รีวิว 8 ความสนุกของซีรีส์ 'Orange Is The New Black' ซีรีส์เลสเบี้ยนใน Netflix ที่ไม่ควรพลาด!
เนื้อหาโดยรวมแซ่บมาก ผู้หญิงที่ไม่ใช่เลสเบี้ยนก็ดูได้ ผู้ชายก็ควรดู!
เผยแพร่: 3 ก.ย. 2561 17:37 น.
Views: 21,463
รหัสบทความ: 54130
ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษตามกฎหมายเหมือนกับผู้ต้องหาหญิงคนอื่น ๆ แต่เรื่องที่ไม่ธรรมดาก็คือ สังคมผู้หญิงในเรือนจำและนอกเรือนจำ ต่างกันมาก ๆ ราวฟ้ากับเหว และในหลาย ๆ เรื่องนั้นก็แทบไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงจะมีพลังทำลงไปได้!
เพราะเรือนจำมีเรื่องอีกมากให้ตีแผ่ ซีรีส์Orange Is The New Blackจึงแบ่งย่อยถึง 6 ภาคเพื่อนำเสนอโลกมืดของผู้หญิง บางคนอาจจะคิดว่าก็แค่ผู้หญิงไปติดคุกแล้วรอวันพ้นโทษ ทำไมต้องแบ่งยาวถึง 6 ภาคขนาดนั้น? พี่อาร์ตจะมารีวิวคร่าว ๆ ให้ฟังค่ะว่า เรื่องนี้น่าดูมากแค่ไหน ต่อให้ยาวถึง 6 ภาคก็ตาม! ( แต่ละภาคแบ่งย่อยไปอีกประมาณ 10-14 EP. แต่ละ EP. ความยาวประมาณเกือบ 1 ชั่วโมงค่ะ ดูกันยาว ๆ ไปเลย )
#1 สปอยล์เรื่องย่อ
ไพเพอร์ แชปแมน
( นางเอก ) เป็นคนที่มีฐานะและหน้าตาทางสังคมพอควร ต้องเข้าคุกมาชดใช้กรรมเพราะในอดีต เคยร่วมมือกับ
อเล็กซ์ วอซ
( จะเรียกว่าพระเอกก็ได้นะคะ เพราะเธอค่อนข้างแมนมาก 555 ) แฟนเก่าที่เป็นเลสเบี้ยนขายยาเสพติดลักลอบส่งเงินผิดกฎหมายข้ามประเทศ ทั้งที่ชีวิตกำลังไปได้สวยงาม กำลังจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มนักเขียน และกำลังจะวางแผนมีธุรกิจสมุนไพร ทุกอย่างต้องเป็นอันพับโครงการไป รอให้เธอเป็นอิสรภาพมาเคลียร์ทุกสิ่ง
แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าเรือนจำ เรื่องก็ไม่ราบรื่นอย่างที่คิด แชปแมนต้องเผชิญหลายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวอซ ที่ทะเลาะกันแทบตายยังไง สุดท้ายก็หนีกันไม่พ้นอยู่เรื่อย ( เดี๋ยวรัก เดี๋ยวเลิก ) การแบ่งรับแบ่งสู้กับนักโทษคนอื่น ๆ การเผชิญกับผู้คุมที่แทบจะพึ่งพาอะไรไม่ได้เลย และการเผชิญกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายอีกมากที่ทำให้แกร่งขึ้น เป็นคนละคนกับที่ยังไม่เคยรับโทษ ( บางทีก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด )
แต่ก็ใช่ว่าในคุกจะเจอแต่เรื่องโหดเสมอไป ในระหว่างทางสู่อิสรภาพก็ยังมีมิตรภาพ การได้ไปรู้เห็นปมชีวิตของแต่ละคนด้วย ทำให้แชปแมนก็ยังพอจะมีกำลังใจอยู่บ้างที่จะอยู่เรือนจำได้ต่อไป ( เธอจะออกด้วยวิธีไหน? แล้วจะเปิดโปงเรื่องแย่ ๆ อีกไหม? ต้องไปติดตามเองค่ะ ขออุบไว้ก่อน อิอิ )
