสดงหน้าใหม่ที่มาประชันฝีมือกันอย่าง มิลลิ บ็อบบีบราวน์, เซดี ซิงก์, ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด และกองทัพนักแสดงอีกคับคั่งที่พร้อมส่งมอบความสนุกลุ้นระทึกกับแฟน ๆ ฉายแล้ววันนี้ทางสตรีมมิ่ง Netflix 🖤

..หากใครอ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วพวกเราก็อยากกระซิบกับคุณว่า ..อดใจรอ ซีซัน 5 นี้ดี ๆ เพราะไฟนอลซีซันนี้จะให้บทสรุปแก่คุณว่า แม็กซ์จะกลับมาหรือไม่ ? แล้วพวกเขาจะปลดพันธนาการคำสาปของเว็คน่าและสร้างปาฏิหารย์แก่เมืองฮอว์กิ้นส์ได้อย่างไร ? Stranger things จะกลับมาอย่างแน่นอน ! 📌