1. SistaCafe
  2. 40 แคปชั่นภาษาอังกฤษ บ่งบอกตัวตน 'สาวพูดไม่ค่อยเก่ง' โดยเฉพาะ! #shygirlproblems >//<

Hello Shy Girls ทุกคนในSistaCafe นะคะ (*¯ ³¯*)♡



#เกิดมาก็ขี้อายแล้ว ให้ทำไงได้ ก็ไม่ชอบคุยกับคนเยอะๆ นี่นา ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่กล้าสบตาใคร เลยเป็นคนเพื่อนน้อยจนถึงทุกวันนี้ แง TT^TT

ไหนใครเป็นอย่างที่ว่ามาทั้งหมดยกมือขึ้น!



ในฐานะที่เราเองก็เป็น #คนพูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ ( ไม่ใช่ละ! ) รู้ดีเลยว่า

การใช้ชีวิตในไทย ที่แวดล้อมด้วยสาวร่าเริงพูดเก่ง ทำให้เรากลายเป็นตัวประหลาดไปซะงั้น โดนมองว่าเป็นใบ้ หนักเข้าก็โดนบุลลี่ไปอี๊กกก ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรใครเล้ยยย แค่ไม่พูดดด //เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย~



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2Fd48db2e6-0628-4f24-bca9-9fbb4383ed6d?v=20240304171356&ratio=1.000

วันนี้เราจึงมาชวนสาวๆ ขี้อาย พูดน้อยทุกคน มาเก็บ40 แคปชั่นภาษาอังกฤษเด็ดๆ ที่บ่งบอกตัวตนของเราได้อยู่หมัด!ชอบอันไหนเอาไปใช้กันโลด พูดเลยว่าตรงทุกข้อ! ได้ฝึกภาษาด้วยนะคะซิส ไปอ่านกันเลย Go Go~


*เราจะไม่แปลแบบเป๊ะทุกตัวอักษรนะคะ เน้นเนื้อหาหลักๆ ให้อ่านแล้วเข้าใจง่าย เพราะแต่ละภาษาจะมีความไหลลื่นของคำต่างกัน ถ้าบางคนอ่านแล้วงงว่าแปลผิดหรือเปล่า ก็ขอชี้แจงเหตุผลไว้ตรงนี้เลยน้า ^^

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2Fbc5a8685-e2de-43a9-b616-fec8f52a73ab.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

1. People thinking you're pure and innocent just bacause you're shy -

ใครๆ ก็คิดว่าเธอเป็นคนใสๆ อินโนเซนต์ แค่เพราะมีบุคลิกขี้อายเท่านั้นเอง



2. Being awkward and not knowing what to say around people -

เวลาอยู่กับคนรอบข้าง จะกระอักกระอ่วน อึดอัด ไม่รู้จะพูดอะไรดี //สุดท้ายก็เลือกเงียบดีกว่า



3. Rehearsing your order in your mind before getting to the counter -

ทวนออเดอร์อาหารซ้ำๆ ในหัว ก่อนจะเดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ ( เพราะอยากพูดแค่รอบเดียว รีบสั่งให้มันจบๆ ไป )



4. Opening your mouth to say something only to have someone else speak over you -

จะเปิดปากพูดก็ต่อเมื่อจะบอกคนกลางที่ไว้ใจ ให้เขาพูดผ่านเธออีกที ( ก็อายอะ ไม่กล้าพูดตรงๆ )



5. Having People ask you "Why don't you talk more?" -

มักมีคนถามเธอว่า " ทำไมไม่พูดให้เยอะกว่านี้ล่ะ " ( เอ๊า! ก็กลัวพูดมากแล้วคนรำคาญอะ TT)



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F2336510c-1da6-446e-8293-56d29684d5df.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

