สวัสดีค่ะทุกคน,, ปลายปีที่ผ่านมาเรามีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมกับทางแฟนเพจ Trawell Thailand ค่ะ นั่นก็คือกิจกรรมHaroon Walk & Cook Rallyซึ่งเราจะได้เล่นเกมตอบคำถามจากการเดินสำรวจภายในชุมชนมัสยิดฮารูณ ได้หัดฟาดแป้งทำโรตี และทำขนมบาเยีย ของทานเล่นซึ่งหาทานได้ยากในปัจจุบัน หลังจากที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้ เราเลยอยากมาบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์สนุกๆ ให้ทุกคนได้อ่านกันจ้า

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

จุดเริ่มต้นที่เราได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้คือเราเจอจากในเฟสบุคค่ะ พออ่านรายละเอียดแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจดี จึงลองสมัครดู โดยกิจกรรมนี้มีค่าใช้จ่าย 450 บาท ( ค่าอุปกรณ์ต่างๆ, ค่าอาหารกลางวัน และอื่นๆ ) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถพกขวดน้ำและกล่องข้าวมาเพื่อใส่ขนมกลับไปทานได้ด้วย


เมื่อถึงวันนัดหมาย จุดนัดพบของเราอยู่ที่ TCDC บางรักค่ะ หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะแจกผ้ากันเปื้อนสีเหลืองอ๋อยเพื่อใช้ในกิจกรรมทำอาหาร จากนั้นก็จะให้ทุกคนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน แจกแผนที่และสมุดตอบคำถามสำหรับกิจกรรม Walk Rally

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

มัสยิดฮารูณหนึ่งในมัสยิดเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นโดยโต๊ะฮารูณ บาฟาเดน พ่อค้าชาวเมืองปนเจอะนะ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอพยพเข้ามาค้าขายและตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศไทย


เดิมตัวอาคารเป็นเรือนไม้สักยกพื้นชั้นเดียว เมื่ออาคารชำรุดทรุดโทรมจึงได้รื้อมัสยิดหลังเดิมออก และสร้างใหม่เป็นแบบก่ออิฐถือปูน บริเวณชั้น 2 ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ประกอบด้วยมิมบัร (ที่สำหรับแสดงธรรม) และเมียะห์รอบ (ที่สำหรับอิหม่ามนำละหมาด) ส่วนด้านบนรอบโถงมีลายอักษรอาหรับ ซึ่งเป็นบทแรกในพระคัมร์อัลกุรอาน


มัสยิดฮารูณเป็นศูนย์กลางเล็กๆ ในย่านบางรัก มีชุมชนชาวมุสลิมซึ่งอยู่อาศัยมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี ทุกวันศุกร์ชาวมุสลิมจะมารวมกันเพื่อละหมาด  ทำให้ย่านนี้คึกคักและมีชีวิตชีวา

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

ออกจากมัสยิดฮารูณ เราก็เดินสำรวจภายในชุมชน เพื่อตอบคำถามอื่นๆ ของกิจกรรม Walk Rally เราได้พบกับบ้านไม้เก่าแก่หลังหนึ่ง จุดเด่นของบ้านหลังนี้คือ เสาสีแดงที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ซึ่งชาวบ้านแถวนี้รู้จักกันในชื่อ บ้านเสาแดง


เดินมาอีกจุดก็พบกับเตียงเชือกถัก ทำจากเชือกไนล่อน เหนียว แข็งแรง ทนทาน และรับน้ำหนักได้มาก เราลองนั่งแล้วก็รู้สึกเตียงเด้งดึ๋งนิดหน่อยค่ะ แต่ก็นั่งสบายดี ถ้าล้มตัวนอนก็คงจะหลับได้สบายเลย


นอกจากนี้ในชุมชนก็มีร้านค้า ร้านขนมของชาวมุสลิมด้วยค่ะ ระหว่างเดินก็สะดุดตากับขนมสีเหลืองทอง รูปทรงคล้ายๆ เรือ แป้งด้านนอกคล้ายกับแป้งพาย ขนมนี้มีชื่อว่า ขนมบดิน ด้วยความที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน เราเลยลองซื้อมาทานค่ะ ขอบอกว่าขนมอร่อยมากกกก.. รสหวานไม่แรง หอมกลิ่นนมเนยด้วย ชิ้นละ 20 บาทเอง ไม่แพงเลยค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

หลังจากตอบคำถามเสร็จและรอทีมอื่นๆ มารวมตัวกัน เราก็แวะออกมาซื้อโรตีใส่ไข่+กล้วยหอมมาทานเล่นค่ะ แผ่นนี้ 40 บาท ยืนรอไปก็ดูที่ร้านเค้าทำโรตีไปเพลินๆ ยิ่งดูยิ่งหิว โรตีหอมๆ ราดด้วยนมข้นเยิ้มๆ แค่นี้ก็ฟินแล้วจ้า

