สวัสดีค่ะสาวๆ ซิสต้าทุกคน ^^ สำหรับบทความหัวข้อ " ไดเอท " ในวันนี้ เราจะมาพูดถึงปัญหาโลกแตกของผู้หญิงที่มักประสบพบเจอกันบ่อยๆ นั่นคือ " อาการหน้าท้องป่อง " หรือพุงบวมจากกรดเกิน ลม แก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นบอลลูนลูกกลมๆ เล็กๆ เหมือนท้องสามเดือน จะใส่ชุดรัดรูปก็ไม่ได้ ( กระดุมน่าจะปริก่อน ) รู้สึกอืด เฉื่อย เหนื่อย เบื่อ อายไม่กล้าออกไปเจอหน้าคนแล้ว T^T

สาเหตุก็ไม่มีอะไร กินอาหารเยอะมากเกินไปนั่นแหละ ( ส่วนใหญ่จะเป็นของมันของทอดเสียด้วยสิ ) หน้าท้องจึงได้ป่องออกมาอย่างที่เห็น... ในเมื่อปัญหามันเกิดขึ้นมาแล้ว คงต้องได้เวลาแก้ไขให้กลับมาท้องแบนเรียบอีกครั้ง แต่จะทำวิธีไหนดีล่ะ ยังคิดไม่ตก...

วันนี้เราได้แปลบทความจาก womenshealthmag ถึงวิธีแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ 9 วิธีด้วยกัน โดยจะเรียงลำดับไปเรื่อยๆ ข้อ 1 คือได้ผลน้อยที่สุดไปจนถึงข้อ 9 คือได้ผลมากที่สุด ชอบข้อไหนก็ลองไปทำตามได้เลย เริ่มค่ะ!


1. น้ำมันละหุ่ง ( CASTOR OIL )

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/castor-oil.jpg

เริ่มจากลำดับที่ 1 ลำดับที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลน้อยที่สุด เทคนิคนี้นิยมใช้กันในกลุ่มของนักธรรมชาติบำบัด พวกเขามีทฤษฎีว่า ถ้าทาน้ำมันละหุ่งอุ่นๆ บริเวณหน้าท้อง จะช่วยทำให้ร่างกายช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ทำให้หน้าท้องแบนราบลงได้!

ไม่มีหลักฐานอย่างชัดเจนว่าได้ผลจริง และยังไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ข้อไหนอธิบายผลได้ จึงมีการสันนิษฐานว่า หากใช้แล้วได้ผลก็คงเพราะทำอย่างอื่นด้วยมากกว่า


2. แวรปพันตัว ( BODY WRAPS )

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/body-wrap.jpg

สปาเสริมความงาม ( ที่มักจะขายคอร์สประหลาดๆ พ่วงด้วย ) กล่าวอ้างว่าแวรป ( Wrap ) หรือเทปใสพันตัวเป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำให้ไขมันรอบตัวของเธอหายไปในเวลาอันรวดเร็ว

ทรีมเมนต์นี้จะมีการผสมแร่ธาตุต่างๆ เป็นครีมแล้วห่อตัวไว้เป็นมัมมี่ อาจใช้เป็นพลาสติกหรือเนื้อผ้าก็ได้ แล้วเธอก็จะถูกทิ้งให้อยู่นิ่งๆ เพื่อ " ดีท็อกซ์ตัวเอง " ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แม้บางคนจะยืนยันว่าวิธีนี้ช่วยละลายไขมันได้จริง แต่ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดทางวิทยาศาสตร์บ่งบอกอยู่ดี

น้ำหนักที่ลดเกิดจากเหงื่อที่เสียไปเพราะความร้อน แต่ร่างกายมีความสามารถพิเศษในการย้ายของเหลวจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง หรือมีการย้ายของเหลวไปบนพื้นที่ที่สูญเสียน้ำไป พูดง่ายๆ คือไขมันไม่ได้หายไปไหน อ้วนเหมือนเดิม ถ้าไม่เชื่อลองดื่มน้ำแล้วไปชั่งน้ำหนักอีกครั้งสิ


3. ดีท็อกซ์ด้วยชา ( TEATOXES )