#2 ความซื่อและเด๋อ มักเรียกแขกให้นางเอกเสมอ
นางเอกคือ 1 ในต้นเหตุที่ทำให้ซีรีส์ยาวกว่าที่คิด เพราะความซื่อ ๆ เด๋อ ๆ มักพาซวยเสมอ หลายเรื่องที่เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เกิด มันก็เกิดจนได้ ทำให้ต้องคอยระวังตัวอยู่เรื่อย แต่นิสัยนี้ของเธอก็มีดีอยู่บ้างตรงที่ว่า มันทำให้เธอพอจะมีเพื่อนในคุกกับเขาบ้าง เพราะโดยเนื้อแท้ของเธอไม่คิดร้ายกับคนอื่นอยู่แล้วถ้าคนอื่นไม่ทำเธอก่อน ( และสู้คนไม่เก่งด้วย เห็นขรึม ๆ เงียบ ๆ ข้างในความกลัวเพียบก็มี 555 )
#3 ความรักไม่ใช่แค่เรื่องเพศอย่างเดียว
แม้ความวาบหวิวจะมีอยู่ในซีรีส์นี้บ้าง แต่ซีรีส์ก็เน้นการทำความเข้าใจในความรักแต่ละรูปแบบได้ดีมาก ละเอียด แทบทุกมุม ไม่ว่าจะความรักระหว่างเลสเบี้ยนสวย ความรักระหว่างเลสเบี้ยนที่หน้าตาไม่ดี ความรักระหว่างผู้คุมกับนักโทษ ความรักระหว่างผู้คุมด้วยกันเอง ความรักระหว่างคนในครอบครัว ซีรีส์เรื่องนี้จึงไม่ใช่ซีรีส์ที่เน้นเอาใจแต่เลสเบี้ยนอย่างเดียว แต่เป็นสื่อกลางที่ช่วยทำความเข้าใจมนุษย์โลกทุกเพศ ทุกรูปแบบความรักด้วย
#4 เป็นซีรีส์ที่ทำความเข้าใจความหลากหลายทางเพศได้ดีมาก
ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่มีตัวละครเลสเบี้ยน ทอม ดี้ เพื่อให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมเรือนจำหญิงเท่านั้น ยังมีตัวละครสำคัญอย่าง' โซเฟีย 'สาวทรานส์ ( สาวประเภทสองที่แปลงเพศแล้ว ) ซึ่งแต่เดิมเป็นชายแท้ แต่งงาน มีลูกชายแล้ว แต่วันหนึ่งเกิดพึงพอใจที่จะเป็นผู้หญิงจึงแต่งหญิงและแปลงเพศเป็นหญิงเต็มตัว แต่ก็ยังรักและหวงภรรยาและลูกชายมาก ๆ แม้จะรู้ว่าลูกชายเป็นคนแจ้งตำรวจให้เธอเข้าคุก และภรรยาจะทำใจรับเรื่องนี้ได้ยากจนต้องมีผู้ชายใหม่ก็ตาม ถือว่าเป็นตัวละครตัวอย่างที่ทำความเข้าใจกับคนดูได้ดีมาก ๆ เลยค่ะว่า เรื่องแบบนี้ก็มีจริงและไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ( ถ้าในไทยของเราก็ประมาณคุณพอลลีน อดีตนายกสมาคมเชียร์ไทย โต้โผกองเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยค่ะ )
#5 เป็นซีรีส์ที่สลายพันธะเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ
เปลือกนอกแค่เป็นสิ่งที่ใช้ยึดถือชั่วคราว สุดท้ายแต่ละคนก็เป็นคนเหมือน ๆ กัน สิ่งนี่น่าสนใจในซีรีส์นี้อย่างหนึ่งก็คือ การถ่ายทอดให้เห็นว่าแม้จะมีการเหยียดกันบ้างตามธรรมดาของความแตกต่างที่ขาดความเข้าใจ แต่สุดท้ายทุกคนก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ถ้ารู้จักก้าวข้ามสิ่งที่ยึดถืออยู่แล้วมองที่ความเป็นคนเท่า ๆ กัน...ความเป็นมนุษย์คือแก่นแท้ของศาสนาทุกศาสนา