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

มื้อกลางวันของเราเป็นอาหารสไตล์ฮาลาลค่ะ มีทั้งไก่ผัดผงกะหรี่ ไข่ต้ม และผัดผักใส่กุ้ง อาหารอร่อยทุกอย่างเลย ส่วนของหวานก็มีแตงโมหวานฉ่ำ มีน้ำเปล่าและน้ำพั้นช์อยู่ที่จุดบริการเครื่องดื่มค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:

เรามาเริ่มที่การทำโรตีโดยวิทยากรของเราในครั้งนี้คือพี่ดีน ( เจ้าของร้านที่เราไปซื้อโรตีไข่+กล้วยหอมนั่นเอง ) ซึ่งพี่ดีนได้อธิบายถึงส่วนผสมและขั้นตอนในการทำแป้งโรตี นำผ้าขนหนูมาสาธิตวิธีการฟาดแผ่นแป้งโรตี พี่ดีนบอกว่ามือใหม่อย่างพวกเรา แนะนำให้จับแผ่นแป้ง หมุน และวางให้ได้ก่อน ถ้าเริ่มคล่องก็ฟาดปั๊วะๆ ได้เลยยย

รูปภาพ:

ตอนที่ได้ลองนวดแป้งโรตี บอกเลยว่าไม่ง่าย เพราะแป้งทั้งเหนียว หนึบ และหนัก ต้องใช้กำลังแขนและแรงเยอะมากเลย เมื่อนวดแป้งได้ที่แล้วก็หยิบเป็นก้อนขนาดพอดีมือ วางพักไว้เพื่อให้แป้งเซ็ตตัว

รูปภาพ:รูปภาพ:

เมื่อแป้งเซ็ตตัวแล้วก็ได้เวลาฟาดแป้ง ช่วงที่ดูพี่ดีนสาธิตก็เหมือนจะไม่ยากมาก แต่พอลองทำจริงๆ แล้วแป้งโรตีขาด แป้งพับไปพับมา สภาพแป้งของเราน่าสงสารมาก ฮ่าๆ เราก็ทำแบบทุลักทุเลจนในที่สุดก็นำแป้งลงไปทอด

รูปภาพ:

หลังจากทอดโรตีเสร็จและราดนมข้นหวานเยิ้มๆ แล้ว เราก็นำมาใส่กล่องที่เตรียมไว้ จากนั้นเราก็จะไปทำบาเยียกันค่ะ

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

บาเยียหรือถั่วบดทอด ของทานเล่นที่ในปัจจุบันหาทานได้ยาก เราเองก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อขนมนี้เป็นครั้งแรกค่ะ น้องบี ผู้เป็นวิทยากรและสอนวิธีการทำบาเยียบอกว่าต้องนำถั่วเขียวซีกแช่น้ำไว้ 1 คืน ล้างหลายๆ น้ำแล้วนำมาตำให้ละเอียด จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือ ใส่ต้นหอมซอย และคลุกเคล้าให้เข้ากัน

รูปภาพ:

เมื่อคลุกเคล้าส่วนผสมเข้ากันแล้ว ก็นำบาเยียลงไปทอด โดยใช้ช้อนตักให้เป็นก้อนกลมๆ การทอดครั้งแรกให้นำไปทอดในกระทะไฟอ่อนก่อน เมื่อทอดได้สักพักก็ย้ายลงไปทอดในกระทะไฟแรง ใส่พริกแห้งลงไปทอดด้วย เพื่อเพิ่มรสเผ็ดนิดๆ และเพิ่มกลิ่นหอม


ส่วนน้ำจิ้มบาเยียก็เด็ดดวงมาก รสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ด รสกลมกล่อมมากๆ จิ้มกับบาเยียร้อนๆ แล้วเข้ากันมากเลยค่ะ อร่อยสุดๆ

รูปภาพ:

หน้าตาบาเยียที่ทอดมาใหม่ๆ สีสันสวยมาก รสชาติก็ไม่ธรรมดา เมื่อทอดเสร็จแล้วก็สามารถแบ่งใส่กล่องกลับไปทานที่บ้านได้ด้วยนะคะ


หลังจากที่ได้ร่วมกิจกรรมนี้แล้วเราชอบมากๆ เลยค่ะ สนุกสนานกับการได้ลองทำอาหารจริงๆ ได้เดินเล่น เดินสำรวจในชุมชน ได้เห็นบ้านเรือนและวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเก่าแก่แห่งนี้



ครั้งหน้าหากเรามีโอกาสได้ไปทำกิจกรรมหรือท่องเที่ยวที่ไหนอีกก็จะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกันนะคะขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