สวัสดีค่ะทุกคน

วันนี้เราจะมารีวิวมาส์กชีท 5 ตัวสำหรับคนที่ผิวมันและเป็นสิวง่าย ส่วนตัวเราเป็นคนที่ผิวมันช่วงทีโซนและเป็นสิวค่ะ ช่วงนี้กระแสชีทมาส์กกำลังมา เราเลยคิดว่า การทำรีวิวเปรียบเทียบชีทมาส์กนี้น่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ คนหน้ามัน มีสิว ที่กำลังมองหามาส์กชีทที่เหมาะกับตัวเองอยู่ ลองอ่านเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อกันดูนะคะ

มาส์ก 5 แบรนด์ที่เราจะนำมารีวิวจะมีของ Kuron, Soap & Glory, HECTIC, Hada Labo และ Hyaluron ของ BrownLab ค่ะ เรามาเริ่มการรีวิวกันเลยนะคะ

รูปภาพ:

ตัวแรกคือ Kuron Activated Carbon Crystal Mask ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นมาส์กสำหรับคนที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ แต่ตัวนี้ราคาจะสูงกว่าทุกตัวที่เราหยิบมารีวิวนะคะ

รูปภาพ:

ตัวนี้เป็นเจลมาส์ก ใช้ครั้งแรกไม่ควรมาส์กเกิน 5–10 นาทีนะคะ แผ่นมาส์กแนบกับผิวสนิทเลยค่ะ มีเรื่องที่ต้องคอยระวังนิดเดียวคือ ถ้ามีเล็บ เล็บอาจจะจิกแผ่นมาส์กได้ค่ะ ต้องค่อยๆ แกะนะคะ เวลาที่เรามาส์กจะรู้สึกเย็นๆ ผิว แต่ว่าน้ำเซรั่มเหลืออยู่ในซองเยอะมากเลยค่ะ แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน



รูปภาพ:

ตัวนี้มีข้อดีตรงที่ไม่มีน้ำหอม และไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ ถ้าอยากลองความรู้สึกเวลาใช้มาส์กแบบคอลลาเจนเจล ก็สามารถซื้อมาลองได้ค่ะ



รูปภาพ:

ต่อมาแบรนด์ที่สองเป็นของ Soap & Glory ตัวนี้เป็นมาส์กสำหรับผิวมันและผิวผสมโดยเฉพาะค่ะ

รูปภาพ:

ตัวนี้แผ่นมาส์กค่อนข้างบาง มาส์กแล้วรู้สึกเย็นผิว ระวังแปะรอบตาให้พอดี เราแอบรู้สึกแสบตานิดๆ ตอนมาส์ก ไม่รู้คนอื่นเป็นกันไหมนะ ตัวนี้ใช้มาส์ก 15–20 นาที คนแพ้ง่ายอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษเพราะมีน้ำหอมนะจ๊ะ



รูปภาพ:

แบรนด์ต่อมาเป็นแบรนด์ HECTIC ที่เป็นมาส์กตามช่วงเวลาของเกาหลี คือเราเลือกสูตรนี้มาเพราะว่าอ่านแล้วว่าสูตรนี้ไม่มีน้ำหอม มาส์กชีทตัวนี้จะเน้นเรื่องฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูเด้ง ดูอิ่มน้ำ (ให้มาส์กตอนสี่ทุ่ม) สูตรนี้มีส่วนผสมของผงถ่านที่ช่วยบำรุงและปรับสีผิวให้สว่างสดใสขึ้น ขั้นตอนการมาส์กจะเป็นแบบสองสเต็ปนะคะ



รูปภาพ:

สเต็ปแรกเป็นชีทมาส์กแบบปกติๆ เลย แผ่นมาส์กค่อนข้างหนา แต่ข้อดีคือเกาะหน้าแบบเอาอยู่ไม่มีไหลเลื่อนลงมาเวลาเดิน ส่วนน้ำเซรั่มจะเป็นแบบใสๆ ค่ะ เนื้อมาส์กเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์ บอกตรงๆ ว่านุ่มนิ่มมากกกถึงมากที่สุด ถูกโฉลกกับผิว ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นและดูแลผิวที่เหนื่อยล้าจากการออกไปทำงานได้ดีจริงๆ