6. Wanting to talk to your crush but being too shy to start a conversation, so you just stalk them from a distance -

อยากคุยกับหนุ่มที่ปิ๊ง แต่เขินกว่าจะเริ่มบทสนทนา เลยได้แต่แอบส่องจากที่ไกลๆ ( แต่ไม่ใช่โรคจิตนะ! )



7. Feeling like you're invisible to the entire human race -

รู้สึกไร้ตัวตน จืดจางสุดๆ ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งมวล




8. Needing help but not wanting to ask for it -

ทำไม่ได้นะ

แต่ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ( กลัวเสียงเบาแล้วเขาไม่หัน )



9. Having no problem texting someone, but talking to them in person is a whole other story -

ให้พิมพ์แชทไลน์ แชทเฟส ส่งอีเมล์นี่สบายมาก แต่ถ้าต้องคุยต่อหน้า จะเป็นอีกเรื่องนึงเลย ( ขอหลบมุมเสาแป๊บ )




10. Knowing you're a fun person, but only with people you're close with -

รู้ตัวแหละว่าเป็นคนตลก แต่จะยอมปล่อยมุกเฉพาะกับเพื่อนซี้ๆ กันเท่านั้น




ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2Fb07d8d09-b6b9-4dea-add1-b2c36f2d3a94.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

11. Saying yes to someone but wanting to say no -

อยากปฏิเสธแทบตาย แต่ก็ตอบรับไป ( เพราะขี้เกียจอธิบายเหตุผลยาวๆ )



12. People being surprised when you speak -

คนรอบข้างจะตกใจมากเมื่อเธอพูดแต่ละครั้ง ( " พูดเป็นด้วยเหรอ นึกว่าเป็นใบ้ซะอีก TT^TT " )



13. You seem more interesting and mysterious to people -

สำหรับบางคน เธอดูน่าสนใจ ลึกลับ น่าค้นหากว่าผู้หญิงทั่วไป ( เพราะพูดน้อย เดาใจไม่ถูก! )



14. Feeling like you're going to have a mini heart attack when you have to give a speech in class -

จะออกไปพูดอะไรหน้าห้องแต่ละที เหมือนหัวใจจะวาย โอย ตื่นเต้น!




15. Not being able to make friends easily -

เป็นคนขี้อายแบบนี้ เลยผูกมิตรกับคนอื่นได้ยากจัง



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2Fa83ebe0a-0741-4059-bf7d-94d86d59a73c.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

16. Trying to be outgoing, friendly, and likable, but having no idea how -

อยากเป็นคนเข้าสังคมเก่ง เฟรนด์ลี่ ใครๆ ก็ชอบ แต่ไม่รู้จะทำยังไงอ่า Y^Y



17. Sometimes your shyness has ruined so many opportunities -

เพราะความอายนี่แหละ บางครั้งก็ทำให้พลาดโอกาสดีๆ ไปหลายอย่างเลย




18. People think you're boring and unapproachable -

คนทั่วไปคิดว่าเธอ ' น่าเบื่อ ' และ ' ไม่น่าเข้าใกล้ ' //แง เสียใจ




19. Getting the wrong order and not saying anything -

สั่งของแล้วได้ผิดเมนู ก็ไม่กล้าแย้ง //กลัววุ่นวาย ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน




20. Preparing for your name to be called when a teacher does attendance -อาจารย์เรียกเช็คชื่อทุกที ใกล้ๆ จะถึงชื่อต้องเตรียมตัวเสมอ //จะได้ไม่ช็อค แล้วตอบรับแบบตะกุกตะกัก

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F5fdca72f-4944-4ece-8d71-135ae3783642.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

21. Waiting too long for the right time to add something to a conversation until it's no longer relevant -

เวลาคุยกับใคร ก็รอแทรกในบทสนทนาแหละ แต่ไม่กล้า สรุปเว้นนานเกิน จังหวะไม่ได้ละ //พลาดไปอย่างน่าเสียดาย




22. Saying " I don't know " because it's easier than explaining, even though you know -

มักบอกคนอื่นว่า " ไม่รู้หรอก " เพราะมันง่ายกว่ามานั่งอธิบายยาวเหยียด ทั้งที่บางครั้งก็รู้ แต่ขี้เกียจพูด //อันนี้คนไม่ขี้อายก็เป็นนะ!



