รูปภาพ:https://img.okeinfo.net/content/2019/10/13/612/2116298/kisah-keguguran-tari-tidak-sempat-memeluk-bayinya-untuk-yang-terakhir-kali-mkiMKjxshm.jpg

ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ COVID-19 ระบาด เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ข่าวออกอะเนอะ ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน เพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ใครหลายๆ คนเกิดอาการตื่นตระหนกกับสิ่งที่มันกำลังเป็นอยู่ตอนนี้หลายคนถึงขนาดเกิดภาวะ Panic กันยกใหญ่อาจจะยังไม่เก็ทกันใช่มั้ยว่าโรคแพนิค (Panic Disoder)คืออะไร เดี๋ยววันนี้เราจะมาขยายความให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน พร้อมกับแชร์7 วิธีรับมือกับโรคนี้ให้กับเพื่อนๆ ได้นำไปปรับใช้กันด้วยเผื่อว่าคุณอาจจะกำลังเป็นหรือมีคนใกล้ตัวเป็น จะได้รับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นได้เพราะงั้นไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าโรคแพนิคที่ว่านี้ มันเป็นยังไง แล้วเราสามารถรับมือกับโรคๆ นี้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง ไปอ่านกันเลย!

โรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไร

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/f8/8b/52/f88b52428cc394d1835384dd1c58b466.jpg

เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อยโรคแพนิค (Panic Disoder)คือาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ซึ่งโรคนี้จะแตกต่างจากอาการหวาดกลัวปกติทั่วๆ ไปนะ คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ จะเกิดอาการแพนิคหรือหวาดกลัวอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ตัวเองอาจจะไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอาการแพนิคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้รู้สึกกลัว ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แม้โรคนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้อันตรายมากคือถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข

สาเหตุและอาการของโรคแพนิค

รูปภาพ:https://hellosehat.com/wp-content/uploads/2018/03/shutterstock_608855126.jpg

คราวนี้เรามาดูที่สาเหตุของโรคแพนิคกันบ้าง ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแพนิคอาจเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสุขภาพจิตด้วยอย่างปัจจัยทางกายภาพผู้ป่วยโรคแพนิคอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของสมองและการได้รับสารเคมีต่างๆส่วนปัจจัยทางสุขภาพจิตอาจจะเกิดมาจากเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นตัวการส่งผลให้เกิดโรคแพนิคได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

รูปภาพ:https://images.f2fcdn.net/files/della/pexels-photo-236215.jpeg

อาการของโรคแพนิคเป็นยังไงไม่ใช่แค่ความวิตกหวาดกลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญจะรู้สึกหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกอย่างไม่มีสาเหตุ อาการจะเกิดขึ้นแบบกระทันหันรวมทั้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแพนิคเป็นอาการที่รุนแรงกว่าความรู้สึกเครียดทั่วไปมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 10 - 20 นาที บางรายอาจเกิดอาการแพนิคนานเป็นชั่วโมงโดยจะมีอาการดังนี้ ใจสั่น ใจเต้นแรง มือสั่นหรือตัวสั่น เหงื่อแตก หายใจติดขัด แน่นหน้าอก คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ รู้สึกร้อนวูบวาบ หรือหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหันวิตกกังวลหรือหวาดกลัวว่าจะตาย รวมทั้งรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้เป็นต้น

1. หากนี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นครั้งแรก ควรไปพบแพทย์ทันที!

รูปภาพ:https://wtop.com/wp-content/uploads/2018/02/worried-teen.jpg

สำหรับคนที่ลองสังเกตอาการของตัวเองแล้วรู้สึกว่า

ฉันมีอาการตามที่บอกมา แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคแพนิครึเปล่า

เราแนะนำว่า

ให้รีบไปพบแพทย์นะคะ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด

สุดท้าย ถ้ามันเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริงๆ

เพื่อนๆ จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องต่อไป

ไม่ต้องกลัวที่จะไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ

คำปรึกษาของคุณหมอ ก็ยังพอที่จะสามารถ ช่วยทำให้ความกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้นเบาบางลง

