สวัสดีค่าชาวSistaCafeทุก ๆ คน

วันหยุดสุดสัปดาห์ของแต่ละวีค เพื่อน ๆ ได้ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างคะ บางคนอาจจะบอกว่านอนอยู่บ้านดู Netflix ทั้งวัน บางคนก็ชอบออกไปออกกำลัง แต่สำหรับใครที่กำลังหาสถานที่เที่ยว ที่สามารถทั้งกิน เที่ยว ช้อป ได้ภายในวันเดียวล่ะก็ วันนี้ ออม จะขออาสาพาเพื่อน ๆ มาหลง เอ้ย!! มาเที่ยวไปพร้อม ๆ กับออม กันค่า>///<

เพราะวันหยุดที่ผ่านมา ออมได้ไปกิน Shopping ถ่ายรูปภาพสวยแบบ RouteOne Day Trip ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจาก วังหลัง ไปสวนสัตว์ดุสิตจะเป็นอย่างไรนั้นเราตามมาเที่ยวเลยค่ะ


รูปภาพ:

จริงๆ แล้วที่ออมจะมาท่าน้ำวังหลังเพราะว่าอาจจะแวะเยี่ยมคุณลุงที่ศิริราชในตอนเช้า ซึ่ง ในการเดินทางมาศิริราช หรือท่าเรือวังหลังก็ไม่ยากเลยค่ะ และขอแนะนำให้นั่งรถสาธารณะมากันดีกว่านะคะเพราะหาที่จอดรถได้ค่อนข้างยากอยู่

โดยรถเมล์ที่ผ่านก็จะมีสาย 19, 28, 40, 56, 57, 81, 89, 97, 146, 149, 165, ปอ.30 และ ปอ.157

หรือถ้าจะให้แนะนำสำหรับใครที่มากันกับเพื่อนล่ะก็ สามารถใครสะดวกนั่ง BTS ลงสถานีวงเวียนใหญ่ ( ทางลง 2 ) แล้วต่อแท็กซี่มาก็ได้นะคะ ราคาประมาณ 60-70 บาทขึ้นอยู่กับช่วงจราจร ( ซึ่งออมใช้วิธีนี้ )


รูปภาพ:รูปภาพ:

พอถึงแล้วเราก็เดินมาทางฝั่งท่าเรือวังหลัง ตรงข้ามกับโรงบาลศิริราช แล้วเดินเข้ามาเลยค่ะ เมื่อเข้ามาหน่อยก็จะเจอร้านขายลูกชิ้น ร้านขายขนมหวาน และร้านเด็ดชื่อดังอย่าง

ร้านชูชิอรทัย

ขวัญใจของใครหลาย ๆ คนโดยราคาก็ถูกมากมีตั้งแต่ 5 บาท 7 บาท 10 บาท และยังมี ทาโกยากิ ให้เลือกทานด้วย สาขานี้เขามีที่ให้นั่งรับประทานด้วยนะคะ

ถ้าใครหิวน้ำ ข้าง ๆ ร้านซูชิอรทัยก็จะเป็นร้านอเมซอนเอาไว้สำหรับคนที่มานั่งชิวนั่งอ่านหนังสือ หรือนั่งพักเวลาเหนื่อยชอปปิ้งก็ได้ เมื่อทานอิ่มแล้วเราก็เริ่มเดินชอปปิ้งกันเลยค่ะ ซึ่งเดินไปเรื่อย ๆ


รูปภาพ:

ซึ่งเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะมีร้านขายอาหาร ขายน้ำมากมาย โดยส่วนใหญ่แล้วเสื้อในแถบนี้น่าจะมีราคาที่ค่อนข้างถูก โดนใจวัยรุ่นสไตล์เด็กแนว แต่ว่าจะมีร้านไหนสไตล์ไหนกันบ้างนั้นเรา ก็ได้ลองเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ กันบ้าง มาลองดูกันเลยค่ะ


รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

รูปภาพ:

ภายในวังหลังเค้าก็ยังมีร้านบริการเช่าหนังสือ ชื่อ ร้านต้นสน เป็นร้านที่เก่าแก่ มาก ๆ เปิดบริการทุกวัน ( หยุดทุกวันเสาร์ ) ตั้งแต่ 11.00-19.00 น. แต่วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะปิด 17.00น. ค่ะ


รูปภาพ:

เดินกันมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอกับตรอกมืด ๆ ที่เรียกว่า

“ ตลาดเวิ้งประตูเขียว ”

ที่เป็นตลาดแรกในซอยวังหลัง ซึ่งในนี้ก็จะมีสินค้ามือสอง ที่มีสภาพดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ต่าง ๆ ซึ่งถ้าใครตาดี ก็อาจจะได้ของหายากกลับบ้านไปด้วยก็ได้


รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

นอกจากนั้นยังมีร้านขายเครื่องสำอางแบบราคาย่อมเยาว์ ร้านค้ากิ๊บชอปน่ารัก ๆ รวมถึงร้านวัตสัน ให้เหล่าสาว ๆ ได้ช้อปปิ้งกันด้วยนะจ๊ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:

รูปภาพ:

เมื่อช้อปปิ้งกันหนำใจเสร็จแล้วเราก็เดินไปท่าวังหลังเพื่อรอข้ามเรือกันเลย ท่าเรือจะมี 2 ท่านะจ๊ะ ไปท่าพระจันทร์ กับท่ามหาราช ใครที่กลัวหลง ถามนายท่า ที่ยืนอยู่แถวบริเวณโป๊ะได้เลย กันเหนียว!! โดยทริปนี้ออมตั้งใจจะไปลงที่ท่าพระจันทร์ค่ะ เพราะจะไปต่อรอแท็กซี่ ไปสวนสัตว์ดุสิตที่ตรงนั้น