23. Wanting to leave a room, and then somebody comes in and you don't want to offend them so you stay here -

เบื่อแล้วอะ อยากออกจากห้องประชุม / ห้องสัมมนา / ห้อง etc. ( ซึ่งเขาก็ไม่ได้ห้ามออกนะ ) แต่พอมีคนใหม่เข้ามานั่งฟังต่อ ก็ไม่กล้าเดินออกไป สรุปก็นั่งอยู่ที่เดิมจนจบจ้า




24. When teachers ask you to repeat an answer over and over again because they can't hear you -

เวลาตอบคำถามอาจารย์ ต้องพูดคำตอบเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะท่านบอกว่า " ไม่ได้ยินเลยหนูจ๋า พูดว่าอะไรนะ? " //ขอโทษค่ะที่เสียงเบาไป...



25. Not looking the person you're talking to in the eyes -

ก็เขินอะ คุยกับใครก็ไม่กล้าสบตา หันหน้าหนีตลอด T T




ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F4e16d06b-0483-401b-a7fb-fda9a4c47c8e.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

26. Blushing at the sound of your name being called -

เวลาใครเรียกชื่อทีไร เป็นต้องหน้าแดงทุกครั้ง ก็เค้าเขินนี่นา >///<



27. No one noticing you were missing for a day -

ถึงหายไปเป็นวันๆ ก็ไม่มีใครสังเกต //เหมาะกับการทำอาชีพนักสืบมาก




28. Feeling like it's impossible for you to speak any louder -

ให้พูดเสียงดังกว่านี้เหรอ? คิดว่าเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ก็ได้วอลลุ่มเท่านี้แหละ -_-




29. People saying you're weird -

คนรอบข้างชอบพูดว่าเธอ ' เป็นคนแปลกๆ ' //แค่พูดน้อยก็คือแปลกแล้วเหรอ - -



30. Hate celebrating your birthday in public, because you have to be center of attention -

ไม่ชอบฉลองวันเกิดในที่สาธารณะ / คนเยอะๆ เพราะไม่อยากเป็นจุดสนใจของใคร //ขออยู่เงียบๆ ดีกว่า




ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F9aee15cd-9a04-42a7-bc94-5c396f30b8a1.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

31. Talking to someone and not knowing where to look -

เวลาคุยกับใคร ไม่รู้เลยว่าควรมองตรงไหนดี หันไปทางโน้นที ทางนี้ที งื้อออ เขินอ้ะ!



32. Not being able to show people the real you -

เพราะบุคลิกแบบนี้ เลยไม่สามารถแสดงตัวตนจริงๆ ให้คนอื่นเห็นได้ //เป็นคนตลกยังไงก็ได้แต่เก็บไว้ในใจ



33. Clothes shopping and too shy to call a sales person to help you -

เวลาไปช้อปเสื้อผ้า หาสีนี้ไม่เจอ หาไซส์ไม่ได้ ก็ไม่กล้าเรียกเซลส์ในร้านมาช่วยดู //เดินหาเองวนไป



34. Forever being known as a shy kid -

จะถูกจดจำฉายาในวัยเด็กคล้ายๆ กันหมดว่า " อ๋อ เด็กคนนั้นไง ที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดน่ะ " ถึงโตมาจะพูดเก่งแล้ว คนในอดีตก็ยังมองว่าเธอขี้อายอยู่ดี




35. Being underestimated by people -

มักถูกมองความสามารถต่ำกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะไม่ค่อยพรีเซนต์ตัวเอง



ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F090f5764-120f-400d-9957-56f7554c95bb.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

