เมื่อฤดูกาลใบไม้ร่วงเวียนมาบรรจบอีกครั้ง อีกกิจกรรมที่ถือว่าห้ามพลาดเลยประจำฤดูกาลนี้ นั้นก็คือ การนำพาตัวเองออกไปอยู่ท่ามกลางสีสันสดใสโทนส้ม และแน่นอนว่าที่กรุงโตเกียวก็ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายๆ คนที่อยากจะไปชมใบไม้เปลี่ยนสีซักครั้งในชีวิตวันนี้เลยจะมาแนะนำสวน Hamarikyu ( ฮามะริคิว ) ใจกลางกรุงโตเกียว อยู่ย่าน Shiodome( ใกล้กับตลาดปลา Tsukiji ) บอกได้ว่าใครมาก็ต้องประทับใจ จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าใจกลางกรุงโตเกียวจะมีแหล่ง Oasis พักผ่อนหย่อนใจแสนรื่นรมย์แบบนี้อยู่ด้วย
ขอเล่าประวัติความเป็นมาของสวน Hamarikyu คร่าวๆให้รู้จักกันก่อนสวนแห่งนี้อยู่คู่กับกรุงโตเกียวมาตั้งแต่สมัยสมัยยุคเอโดะแล้วนะ เดิมทีเป็นสวนของตระกูลโชกุน Tokugawaส่วนใหญ่ขุนนางมักจะมาผ่อนคลายด้วยการล่านกเป็ดน้ำ ณ สวนแห่งนี้หลังจากปฏิวัคยุคเมจิสวนแห่งนี้ได้ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของราชวงศ์อิมพีเรียลจนมาถึงทุกวันนี้โดยปัจจุบันได้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้ามาเดินเล่นผักพ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ได้
สวนแห่งนี้มีอะไรให้ชมหลายจุดมาก เดินเล่นทั้งวันชิลล์ๆ ก็ยังได้ แนะนำว่าถ้าอยากเดินที่นี่นานๆ ให้เผื่อเวลามาเร็วๆ เพราะที่นี่จะปิดห้าโมงเย็นค่ะ
วิธีเดินทาง
นั่งรถไฟใต้ดิน ( Oedo Line ) มาลงที่สถานี Shiodome ทางออก 9,10
ราคาตั๋ว
- ผู้ใหญ่ 300 เยน
- อายุ 65 ปีขึ้นไป 150 เยน
* สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น เข้าชมฟรี
* เปิดให้เข้าชมทุกวันยกเว้นช่วงปีใหม่ เพราะว่าที่นี่จะหยุดวันที่29 ธันวาคม - 1 มกราคม
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้จะไปสำรวจด้านในกันว่าบรรยากาศจะร่มรื่นขนาดไหน
นอกจากการชมความงามของต้นใม้ ใบไม้ ที่สวยงามหมุนเวียนตามฤดูกาลแล้ว อีกจุดขายที่ดึงดูดให้ผู้คนมาที่นี่ก็คือ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เราก็จะเห็นภาพที่สะท้อนความ contrast ระหว่างธรรมชาติของเหล่าต้นไม้ ใบหญ้าที่ตัดกับภาพตึกระฟ้าสูงตระหง่าน แต่พูดได้เลยว่ากลายเป็นทิวทัศน์ที่ถูกผสมผสานอย่างลงตัว ด้วยเสน่ห์ที่ว่านี้ทำให้ทั้งชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวชางต่างชาติมากันแบบไม่ขาดสาย
หลังจากชมความงามของใบไม้ต่างๆ แล้วเกิดอาการเมื่อยขาขึ้นมาล่ะก็ งั้นไปแวะไปดื่มชาหรือหาขนมอร่อยๆ ทานกันที่โรงน้ำชาดีกว่า ซึ่งอยู่ภายในสวน Hamarikyu เนี่ยแหละ
ที่สวน Hamarikyu แห่งนี้ สามารถเข้ามาเที่ยวและชมความงามได้ทุกฤดู ไม่ใช่แค่เฉพาะฤดูใบไม้ร่วงเพียงเท่านั้น สิ่งที่รู้สึกได้อย่างหนึ่ง คือ ถึงแม้รอบนอกจะรายล้อมไปด้วยย่านออฟฟิศ แต่พอได้ลองก้าวเท้าเข้ามาในสวนแห่งนี้แล้ว รู้สึกว่าราวกับว่าได้พบกับอีกโลกใบใหม่ที่สงบทันที สวิทช์ลืมความวุ่นวายของเมืองหลวงไปเลย พูดได้เลยว่าถ้าอยากจะสัมผัสกับธรรมชาติในโตเกียว สวน Hamarikyu คือคำตอบค่ะ
สำหรับวันนี้ก็ต้องลากันไปก่อน แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ บ๊ายบายค่ะ