รวมลิสต์ “หนังสืออ่านฆ่าเวลา” ระหว่างเดินทาง

เราเชื่อว่าทุกวันนี้เวลาเดินไปไหน ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถไฟฟ้า หรือแท็กซี่ แม้กระทั่งรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลานานเหลือเกิน โดยเฉพาะรถยนต์ที่รถติดแสนติด ซึ่งเวลาเหล่านี้ทุกคนหมดไปการก้มหน้าถูไถไปกับเครื่องมือสื่อสาร จนทำให้เราลืมกลิ่นอายกระดาษที่อยู่ในหนังสือ และเราเคยสงสัยกันไหมว่าเราอ่านหนังสือที่เป็นหนังสือจริงๆ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ วันนี้เลยมีหนังสือน่าอ่าน เล่มไม่หนาจนน่าเบื่อที่จะอ่าน

รูปภาพ:https://i.gr-assets.com/images/S/compressed.photo.goodreads.com/books/1518090377i/37023080._UY537_SS537_.jpg

เริ่มที่เล่มแรกของเราเลยนะ

เรื่อง “ดอกไม้ไฟ ต้องมองจากด้านล่าง หรือด้านข้าง”

เรื่อง ฮิโตชิ โอเนะ

เรื่องต้นฉบับ ชุนจิ ฮิวาอิ

แปล pmc

เป็นนิยายแปลญี่ปุ่น ที่บอกเลยว่าชื่อยาวจริงจัง โดยเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ โนริมิจิ ที่แอบหลงรักเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง จนกระทั่งหน้าร้อนเทศกาลดอกไม้ไฟมาถึง โนริมิจิได้ตกลงกับเพื่อนว่าจะไปดูดอกไฟ เพื่อพิสูจน์ข้อถกเถียงว่า ดอกไม้ไฟถ้ามองจากด้านข้าง มันจะกลมหรือแบน แต่แล้วเพื่อนร่วมชั้นที่โนริมิจิแอบชอบได้เอ่ยปากชวนหนีออกจากเมืองด้วยกัน โนริมิจิจะเลือกไปพิสูจน์ดอกไม้ไฟ หรือหนีไปกับเพื่อนร่วมชั้นที่แอบชอบ ในขณะเดียวกันโนริมิจิก็ได้ลูกแก้วประหลาดมาหนึ่งลูกที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เขาได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนร่วมชั้นที่แอบชอบ แต่ปาฏิหาริย์ที่ว่านั้นคืออะไรที่ทำให้โนริมิจิได้โอกาสจากลูกแก้วประหลาดนั้น

เป็นนิยายเล่มเล็กๆ ที่สามารถพกพา หรืออ่านฆ่าเวลา 2-3 ชั่วโมง หนังสือที่เล่ากลิ่นอายของรักแรก เทศกาลดอกไม้ไฟในฤดูที่ผู้คนต่างเฝ้ารอ และร่วมพิสูจน์กันว่าดอกไม้ไฟถ้ามองจากด้านข้าง มันจะกลมหรือแบน ลองมาอ่านกันดูนะคะ

รูปภาพ:https://pbs.twimg.com/media/Doe0_4QXsAAPd9E.jpg

เล่มที่สองที่อยากแนะนำ

เรื่อง “Colorful”

MORI Eto เขียน

วิยะดา คะวะงุจิ แปล

เป็นนิยายแปลญี่ปุ่นอีกเรื่องที่เราหยิบมาอ่านฆ่าเวลาเช่นกัน เรื่อง “Colorful” ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวอร์ชั่นไทยในชื่อ “Home Stay” ภายในเล่มเป็นการบอกเล่าเรื่องราวดวงวิญญาณดวงหนึ่งที่ได้รับโอกาสในการกับมาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์อีกครั้ง แต่ต้องอยู่ในร่างของ โคบายาชิ มาโคโตะ ที่เป็นเด็กมัธยมที่กินยาฆ่าตัวตายในฐานะ “โอมสเตย์” ในเมื่อได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตมนุษย์อีกครั้งในฐานะโคบายาชิ เขาต้องใช้ชีวิตของโคบายาชิ ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวของโคบายาชิ แต่มีข้อแม้คือเขาต้องระลึกให้ได้ว่าเขาได้ทำความผิดมหันต์อะไรก่อนตาย ไหนเขาจะต้องคอยปิดบังความลับว่าเขาไม่ใช้โคบายาชิกับคนรอบตัวของโคบายาชิ ทั้งยังต้องหาความจริงก่อนตายของตัวเอง พร้อมไปพิสูจน์ความจริงกับดวงวิญาณดวงนี้กัน เมื่อความจริงเปิดเผยเพื่อนๆ อาจตกใจเลยก็ว่าได้