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/detox-tea.jpg

สาวๆ หลายคนอาจเคยเห็นชาสำเร็จรูปหลากหลายยี่ห้อที่อ้างสรรพคุณว่าช่วย " ดีท็อกซ์ " ล้างกระเพาะลำไส้ เร่งระบบเผาผลาญให้น้ำหนักลดลงได้ ที่สำคัญคือแก้อาการท้องป่องได้ชะงัด! สำหรับวิธีนี้ต้องระวังผลข้างเคียงตามมาให้มากๆ

ชามีฤทธิ์ขับปัสสาวะโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าดื่่มมากไปอาจติดเป็นนิสัยและเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้ เช่น อาการท้องเสียอย่างรุนแรง วิธีแก้ไขคือดื่มชาเขียวร้อนๆ ที่ชงเข้มๆ ก็สามารถขับปัสสาวะ ขับน้ำและลดอาการหน้าท้องบวมได้เช่นกัน ไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วยค่ะ.


4. ยาชนิดน้ำ ( WATER PILLS )

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/water-pills.jpg

เมื่อใช้วิธีธรรมชาติไม่ได้ ก็ต้องพึ่งสารเคมีแล้วล่ะ! มียาน้ำบางชนิดที่มีสรรพคุณบอกว่า " ช่วยชำระล้างระบบในร่างกาย ลดอาการท้องป่องได้ " แต่การกินยาบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี อาจเกิดผลข้างเคียงที่น่ากลัวขึ้นก็ได้

สำหรับบางคนแล้ว ยิ่งกินยา อาจจะยิ่งทำให้เกิดการกักเก็บน้ำเท่ากับตอนก่อนที่เธอกินยานั้นซะอีก สาวๆ บางคนใช้ครั้งแรกแล้วได้ผลดี จึงใช้ทุกครั้ง ใช้บ่อยๆ ใช้ตลอดเวลาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ขอกระซิบบอกเบาๆ ว่า ระวังไตมีปัญหานะจ๊ะ!

5. พักผ่อนให้เพียงพอ

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/sleep-better_0.jpg

วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าได้ผล! ไม่ต้องพึ่งสารเคมีหรือเข้าคอร์สใดๆ ให้เสียเงิน แค่ปิดคอมพิวเตอร์ซะแล้วไปนอน หยุดทำตัวเป็นญาติกับนกฮูกได้แล้ว!

หากเธอได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ( 7-9 ชั่วโมง ) จะทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ดี ทำให้ไม่ค่อยมีอาการท้องผูก ถ่ายไม่ออก ดังนั้น จึงเกิดอาการท้องป่องน้อยลงไปด้วยค่ะ


6. อย่ากิน / เคี้ยว / กลืนอาหารที่มี " ลม " ผสมอยู่

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/chew-gum.jpg

อาหารที่มี " ลม " เข้าไปอยู่ด้วยนั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีเวลาหายใจ, เคี้ยวหมากฝรั่ง, อมลูกกวาดแข็งๆ, ดื่มน้ำผ่านหลอด หรือดื่มเครื่องดื่มอัดแก๊สทั้งหลาย เช่น โซดาหรือน้ำอัดลม ทั้งหมดนี้จะทำให้กระเพาะของเธออัดแน่นไปด้วยอากาศค่ะ

ลมในท้อง ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ที่มีเยอะมากเกินไป หาทางระบายออกไม่ได้ จะทำให้หน้าท้องป่องออกมานั่นเอง วิธีแก้ไขก็ง่ายๆ เลิกดื่มหรือกินของพวกนี้ซะ


7. กินอาหารให้น้อยลง

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/small-meal.jpg

การกินอาหารเยอะเกินไปจนกระเพาะย่อยไม่ทัน ก็ทำให้เกิดอาการหน้าท้องป่องรัวๆ ได้เช่นกัน! เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเวลาที่เธอหิวมาก สมองสั่งการให้ " ยัด " ทุกอย่างเข้าปากให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลลัพธ์คือกระเพาะอาหารต้องใช้เวลาย่อยนานขึ้น เกิดกระบวนการหมักหมมของอาหารที่ไม่ได้ย่อย กลายเป็นแก๊สภายในท้องค่ะ