ได้และอย่าลืม

ติดตามผลการรักษาและรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง

ด้วยนะ

ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์

เพราะอาจทำให้อาการแพนิคนั้นกำเริบขึ้นมาได้อีก

2. ตั้งสติ อย่าเพิ่งคิดไปไกล

รูปภาพ:https://hellosehat.com/wp-content/uploads/2017/01/Normalkah-jika-darah-haid-menggumpal.jpg

แม้ความวิตก ความหวาดกลัวจะเกิดขึ้นได้ อย่างไม่มีสาเหตุ แต่บางครั้ง มันก็มีเหตุกระตุ้น ที่ทำให้อาการของเรามันกำเริบได้เช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คุณอาการกำเริบได้ก็ให้รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แย่ๆ นั้นให้เร็วที่สุด!แต่ถ้าอยู่ๆอาการแพนิคดันเกิดขึ้นกระทันหัด แบบไม่ทันตั้งตัวให้พยายามตั้งสติ อย่าตกใจและอย่าคิดว่าจะป่วยหนักหรือจะหัวใจวายหรือเสียชีวิตเพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและเป็นมากขึ้น ให้เริ่มจากการนั่งพัก จากนั้นให้หายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ ยาวๆ เหมือนเวลานั่งสมาธิแล้วรอให้อาการสงบไปเองอาการก็จะดีขึ้นภายใน 15 - 20 นาทีหรือจะรับประทานยาที่แพทย์ให้ไว้สำหรับเวลามีอาการร่วมด้วยก็ได้เท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว

3. ออกกำลังกาย

รูปภาพ:https://www.womenshealth.pt/files/2019/05/iStock-883810514.jpg

การออกกำลัง

ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีไม่น้อย หลายๆ คนอาจจะคิดว่า

เอ้า! ออกกำลังกาย มันจะไม่ยิ่งไปกระตุ้นให้ใจสั่นกว่าเดิมหรอ แบบนี้มันเสี่ยงนะ ใครจะไปกล้าทำ

ใจเย็นๆ ก่อนนะ รู้มั้ยวว่า

การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบหัวใจและปอดทำงานได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น

มีผลวิจัยออกมาว่า ผู้ป่วยที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะเกิดอาการแพนิคและอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน้อยลง ก็ไม่ต้องออกกำลังท่าพิศดารอะไรขนาดนั้น

เอากิจกรรมที่เราถนัด ทำแล้วไม่เกินกำลังของตัวเราเอง

อาจจะโยคะ วิ่ง เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ

แค่ให้ร่างกายมันได้ขยับเขยื้อนบ้าง เท่านี้ก็โอเคแล้ว

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

รูปภาพ:https://media.viralcham.com/2020/02/notenufslpzhongfengkp210220g.jpg

การนอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ

เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเองที่ดีมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ผลดีของการพักผ่อนให้เพียงพอ มีเยอะมากๆ ซึ่งสำหรับ

ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคแพนิค ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอและมีสุขลักษณะการนอนที่ดี

ด้วย เพราะ

การอดหลับอดนอนจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย

แถม

ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายๆ ด้านอีกด้วยนะ

เพราะฉะนั้น การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทั้งผู้ป่วยและทุกๆ คน ละเลยไม่ได้เลยนะ

5. หาเหตุผลที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล

รูปภาพ:https://www.emc.id/files/uploads/rticle/image/2019/Jun/12/5d00d5668e5dd/mengalami-sakit-yang-menyiksa-di-area-sekeliling-m-800x450.jpg?token=8e6fa03dddf53abfc649e932f249f516

ด้วยสาเหตุของโรคแพนิค อย่างที่เราบอกไปข้างต้น มันเกิดได้หลายสาเหตุ ฉะนั้นเพื่อนๆ

ลองมองหาสาเหตุของตัวเองดูซิ

ว่าทำไมเราถึงได้มีอาการวิตกกังวลรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อพบสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่า

เราสามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้นะ

ก็

อยากให้ลองพยายามแก้ไขปัญหานั่นๆ ดู

แต่

ถ้ารู้สึกว่า ไม่ไหวอะ แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ให้คิดหาวิธีเตรียมตัวรับมือกับความกดดันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

ทั้งนี้ทั้งนั้น

การได้ปรึกษาหรือระบายปัญหาต่างๆ กับคนที่ไว้ใจได้หรือจากผู้เชี่ยวชาญ

ทางด้านสุขภาพจิต ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีรับมือโรคแพนิคได้ดีเลยทีเดียว

6. ลดความกังวล ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส

รูปภาพ:https://static.standard.co.uk/s3fs-public/thumbnails/image/2018/02/27/15/netflixwatch2702a.jpg?w968

บางที

พอเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากังวลใจมากๆ อะ มันก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่มากขึ้นๆ ไปอีก

ทั้งกดดัน กลัว จิตตก อารมณ์แบบดิ่งมากๆ เลยใช่ป่ะ ฉะนั้น อีกหนึ่งวิธีที่เราว่าก็โอเคนะ เป็นวิธีที่จะ

ช่วยลดความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลได้ดีมากๆ

เลยก็คือ

การลดความกดดัน ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส

ด้วยการ

เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปสู่เรื่องอื่นที่ดีต่อใจมากกว่า

เราว่าทุกๆ คนมีเรื่องที่ตัวเองชอบและอยากทำกันอยู่แล้วแหละเนอะ เพราะงั้นเราก็

แค่หันไปโฟกัสและลองทำสิ่งที่เราชอบมากขึ้น

นอกจากจะ

ช่วยทำให้เราแฮปปี้แล้ว ยังช่วยลดความกดดัน

ที่เจออยู่ได้ด้วยนะคะ

7. กังวลเก่งนัก ก็ฝึกผ่อนคลายความเครียดซะเลยซิ!

รูปภาพ:https://goope.akamaized.net/56466/190715122947-5d2bf32b6d473.jpg

นอกจากวิธีการออกกำลังกาย อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรับมือกับโรคแพนิคได้ก็คือ

การฝึกผ่อนคลายความเครียด

อย่าง

สม่ำเสมอและใช้เวลาในการฝึกอย่างน้อยครั้งละ 15 - 30 นาที

ซึ่งก็มีวิธีให้เพื่อนๆ ได้เลือกฝึกหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น

การฝึกทำสมาธิหรือเดินจงกรม

การ

ฝึกจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย

โดยอาจใช้การฟังเพลงช่วย

การฝึกเล่นโยคะ

ร่วมไปถึง

การทำงานอดิเรกต่างๆ

ที่ทำแล้วผ่อนคลายและมีความสุข (จะเชื่อมโยงกับวิธีที่ 6 นั่นเอง) ซึ่งวิธีการเหล่านี้ จะ

ช่วยลดความวิกตกกังวลที่เกิดขึ้น ให้มันเบาบางลงได้

ยังไงก็ลองหยิบสักวิธี ไปทำตามกันดู เราเองก็หวังว่าวิธีเหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ รู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้างนะ

รูปภาพ:https://omajinaigod.com/wp-content/uploads/2015/10/Fotolia_51090932_Subscription_Monthly_M.jpg

ก็เป็นวิธีดูแลตัวเองบวกกับรับมือกับโรคแพนิคง่ายๆ ที่ทุกๆ คนสามารถทำตามกันได้นะคะ จริงๆ อะ เราว่าควรไปพบคุณหมอ จะดีที่สุดเนอะ คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำที่มันเป็นประโยชน์และตรงจุดกว่าด้วย อีกอย่างนึง ไม่ต้องกลัวว่าจะไปหาย เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายดีขึ้นได้นะคะ แล้วก็ใครที่มีคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคนี้ อยากให้เข้าใจเค้านิดนึงเพราะผู้ที่เป็นโรคแพนิคนั้นต้องการความเข้าใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ฉะนั้นช่วยๆ กันดูแลเอาใจใส่คนที่เรารัก โอเคมั้ยสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย