เราเชื่อเลยว่าสาวๆ หลายๆ คนติดทานรสจัด และแน่นอนว่าวันนี้เรามีเมนูดีต่อสุขภาพแต่ยังแซ่บมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ แต่ถึงเราจะเคลมว่ามันดีต่อสุขภ่าพ แต่เพื่อนๆ ก็ต้องระวังการเติมเครื่องปรุงด้วยนะคะ ซึ่งในคลิปที่เราเตรียมมามันจะเป็นอาหารที่ปรุงในระดับที่คนปกติรับประทาน แต่หากเรารักษาสุขภาพหรือควบคุมน้ำหนักอยู่ ก็ควรลดปริมาณการใช้เครื่องแกง เครื่องปรุงรส ใช้เพียง ⅔ หรือ ½ ก็เพียงพอค่ะ ไม่งั้นถึงแม้อาหารที่เราคัดมาจะไม่อ้วนก็จริง แต่บวมโซเดียมนี่ก็ไม่ไหวเด้อออ ว่าแต่อาหารที่ว่านั้นจะเป็นอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า

รูปภาพ:https://i.ytimg.com/vi/cK-3RFJxL0E/maxresdefault.jpg

วิธีทำและเครื่องปรุง น้ำพริกปลาทู

ส่วนผสมน้ำพริกปลาทู

เนื้อปลาทูตัวเล็กย่างหรือทอด (แกะเอาเฉพาะเนื้อเท่านั้น) 1 ตัวพริกขี้หนู 10 เม็ดกระเทียมไทย (กลีบเล็กหรือกลีบใหญ่ได้ทั้งนั้น) ลอกเปลือก 10 กลีบหอมหัวแดง ลอกเปลือก 5- 6 หัวน้ำปลา 1- 2 ช้อนโต๊ะ(ถ้ามีน้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ใส่น้ำปลาร้าข้น 2 ช้อนโต๊ะ + น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ)น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะน้ำตาลทราย ½ ช้อนชาน้ำต้มสุก 2- 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. เตรียมส่วนผสมให้พร้อม ดังนี้

นำปลาทูมาทอด (ใช้น้ำมันน้อยๆก็พอ) ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วแกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อปลาพริกขี้หนูนำไปล้างน้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นหนาพอประมาณ (เม็ดนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น)นำกระเทียมมาตัดหัวท้าย แล้วลอกเปลืกแข็งทิ้งไป แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึง (กลีบนึงหั่นให้ได้สัก 2 ชิ้น อย่าหั่นบางมาก เวลาเอาไปคั่วจะไหม้ง่าย)หอมหัวแดง เลือกหัวที่ไม่เน่า ไม่ฝ่อ ไม่มีราขึ้น แล้วลอกเปลือก นำไปล้างน้ำสักครั้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นหนานิดนึงถ้าใส่น้ำปลาร้าด้วย ก็ให้ตักเอาเฉพาะน้ำปลาร้าข้นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ.... แล้วผสมกับน้ำต้มสุกอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำไปต้มให้เดือด แล้วยกลงพักไว้ให้เย็น

2. นำพริกขี้หนู กระเทียม และหอมหัวแดงที่เตรียมไว้ ลงไปคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนๆ จนสุกหอม

3. แล้วนำทั้งหมดไปเทใส่ครก (คือพริก กระเทียม หอม และตามด้วยเนื้อปลาทูที่เราแกะเอาไว้) โขลกให้เข้ากันให้แหลกละเอียดตามต้องการ (จะโขลกเอาหยาบๆหน่อยหรือแหลกละเอียด ก็ตามชอบเลยครับ)

4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา (น้ำปลาร้าต้มสุก) น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย

5. แล้วปรับความข้นตามชอบด้วยน้ำต้มสุก แล้วคนให้เข้ากันดี…ชิมรส (ตามชอบ)

6. เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย กินกับผักต้ม และผักดิบได้

รูปภาพ:https://img.kapook.com/u/2016/surauch/cOOK/som2kj1.jpg

ส่วนผสม น้ำพริกแกงส้ม

พริกแห้ง 12-15 เม็ด (20 กรัม)เกลือป่น 1 ช้อนชาหอมแดง 5 หัวเล็กกระเทียมกลีบ 6 กลีบกระชาย 3 รากกะปิ 1 ช้อนชาเนื้อปลาต้มสุก 1 ถ้วย  (150 กรัม)

วิธีทำ น้ำพริกแกงส้ม

เด็ดขั้วพริกออก หั่นซอยพริก หอมแดง กระเทียม กระชายให้เป็นชิ้นหยาบๆ เตรียมไว้หากใช้ปลาสดให้นำปลาไปลวกในน้ำร้อนให้สุก จากนั้นแกะเอาแต่เนื้อ เอาก้างออกให้หมด แต่หากใช้ทูน่ากระป๋องสามารถนำไปใช้ในขั้นถัดไปได้เลยโขลกพริก หอมแดง กระเทียม กระชายซอยหยาบ กับเกลือป่น ตำให้ละเอียด จากนั้นใส่กะปิ เนื้อปลาสุก โขลกให้เข้ากันดี เป็นอันเรียบร้อย ได้พริกแกงส้มเตรียมไว้ใช้ในขั้นถัดไป

เครื่องปรุงและส่วนผสม แกงส้มชะอมไข่ใส่กุ้ง

กุ้งสดขนาดกลาง 8-10 ตัว หรือประมาณ 200 กรัม (ทำความสะอาด, ปอกเปลือกให้เรียบร้อย)ชะอม 1 กำมือหรือประมาณ 1 ขีด (เอาเฉพาะใบใช้ทำไข่เจียวชะอม)ผักกาดขาวหรือผักชนิดอื่นก็ได้แล้วแต่ชอบ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)ไข่ไก่ 4 ฟอง (ใช้สำหรับทำไข่เจียวชะอม)พริกแกงส้ม 1 ถ้วยหรือประมาณ 1-2 ทัพพีน้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะน้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะน้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะน้ำมะนาว 1+1/2 ช้อนโต๊ะน้ำมันพืชสำหรับทอด

ขั้นตอนและวิธีทำ

1. ล้างกุ้งให้สะอาด แกะหัวกุ้งและเปลือกออก ผ่าหลังชักเส้นดำออก เตรียมไว้

2. ต้มน้ำในหม้อ รอจนกระทั่งเดือด จากนั้นใส่น้ำพริกแกงส้ม ใช้ทัพพีคนพริกแกงส้มให้ทั่ว รอจนเดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขาม เกลือป่น และน้ำตาลปี๊บ (ใช้น้ำตาลทรายแทนก็ได้ แต่ใช้น้ำตาลปี๊บจะได้รสชาติแกงส้มที่กลมกล่อมกว่า) คนน้ำแกงให้เข้ากัน ชิมรสให้มีรสเปรี้ยวนำ เค็ม หวาน

3. จากนั้นหั่นหรือฉีกผักกาดขาวเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในน้ำแกง (อาจจะใส่ผักชนิดอื่นก็ได้ ตามแต่ใจชอบ หรือไม่ใส่ผักก็ได้หากชอบทานเฉพาะไข่ชะอมอยู่แล้ว ข้ามไปขั้นตอนถัดไปได้เลย)

4. เติมกุ้งสดลงไปในขณะน้ำแกงเดือด พอกุ้งใกล้สุกให้ใส่ไข่เจียวชะอมทอดที่หั่นเตรียมไว้ (วิธีทำไข่เจียวชะอม ดูหัวข้อด้านล่าง) รอจนกุ้งสุก จึงปิดไฟ เติมน้ำมะนาวเพิ่มหากชอบรสเปรี้ยว เมื่อปรุงรสได้ตามที่ต้องการแล้วจึงตักใส่ถ้วย และเสริฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ (สูตรนี้ สำหรับรับประทาน 2-3 ท่าน)

รูปภาพ:http://food.mthai.com/app/uploads/2015/06/iStock_000049519500_Small.jpg

ส้มตำไทย

เครื่องปรุง + ส่วนผสม* มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง* แครอทหั่นฝอย 1/2 ถ้วยตวง* ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ* น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ  (ถ้าไม่มีสามารถใช้น้ำตาลทรายแทนได้)* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ* มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)* กุ้งแห้ง 1/3 ถ้วยตวง* ถั่วลิสง 1/4 ถ้วยตวง* พริกขี้หนู 10 เม็ด (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความต้องการ)* กระเทียมสด 5 กลีบวิธีทำทีละขั้นตอน1. ใส่กระเทียมและพริกลงในครก ใช้สากตำพอแหลก จึงใส่กุ้งแห้งและตำต่อไปอีกสักพัก

2. ใส่น้ำตาลปี๊บ ตำต่อจนน้ำตาลละลาย จึงใส่มะละกอฝอย, แครอทฝอย, ถั่วฝักยาว, มะเขือเทศ, ถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำมะนาว จากนั้นจึงตำต่อจนส่วนผสมทั้งหมดเคล้ากันทั่ว

3. ปรุงรสให้ถูกปากด้วย น้ำตาล, น้ำปลา หรือน้ำมะนาวเพิ่ม รสดั้งเดิมจะมีรสหวาน, เผ็ด และเปรี้ยวพอๆ กัน

4. ตักใส่จานและโรยหน้าด้วยถั่วลิสง เสิรฟพร้อมผักสด ( กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว, ผักบุ้งไทย, อื่นๆ ) และข้าวเหนียวร้อนๆ ( สำหรับ 2 ท่าน )

รูปภาพ:http://food.mthai.com/app/uploads/2015/06/iStock_000049519500_Small.jpg

สูตรอาหาร : พล่าปลาหมึก

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* ปลาหมึก 400 กรัม (ทำความสะอาดและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)* ตะไคร้ซอย 2 ต้น* หัวหอมใหญ่หั่น 1 ลูก* ต้นหอมซอย 2 ต้น* ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ* ใบมะกรูดซอย 2 ใบ* ใบสาระแหน่ 10 ใบ* พริกขี้หนูซอย 5-10 เม็ด (ปรับได้ตามความชอบ)*http://www.ezythaicooking.com/roasted_chili_paste_th.html2 ช้อนโต๊ะ* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ* น้ำตาล 1 ช้อนชาวิธีทำทีละขั้นตอน1. นำปลาหมึกที่ทำความสะอาดแล้วไปลวกในน้ำเดือด จนเกือบสุก จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำให้แห้ง2. ทำน้ำปรุงรสโดยผสม น้ำมะนาว, น้ำปลา, น้ำตาล และhttp://www.ezythaicooking.com/roasted_chili_paste_th.htmlเข้าด้วยกันในถ้วยขนาดกลาง คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี3. ในชามขนาดใหญ่ ใส่ปลาหมึกลวก, น้ำปรุงรส (ทำในขั้นตอนที่สอง), หอมใหญ่, ตะไคร้, พริก, ต้นหอม, ผักชี, ใบมะกรูด และใบสาระแหน่ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี4. ตักใส่จานเสริฟ แต่งหน้าด้วยผักชีและเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นกับแกล้มของทานเล่นก็ดี(สำหรับ 2 ท่าน)

รูปภาพ:http://cdn.mamaexpert.com/files/wp/2015/03/dfjklmpsxy58.jpg

ผักและเนื้อใส่แกงเลียง

(ไม่ต้องครบตามสูตรหรือใส่มากกว่าก็ได้ เลือกผักที่เราชอบหรือเท่าที่หาได้ ก็ทำแกงเลียงอร่อยทั้งนั้น)

ฟักทอง (ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วยบวบหอมอ่อน หรือบวบเหลี่ยมอ่อน (บวบปอกเหลี่ยมออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วยข้าวโพดอ่อน (ปอกเปลือกเก็บฝอยปลายดอกออกให้หมดและหั่น) 1 ถ้วยเห็ดฟาง (ใช้มีดเกลาโคนและเศษดินออก ล้างน้ำ ผ่า 4 ส่วนตามยาว) 1 ถ้วยเห็ดนางฟ้า (ล้างน้ำและผ่าเป็นส่วน) 1 ถ้วยใบแมงลัก (ล้างน้ำทั้งกิ่ง เขย่าให้สะเด็ดน้ำเด็ดเป็นใบ ๆ) 2 ถ้วยกุ้งสด 1 ถ้วยน้ำลวกกุ้ง 6 ถ้วย