#6 ทุกคนมีปมชีวิต... ดูแล้วเราจะเข้าใจคนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น
ในซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ย้อนภาพไปว่า ตัวละครที่เป็นนักโทษแต่ละคนมีปมชีวิตอะไรที่มีผลต่อการตัดสินใจผิดพลาด ตัวละครที่ไม่ใช่นักโทษก็ใช่ว่าจะมีชีวิตที่เพอร์เฟกต์ ผู้คุมและพัศดี ถึงจะมีอำนาจแต่ก็มีทุกข์และมีเบื้องหลังที่น่าเห็นใจไม่แพ้กันเลย ถ้าดูซีรีส์เรื่องนี้จบจะรู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกนี้ก็คือการให้กำลังใจกันและกัน แต่ละคนก็ล้วนแต่มีวันแย่ ๆ ที่ต้องการใครมาปลดปล่อยหรือรับฟังกันทั้งนั้นแหละ
#7 ดูแล้วจะเข้าใจโลกมากขึ้น ถึงจะมีเรื่องแย่ ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายจนอยู่ไม่ได้
ซีรีส์เรื่องนี้คือคู่มือของการ' อยู่เป็น 'เพราะจะพาไปส่องให้เห็นว่าทุกสิ่ง ทุกคน ที่เกิดบนโลกเหล่านี้ล้วนแต่มีที่มา มีเบื้องหลังซ่อนอยู่ สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิดเสมอไป คนที่ดูเหมือนจะโหดร้าย แต่ลึก ๆ อาจจะเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง คนที่เพอร์เฟ็กต์สุด ๆ บางทีก็อาจมีเรื่องให้ต้องระวังตัวเอาไว้ โลกไม่ได้น่าอยู่เพราะปราศจากเรื่องแย่ แต่น่าอยู่ได้เพราะเราเรียนรู้ที่จะ' อยู่เป็น 'ต่างหาก
#8 สนุกกับการสืบสวน สางปมทุจริต เฉือนคมกับมาเฟีย
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่มีเนื้อหาดราม่าและเลสเบี้ยนเป็นหลักเท่านั้น อีกความสนุกอย่างหนึ่งก็คือบู๊แอคชั่นที่ไม่ใช่แค่การใช้กำลังอย่างเดียว แต่ยังมีการสืบสวนสอบสวน ลุ้นไปเรื่อย ๆ ว่าความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ตัวละครจะสามารถไขปมและเอาตัวรอดได้หรือไม่? เมื่อมีการสร้างศัตรูกันแล้ว จะคว่ำศัตรูโดยไม่ใช้กำลังได้อย่างไร? ( เพราะกฎเหล็กของคุกคือห้ามพกพาอาวุธ ) แล้วนักโทษจะงัดข้อกับผู้คุมขี้โกงได้ไหม? การคอรัปชั่นจะถูกสางด้วยคนของราชการและนักโทษได้ยังไง? รับรองว่าสนุกจนอยากกดดูรัว ๆ แน่นอนค่ะ
แต่ละคนจะหาทางออกให้ตัวเองได้อย่างไร ความรักของแชปแมนและวอซจะลงเอยอย่างไร แล้วคู่อื่น ๆ จะมีความรักที่แซ่บขนาดไหน ต้องลองไปติดตามกันดูค่ะ ซีรีส์เรื่องนี้ครบรส ได้สาระชีวิตเยอะมาก พี่อาร์ตแนะนำให้ดูเลยจ้า ใครไม่เก่งภาษาอังกฤษ ไม่ต้องห่วงค่ะ มีซับไทยให้อ่านแน่นอน ไว้โอกาสหน้าพี่อาร์ตจะหาหนังเรื่องอื่นมารีวิวนะคะ ^^