รูปภาพ:

พอเรามาส์กสเต็ปแรกเสร็จโดยใช้เวลา 5–10 นาที หลังจากนั้นให้ใช้แผ่นสำลีในสเต็ปสองที่เป็นแผ่นมอยซ์เจอร์ไรซ์เซอร์มาโป๊ะไว้ที่ข้างแก้มข้างละ 5 นาที หรือจะใช้เช็ดให้ทั่วใบหน้าก็ได้ สเต็ปที่ 2 นี่จัดว่าสร้างความเฟรชให้หน้าสุดๆ รู้สึกเย็นๆ และเบาสบายหน้ามากขึ้น ดูคุ้มค่า คุ้มราคามีให้ใช้ตั้งสองสเต็ปแน่ะ

รูปภาพ:

มาส์กตัวที่สี่เราเลือกหยิบมารีวิวเป็นมาส์กชีทของฮาดะ ลาโบะ ที่เราเลือกสูตรนี้เพราะเป็นมาส์กที่มีความอ่อนโยน ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม สีและน้ำมันแร่เลยค่ะ

รูปภาพ:

แผ่นมาส์กค่อนข้างหนาเหมือนกันนะตัวนี้ ให้ความชุ่มชื้นดี ผิวรู้สึกเนียนนุ่มๆ คือเพื่อนๆ อาจจะเห็นว่ามันเป็นสูตรแอนไท-เอจจิ้ง ถ้าเรายังอายุไม่เยอะ ไม่ค่อยมีริ้วรอย ไม่ต้องใช้หรอก ที่จริงมันใช้ได้ทุกอายุนะเธอ คือเริ่มดูแลผิวก่อนมันก็ดีกว่าไรงี้ ส่วนตัวเราคิดว่าโอเคน้า ถ้ามีโปรซื้อตุนไว้ใช้ก็ได้อยู่



รูปภาพ:

ตัวสุดท้ายที่จะมารีวิวในวันนี้คือ Hyaluron ของ BrownLab ชุ่มชื้นมากกก เน้นความชุ่มชื้นจริงๆ แต่ว่าแผ่นมาส์กจะบางกว่าทุกยี่ห้อ ปัญหาเวลาใช้งานคือ เวลาแผ่นมาส์กบางมากๆ แล้วคลี่ยาก กว่าจะจัดการแปะลงผิวได้ ก็ใช้เวลาพอสมควรเลย



รูปภาพ:

ตัวนี้ได้เรื่องความชุ่มชื้น มาส์กเสร็จแล้วรู้สึกจะมีเซรั่มกองอยู่บนผิวค่อนข้างที่จะเยอะกว่าตัวอื่น แนะนำสำหรับคนที่ผิวมันขาดน้ำ แล้วอยากเติมน้ำให้ผิว ตัวนี้เติมน้ำได้ดี แต่เซรั่มซึมค่อนข้างช้า และแผ่นมาส์กบางกว่ายี่ห้ออื่นนะจ๊ะ



รูปภาพ:

เราตั้งใจมาทำรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจของเพื่อนๆ นะ ถ้าอ่านแล้วอยากลองใช้แบรนด์ไหนก็ลองไปซื้อกันมาใช้ได้น้า ทุกแบรนด์มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เราไม่เชียร์แบรนด์ไหนเป็นพิเศษ ให้ทุกคนเป็นคนตัดสินใจเองก็แล้วกัน ยังไงขอบคุณมากๆ นะ ที่เข้ามาอ่านบทความที่เราตั้งใจเขียนขึ้นมา หวังว่าจะมีประโยชน์นะ เจอกันใหม่บทความหน้าน้า บ๊ายยยบาย