เครื่องแกงเลียง1. กุ้งแห้ง (แนะนำให้แช่กุ้งแห้งในน้ำร้อนไว้ก่อน จะได้นิ่มโขลกง่ายๆ) ½ ถ้วย2. เนื้อกุ้งต้ม ½ ถ้วย3. พริกไทยเม็ด 2 - 3 ช้อนโต๊ะ (จะให้รสเผ็ดร้อนของพริกไทย…ถ้าไม่ชอบจะใส่น้อยกว่านี้ก็ได้)4. หอมแดง 10 หัวกลาง5. กะปิอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ6. กระชาย 3 แง่ง (ใส่เล็กน้อยเพื่อดับกลิ่นคาว จะหอมสมุนไพรเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย)7. พริกขี้หนูสวน 5-6 เม็ด (ตามชอบ หรือใส่เล็กน้อยถ้าไม่ชอบเผ็ดมาก)เครื่องปรุงน้ำปลาอย่างดีสำหรับปรุงรสวิธีทำ1.นำผักทุกอย่างมาล้างน้ำให้สะอาดและปอกเปลือกเอาไว้ และเตรียมหั่นผักบางอย่างไว้ …ส่วนบางชนิดเช่นข้าวโพดฝักเราก็เก็บไว้หั่นตอนจะลงหม้อแกงก็ได้ หั่นเสร็จเราจะเก็บใส่ตู้เย็นไว้ก่อน (เพื่อรอสมาชิกกลับมาบ้านครบ เราค่อยนำออกมาทำก็ได้)

เวลาเตรียมผักลงต้ม เลือกผักที่จะใส่พร้อมกันไว้ติดๆ กัน ผักเนื้อแน่น ผักเนื้อแข็งสุกยาก เช่น ฟักทอง แตงโมอ่อน ผักเนื้อเบารองลงมาและสุกรองลงมา เช่น ข้าวโพดอ่อน บวบ ผักสุกง่ายเช่น เห็ดฟาง ถั่วฝักยาว ผักใบใส่ทีหลังสุดคือใบแมงลัก…เป็นต้น

2.ต่อไปเตรียมเครื่องแกงเลียง ให้นำทุกอย่างมาโขลกรวมกันหรือจะใช้เครื่องปั่นก็ได้ โดยเริ่มจากโขลกกุ้งแห้งก่อน ตามด้วยพริกไทย กระชาย กะปิ หอมแดง กุ้งสด และพริกสด ไม่จำเป็นต้องตำจนละเอียดยิบก็ได้3.วิธีเตรียมกุ้งสดและน้ำซุป ดังนี้กุ้งสดนำไปล้างน้ำ ปอกเปลือก แล้วใช้กรรไกรตัดหัวเอาขี้กุ้งออก ตัดขากุ้งออกด้วย และผ่าหลังแบ่งเป็น 2 ซีกดึงเอาเส้นดำทิ้งไป (ที่แคะออกด้วยไม้แหลมหรือไม้จิ้มฟัน)จากนั้นเราก็จะนำกุ้งมาต้มในน้ำเดือดแค่พอกุ้งสุก (เพราะเราต้องการน้ำที่ได้จากการต้มกุ้งนี้ไปทำน้ำซุป)…โดยกรองเอาน้ำไว้ด้วยพอได้กุ้งที่สุกแล้ว เราก็จะนำมาแกะเอาเปลือกกุ้งออก แต่ยังไม่ทิ้งเปลือกกุ้ง…ถ้าสังเกตุให้ดีที่เปลือกกุ้งจะมีหัว และมันกุ้งติดอยู่…ให้นำเอาทั้งหมดนั้นมาปั่น แล้วละลายในน้ำต้มกุ้ง…และใช้กระชอนกรองเอาส่วนที่ปั่นไม่ละเอียดทิ้งไป…เราก็จะได้น้ำซุปกุ้งสุดแสนหวานมำทำแกงเลียง โดยไม่ต้องใช้ผงปรุงรสใดๆ มาช่วยเล4.เมื่อได้น้ำซุปกุ้งสดมาแล้วก็นำไปใส่หม้อต้มให้เดือด พอน้ำแกงเดือดใส่เครื่องแกงเลียงลงไป5.พอน้ำแกงเดือดอีกครั้ง…ให้เตรียมผักลงใส่ตามลำดับความสุกช้า เร็ว ของผัก คือผักสุกยากใส่ก่อน ตามด้วยผักสุกง่าย6.ปรุงรสด้วยน้ำปลาสักเล็กน้อย ต้องชิมด้วย…ระวังเค็มเกิน (เพราะในเครื่องแกงเรามีทั้งกุ้งแห้ง และกะปิแล้ว)7.ท้ายสุดค่อยใส่ใบแมงลัก ที่เป็นเอกลักษณ์ของแกงเลียงไทย…ใช้ทัพพีกดให้ใบแมงลักจมน้ำแกงให้หมด ปิดเตา พักไว้ 1 นาที คนพอทั่วก่อนตักใส่ชาม…พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ

รูปภาพ:https://img.kapook.com/u/2016/surauch/cook1/u5_2.jpg

สูตรอาหาร : ยำวุ้นเส้น

เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* กุ้งขนาดกลาง 10 ตัว (ล้างทำความสะอาดและปอกเปลือก)* หมูสับ 100 กรัม* คึ้นช่าย 20 กรัม (หั่นความยาวประมาณ 1 นิ้ว)* หัวหอมใหญ่ 1 หัว (หั่นเป็นชิ้น)* มะเขือเทศ 2 ลูก (หั่นเป็นชิ้น)* หอมแดงซอย 20 กรัม* พริกขี้หนูหั่นหยาบ 5 เม็ด* วุ้นเส้น 40 กรัม* น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ* น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ* น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ1. นำหมูสับและกุ้งที่แกะแล้วไปลวกในน้ำร้อนจนสุก สะเด็ดน้ำให้แห้ง2. จากนั้นนำวุ้นเส้นไปลวกน้ำร้อนจนนุ่ม จึงตักออกและทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ3. ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดลงในชามขนาดใหญ่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา, น้ำตาลและน้ำมะนาว ตักใส่จานเสิรฟ แต่งหน้าด้วยผักสด (กะหล่ำปลีซอย, แตงกวา, ถั่วฝักยาว, เป็นต้น)

รูปภาพ:http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/08/D12586254/D12586254-0.jpg

ยำมะเขือยาว

ส่วนประกอบ

-มะเขือยาว 2 ลูก

-กุ้งสด ปอกเปลือกไว้หางลวกสุก 10 ตัว

-เนื้อหมูสับสับละเอียด รวนสุก 150 กรัม

-หอมแดงซอย 8 หัว

-น้ำกระเทียมดอง 1 ½ ช้อนโต๊ะ

-น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

-น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา

-น้ำมะนาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ

-พริกขี้หนูสีแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ

-ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

-ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

ต้มหมูสับและกุุ้งพอสุกแล้วพักไว้ย่างมะเขือยาวบนกระทะด้วยไฟกลาง แนะนำว่าใช้เทฟลอนเพราะจะไม่ติดกระทะ ยาวมะเขือยาวลงย่างไฟกลางจนสุกนิ่ม สังเกตให้เปลือกไหม้เล็กน้อยนำขึ้นพักให้เย็น ลอกเปลือกออกหั่นชิ้นหรือฉีกเป็นเส้น แล้วพักไว้ ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย น้ำกระเทียมดองเข้าด้วยกัน (หากไม่มีไม่เป็นไร) ชิมรสให้เค็มนำเปรี้ยวตามนำน้ำยำที่ผสมราดลงในเนื้อหมูและกุ้ง เติมกระเทียม กุ้งแห้ง หอมแดง พริกขี้หนู ต้นหอม และผักชีจัดมะเขือยาวใส่จานให้สวยงาม นำส่วนผสมน้ำยำราดลงบนมะเขือยาวที่เตรียมไว้ อาจเสิร์ฟพร้อมไข่ต้มยางมะตูม

  ใครเป็นสายสุขภาพแต่ชอบความแซ่บลองไปทำตามกันดูนะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า ด้วยรักและสุขภาพดี

ขอขอบพระคุณสูตรอาหารจาก

http://www.zabwer.com

,

http://www.ezythaicooking.com

,

http://www.foodietaste.com/

ด้วยนะคะ