เป็นนิยายเล่มบางอีกเล่ม ที่ถูกดัดแปลงทำเป็นภาพยนตร์มาแล้ว แต่อรรถรสในการอ่านอาจทำให้เพื่อนๆ ร่วมลุ้นไปกับโคบายาชิจนไม่สามารถวางมันลงได้เลย ทั้งยังเป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวด้านมืดและด้านสว่างของตัวละครแต่ตัวจนเพื่อนๆ คลาดกันไม่ถึงเลยทีเดียว เลยยกมาอีกเล่มสำหรับหนังสือเล่มนี้



รูปภาพ:https://res.wemall.com/945263/w_450,h_450,c_thumb/f4a24120694a979733b710367c7bb050/2344240101.jpg

เล่มสุดท้ายที่อยากนำเสนอ บอกไว้ก่อนเลยว่าเป็นเล่มโปรดของเรามากๆ นั่นก็คือ

เรื่อง “ฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว”

ซูมิโนะ โยรุ เขียน

ธวัลยา แปล

เป็นนิยายแปลญี่ปุ่นจากผลงานผู้เขียน “ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ” ที่สร้างความประทับใจกับผู้อ่านมาแล้ว ส่วนเล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่สร้างความประทับใจไม่แพ้กัน ภายในเล่มเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง “นาโนกะ” ที่ได้พบกับผู้หญิงสามคน กับแมวอีกหนึ่งตัว เรื่องราวเริ่มต้นด้วยหัวข้อเรียงความเรื่อง “ความสุขคืออะไร” นาโนกะได้ค้นหาคำตอบโดยผ่านตัวละครผู้หญิงสามคน “คุณมินามิ” “คุณดอก” และ”คุณยาย” ความสุขที่แท้จริงนั่นคืออะไร อีกทั้งการเขียนเรียงความนี้นาโนกะต้องมาจับคู่กับ “คิริวคุง” เพื่อนร่วมชั้นที่เกิดเรื่องจนไม่มาโรงเรียน ใครที่อ่านเล่มนี้ก็ช่วยกันตามหาความหมายของความสุขที่แท้จริง และเป็นกำลังใจในนาโนกะได้ตามคิริวคุงกลับมาทำรายงาน

ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า นิยายแปลญี่ปุ่นเล่มอ่านจบเรื่องแล้วอบอุ่น อิ่มใจ และประทับใจอย่างมาก เราอ่านจนไม่สามารถปล่อยมันวางลงได้เลย จนถึงหน้าสุดท้ายยิ้มออกมาด้วยความเขินของความน่ารักของนาโนกะและคิริวคุง

**ใครที่กำลังจะหามาอ่านแนะนำใจเย็นๆ อ่านไปทีละหน้านะ รับรองอบอุ่นใจแน่นอน**



รูปภาพ:https://3.bp.blogspot.com/-iKxeXQ9vx_4/Vw5_2t3tlmI/AAAAAAAA_n4/MBjPxgzEDZ0Yz-_PrvvXFkWbvYpKyeVtgCLcB/s1600/ezgif.com-resize-3.gif

สำหรับสามเล่มที่ยกมานำเสนอแก่เพื่อนๆ นั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของหนังสือมากมายในร้านหนังสือ หรือในชั้นหนังสือเท่านั้น เพื่อนๆ อาจมีหนังสือที่ประทับใจแตกต่างกันไป แต่เราก็มาแชร์กันได้นะ

เราลองก้มหน้าอ่านหนังสือ แทนเขี่ยโทรศัพท์กันดู เราอาจเจอโลกที่เราทอดทิ้งมันมานานก็ได้นะ