รูปภาพ:

พอถึงท่าก็จะเจอกับด้านเก็บเงิน ซึ่งค่าโดยสารก็คนละ 3.50 บาท เท่านั้นค่ะ อ้อ...ขอบอกไว้หน่อยว่า ด่านเก็บเงินจะมีขาเดียวคือฝั่งท่าพระจันทร์นะ ท่าวังหลังจะไม่มีด่านเก็บเงินเด้ออออ

รูปภาพ:

รูปภาพ:รูปภาพ:

เดินออกมาเรื่อย ๆ ก็จะทะลุข้าง ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แวะซื้อขนมร้านดัง อย่างร้านอร่อย เป็น ร้านขนมปังอบกรอบ มีทั้งแบบเนย และ กระเทียม กันก่อน แล้วก็เรียกรถไปสวนสัตว์ดุสิตกันเลย ( โบกแท็กซี่ประมาณ 60 บาท )

รูปภาพ:รูปภาพ:

รูปภาพ:รูปภาพ:

มาถึงทางเข้าข้างหน้าแล้วค่ะ จริงๆแล้วค่ะเข้าทางสวนสัตว์ดุสิตมีมากมายหลายทางมากๆ แต่ไม่ว่าจะทางไหน

ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ก็คือ 100 บาท สำหรับเด็กราคา 20 บาท และถ้าหากเป็นผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้น กับน้อง ๆ นักศึกษาที่ใส่ชุดนักศึกษาล่ะก็สามารถชมฟรี ได้เลยค่ะ

เมื่อเราซื้อบัตรกันเรียบร้อยแล้ว งั้นตามเข้าไปกันเลย


รูปภาพ:รูปภาพ:

ภายในสวนสัตว์มีความร่มรื่นและอากาศดีมาก ๆ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดรวมแล้ว 118 ไร่ ที่ประกอบด้วยสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ต่าง ๆ จากแอฟริกา จากออสเตรเลีย สัตว์น้ำ สัตว์เลื้อยคลาย สัตว์ปีก รวมถึงสัตว์หากินกลางคืน เอามาจัดแสดงให้ประชาชนได้เพลิดเพลิน และ เป็นการเพิ่มความรู้เกี่ยวกับชีวิตของสัตว์ แถมยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจให้กับคนที่เข้ามาชมอีกด้วย

รูปภาพ:http://www.dusit.zoothailand.org/images/design/Export%20Dusit%20Zoo%20Map%202017-02.png

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

รูปภาพ:รูปภาพ:

ภายในสวนสัตว์ดุสิตจะมีโชว์ทั้งหมด 2 โชว์ นั้นก็คือ

โชว์แม่น้ำ และ โชว์กายกรรมจากประเทศเคนย่า


ซึ่งค่าเข้าชมราคาโชว์ละ 20 บาท / คน

วันนั้น ออม เลือกที่จะดูโชว์กายกรรมจากเคนย่า เพราะไม่เคยดูโชว์นี้มาก่อน ( ส่วนแมวน้ำเคยดูแล้ว ) ซึ่งนักแสดงเหล่านี้เคยออกรายการชิงร้อยชิงล้าน และไม่มีเงินเดือนได้รายได้เพียงทิปจากผู้ชมเท่านั้น เอาจริง ๆ แล้วโชว์สนุก ตลก และชาวเคนย่าก็เป็นกันเองด้วย ( ล่ำด้วยประเด็น 555+ )

รูปภาพ:

ปิดท้ายกันด้วยจุดไฮไลท์สุดท้าย ที่ถ้าไม่ได้ถ่ายรูปด้วยถือว่ามาไม่ถือเลยค่ะ กับ โซนจัดแสดง ฮิปโปโปเตมัส อย่าง

“ แม่มะลิ ”

นั้นเองค่า ( ชูป้ายไฟ >///< ) แม่มะลินั้นอยู่คู่กับสวนสัตว์ดุสิตมานานแสนนาน เป็น ฮิปโปโปเตมัส ที่มีอายุยืนที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแม่มะลิมีทายาททั้งหมด 14 ตัว ด้วยกัน อยากรู้กันไหมค่ะว่าแม่มะลิอายุเท่าไร ....... แม่มะลิปีนี้มีอายุครบ 52 ปีแล้วค่ะ หรือถ้าเทียบอายุกับคนก็ประมาณ 100 กว่าปีเลยทีเดียว เรียกได้ว่าแข็งแรงสุด ๆ เลย

รูปภาพ:รูปภาพ:

เพื่อน ๆ คนไหนที่ยังไม่เคยไปสวนสัตว์ดุสิต หรือเคยมาตั้งแต่เด็ก นานแสนนานมากแล้ว และอยากจะรำลึกความหลังล่ะก็ ต้องรีบไปหน่อยนะคะ เพราะว่า

ทางสวนสัตว์นั้นจะปิดให้บริการในวันที่ 30 กันยายน 2018

นี้ เพื่อย้ายข้าวของ และขนย้ายสัตว์ต่าง ๆ ไปที่ใหม่ บนที่ดินบริเวณ คลอง 6 ธัญบุรี จำนวน 300 ไร่ สัตว์ต่าง ๆ จะได้มีพื้นที่ที่กว้างขว้าง สะดวกสบายมากขึ้น ยังไงวันหยุดที่จะถึงนี้ ก็ลองไปเยี่ยมแม่มะลิ และน้องสัตว์ชนิดอื่น ๆ กันดูนะจ๊ะ จะไปกับเพื่อนก็ได้ หรือจะไปกับครอบครัวก็ดี

สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน บ๊ายบาย


>///<