เมื่อแก๊สเหล่านั้นไม่สามารถระบายออกได้ด้วยการเรอหรือผายลม พุงก็ต้องป่องออกมาอย่างแน่นอน วิธีแก้ไขก็เพียง ลดอาหารให้น้อยลง แต่กินให้ครบทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอเพื่อให้กระเพาะมีเวลาย่อยและลำเลียงอาหารอย่างเหมาะสม


8. ไม่ใส่เครื่องปรุงในอาหาร

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/salt_1.jpg

วิธีนี้ก็ใช้ได้ผลพอสมควรเช่นกัน! การกินอาหารที่มีส่วนประกอบของ " เกลือ " มากเกินไป ทำให้ร่างกายเก็บกักของเหลวและทำให้ตัวบวมๆ อืดๆ นิ่มและย้วยได้

เธอควรลดอาหารที่ใส่เครื่องปรุงประเภทพริกไทยดำ ลูกจันทน์เทศ ผงพริกต่างๆ ซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู มัสตาร์ด และหัวหอมเพราะมีโซเดียมประกอบอยู่สูงมาก ทำให้เกิดแก๊สในหน้าท้องได้ ถ้ากรดนี้ย้อนกลับไปที่หลอดอาหาร เธออาจต้องกลืนลมกลับเข้าไปในท้อง และลมที่กลืนเข้าไปนั่นแหละทำให้ท้องป่อง!

วิธีแก้ไขก็คือ มองหาเครื่องปรุงที่ช่วยทำให้กระเพาะเบาสบาย ( ช่วยย่อย ) เช่น ขมิ้น, ขิง, อบเชยและเปปเปอร์มินต์ค่ะ


9. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิด " แก๊ส "

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/brussels-sprouts.jpg

ข้อนี้แหละที่เหล่าแพทย์ทั้งหลายคอนเฟิร์มว่า " ได้ผลที่สุดแล้ว! " ถ้าไม่อยากหน้าท้องบวม ก็อย่ากินอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สสิ! เริ่มจากการลดอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ( แป้ง ) ก่อน เพราะแป้งมีคุณสมบัติดูดซึมน้ำ เมื่อลดแล้วจะทำช่วยขจัดน้ำส่วนเกินในร่างกายได้

อาหารที่ควรเลี่ยงคือ ขนมปังขาว ข้าวขาว คุกกี้ เค้กและขนมหวานทั้งหลาย ยังไม่รวมถึงผักที่กินแล้วก่อให้เกิดแก๊ส เช่น ถั่วฝัก บร็อคโคลี่และกะหล่ำปลี แล้วกินอาหารที่มีโปรตีนสูงไขมันต่ำแทน อาหารพวกนั้นคือกรักโยเกิร์ต ปลาแซลมอนและเต้าหู้ นอกจากอิ่มนานแล้วยังไม่อึดอัดหน้าท้องอีกด้วย


=============================

สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องหน้าท้องพอง บวมเป่งเหมือนสตรีมีครรภ์ อ่านจบถึงตรงนี้คงได้รับคำตอบแล้วนะคะว่า จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใด -.- บางวิธีก็ไม่สามารถใช้ได้จริง ขายความแปลกใหม่และความศรัทธาจากผู้ซื้อเท่านั้น เช่น พลาสติกใสห่อตัวหรือน้ำมันละหุ่ง บางวิธีก็ใช้ได้จริงแต่ความเสี่ยงสูง เช่น ชาหรือยาน้ำต่างๆ

ดังนั้น เลือกวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพดีกว่า นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารเป็นเวลา เลือกของที่มีประโยชน์และไม่เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร ไม่ใส่เครื่องปรุงที่มีโซเดียมเยอะเกินไป และอย่ากินอาหารที่ทำให้ร่างกายเกิดกรดแก๊ส เท่านี้ก็หน้าท้องแบนราบ พร้อมใส่ชุดสวยไปมั่นใจกับเพื่อนๆ ได้แล้วล่ะค่ะ ^_^

=============================