36. When you want to talk to someone, so you have to conversation in your head first -เวลาจะเริ่มพูดคุยกับใคร ต้องมีชื่อหัวข้อไว้ในหัวก่อน //จะได้ไม่มีเดตแอร์เนอะ


37. You like to write but you don't show your stories to anyone -เป็นคนชอบเขียน แต่งฟิค แต่งนิยายต่างๆ ( เพราะพูดไม่เก่ง ) แต่ไม่ค่อยได้โชว์สิ่งที่เขียนให้คนอื่นอ่านเท่าไหร่


38. Avoid going somewhere because you know someone  you don't know well works there -ยอมเลี่ยงไปสถานที่บางแห่ง เพราะรู้ว่ามีคนไม่สนิททำงานที่นั่น //เจอหน้าแล้วไม่รู้จะพูดอะไร หลบเลยดีกว่า


39. Being too shy to call or email old friends after a long period of no contact with them -จะกล้าๆ กลัวๆ มาก ถ้าต้องโทรศัพท์ หรืออีเมล์ติดต่อเพื่อนเก่าที่ขาดการติดต่อกันมานานมากแล้ว //เขาจะยังจำเราได้ไหม? จะเริ่มด้วยคำว่าอะไรดี?


40. Saying sorry for something you have no business apologizing for -พูดว่า " ขอโทษ " กับบางอย่างเพื่อให้เรื่องจบ ทั้งที่ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษ //เชื่อว่าทุกคนเคยทำ


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F56971%2F037c917d-28f0-46e9-a118-32fc843320f8.jpeg?v=20240304171356&ratio=1.000

-------------------



ก็นี่แหละนะ ความลำบากของชาวเรา เป็นคนพูดน้อยมีข้อดีตรงที่ ไม่ค่อยมีปัญหากับใครก็จริง ( ถ้าไม่โดนบุลลี่... ) แต่ก็มีข้อเสียหลายอย่างเลย ไม่กล้าพูด กล้ายุ่งกับใครถ้าไม่จำเป็น จนบางทีโตมากลายเป็นคนมีสกิลสังคมต่ำไปเลย แถมยังพลาดโอกาสดีๆ ไปหลายอย่าง เพราะไม่กล้าพรีเซนต์ตัวเองนี่แหละ งืออออ



อันที่จริงเป็นคนขี้อาย ไม่ใช่เรื่องแย่นะคะ มันเป็นบุคลิกของมนุษย์บนโลกที่แตกต่างกัน บางคนพูดมาก บางคนพูดน้อย ไม่ใช่โรคร้ายที่ต้องกำจัดแต่อย่างใด แต่ถ้าถึงขั้นไม่เข้าสังคม ไม่กล้าแย้งเวลาคนเอาเปรียบ อันนี้ไม่โอเคละ ควรปรับ! ถ้าไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไง แนะนำบทความด้านล่างนี้เลย ^^


จำไว้นะคะทุกคน ขี้อายไม่ใช่เรื่องผิด แต่ไม่รักษาสิทธิ์ของตัวเอง อันนี้ผิด! แต่ไม่ต้องกังวล ค่อยๆ ปรับ ค่อยๆ แก้กันไป พยายามหากิจกรรมนอกสถานที่ ที่เธอชอบและสนใจ เช่น ไปเข้าค่ายอาสา, เข้าคอร์สเรียนระยะสั้นต่างๆ แล้วหาเพื่อนคุย หัดยิ้ม หัดสบตา ไม่ต้องเร่งรัดว่าต้องทำได้เร็วๆ แต่ทำเรื่อยๆ ในที่สุดเธอจะประหม่าน้อยลง เป็นตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นแน่นอนค่า



วันนี้เราก็ขอตัวลาไปก่อน หากมีแคปชั่นอะไรเด็ดๆ โดนๆ อีก จะรีบเอามาฝากสาวซิสต้าชัวร์ ไว้ใจได้เลย! เจอกันค่า บ๊ายบาย~~ ♡ ~('▽^人)



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้