เมื่อเดือนกุมภาพันธ์มาถึง กลิ่นอายของความรักเริ่มหอมหวานมากขึ้น ชาวซิสต้าคงจะเตรียมตัวสรรหาของขวัญสุดเซอร์ไพรส์มามอบให้ขุ่นแฟนกัน ไม่ว่าจะเป็น ช็อกโกแลตและของขวัญต่างๆ รวมไปถึงการดินเนอร์ และสัญลักษณ์ของวาเลนไทน์แน่นอนที่สุดค่ะ ดอกกุหลาบ“กิน เที่ยว เล่น ไลฟ์สไตล์ by Miss Elle”จะชวนซิสไปรู้จักกับร้าน“Cafe La Rose”คาเฟ่กุหลาบที่นำเสนอไอเดียอาหารทั้งคาวและหวานแบบสุดเก๋

รูปภาพ:

วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) มีมาตั้งแต่ในยุคสมัยของโรมัน ซึ่งในสมัยก่อนการใช้ชีวิตประจำวันของหญิงและชายจะมีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนกัน ถูกแบ่งแยกระหว่างชายหญิง และในสมัยนั้นเพศหญิงเป็นเพศที่ค่อนข้างเสียเปรียบ ไม่ค่อยมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกต่อคนรัก หรือแม้กระทั่งการเลือกคู่ครองด้วยตนเอง ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีจึงถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจากนี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงานด้วย ทำให้มีทำเนียมปฏิบัติกันมาเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นวันที่ผู้หญิงสามารถแสดงออกทางความรักได้อย่างอิสระ

เริ่มแรกก่อนที่จะเกิดวันวาเลนไทน์ขึ้นมีตำนานหนึ่งที่โด่งดังทั่วโลกที่เล่าถึงในยุคที่โรมันรุ่งเรือง จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 แห่งกรุงโรม ผู้ที่ชอบทำสงครามและชอบการเนืองเลือด ช่วงนั้นเป็นช่วงที่สูญเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมากจากการก่อสงครามของพระองค์ ทำให้ชายหนุ่มส่วนมากไม่อยากเข้าร่วมกองทัพ เพราะไม่อยากจากคนรักไป จึงประกาศห้ามมีการหมั้นและพิธีแต่งงาน ต่อมามีนักบุญองค์หนึ่งนามว่า วาเลนไทน์ ได้เข้ามาอยู่ที่นี่และได้จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์ ทำให้นักบุญวาเลนไทน์เป็นที่หมายหัวของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 ไม่นานเขาก็ถูกจับและได้รับโทษประหารชีวิต ซึ่งในขณะที่เขาเป็นนักโทษอยู่นั้น เชื่อกันว่าเขามีคนรักชื่อว่า จูเลีย จดหมายฉบับสุดท้ายที่วาเลนไทน์ส่งให้จูเลียนั้นถูกเขียนลงท้ายว่า"From Your Valentine"

ต่อมานักบวชชาวคาทอลิกจึงให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก ทำให้วันวาเลนไทน์มีมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งในแต่ละประเทศก็จะมีธรรมเนียมการปฏิบัติแตกต่างกันออกไป แต่ธรรมที่นิยมกันในทั่วทุกมุมโลกนั่นก็คือ การให้ของขวัญกับคนรัก อย่าง ดอกกุหลาบสีแดงที่สื่อความหมายว่าเป็นความรักที่ร้อนแรง หรือ ช็อกโกแลต ที่หมายถึงเสรีภาพและความสัมพันธ์ที่ดี หรือการแต่งงานกันในวันแห่งความรักก็ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีในการเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมถึงการบอกรักกันท่ามกลางดินเนอร์สุดโรเมนติกก็เป็นอีกสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ วันนี้มิสเลยมาลองเมนู Waffle สูตรพิเศษของทางร้าน คาเฟ่ ลา โรส

รูปภาพ:

ร้านนี้มีเมนูให้เลือกรับประทานหลากหลาย ทั้งอาหารไทยและยุโรป เป็นสไตล์ฟิวชั่นฟู๊ด แต่ความเก๋อยู่ตรงที่การตกแต่งในอาหารแต่ล่ะจานกับความสวยงามของดอกไม้ เมนูอาหารคาวที่มิสลองเป็นWaffle Salmon Steak

รูปภาพ:

วาฟเฟิล เป็นสูตรฝรั่งเศษที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ แซลมอลสเต็ก เป็นไอเดียการเสิร์ฟอาหารด้วยความแแตกต่างระหว่างคาวและหวานที่พอนำมาผสมกันแล้ว รสชาติที่ออกมานั้นสามารถเข้ากันได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นจานที่สร้างความแตกต่างของการรับประทานอาหารจานหลักได้ดี ตัววาฟเฟิลอยู่ในระดับกลางๆ คือ ตัวแป้งไม่ถึงกับแน่นและก็ไม่ได้เบา ง่ายๆว่ากินแล้วรู้สึกเบากว่าการกินข้าวอ่ะค่ะ และตัวสเต็กแซลมอลกริลมากำลังดี พอกินคู่กับวาฟเฟิลถือว่ารสชาติเข้ากันได้ดี

รูปภาพ:

มาต่อกันที่เมนูของหวานค่ะEnchanted Double Rose Waffleวาฟเฟิลสูตรฮ่องกง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมซิกเนเจอร์รูปทรงกุหลาบ 2 ลูกและผลไม้สด ไอศกรีมมีให้เลือกหลายรสชาติอยู่ค่ะ วันนี้มิสเลือกเป็นรสอัญชันกับชาไทย วาฟเฟิลไข่เนื้อเบาๆ รับประทานคู่กับไอศกรีมรสชาติไทยๆ เย็นๆ ไม่หวานมากผสมกับรสชาติเปรี้ยวนิดๆของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ สมเป็นเมนู Signature ที่ถ่ายทอดความ Create ของการทำและการตกแต่งอาหารออกมาได้อย่างสวยงามมากเลยค่ะ

รูปภาพ: