นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น เนื้อเรื่อง สถานที่ วัฒนธรรม ความเชื่อ ศาสนา เเละตัวละครไม่มีอยู่จริง ผู้อ่านที่น่ารักโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทั้งหมดคือการสมมุติโลกเพื่อเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมดค่ะ


บทที่ 2

รูปภาพ:

หลังจากที่เดินซื้อของรวมถึงแวะรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม หญิงสาวทั้งสองช่วยกันขนของจากท้ายรถเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว“เดือนหน้าที่บริษัทมีวันหยุดยาวจะกลับบ้านไหม?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นขณะที่วางของ“จริง ๆ วันหยุดยาวมีตั้งแต่วันนี้และยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้” หญิงสาวตอบกลับพลางหยิบของที่ซื้อมาจัดใส่เข้าตู้เย็น“อย่าบอกนะว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้?”“ใช่ที่ไหนล่ะ เพื่อนที่นี่ดีทุกคนแหละ แต่เดินทางไกล งานก็หนักเงินก็น้อย” หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันหน้ามามองพี่แล้วพูดต่อไปว่า “ก็มันกลับดึกนี่ ก็รู้ว่าขนาดวันหยุดบางทียังต้องเข้าไปเก็บผลการทดลองที่ทำค้างไว้เลย มันเหนื่อยและจอมก็อยากทำงานที่ขึ้นตำแหน่งสูงมากกว่านี้ได้ด้วย”“แล้วบอกแม่หรือยัง?”ลฎาภาส่ายหน้าทันที “มีหวังให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้านแน่ ๆ”คนเป็นพี่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แน่นอนว่ารู้นิสัยของน้องสาวดีที่ไม่ชอบกลับไปทำงานรีสอร์ทที่บ้านเกิด เพราะต้องรับมือกับแขกเดาไม่ได้ และรวมถึงเธอด้วย“แต่แกจะมานั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้โดยไม่หางานทำไม่ได้นะ”ลฎาภามองแล้วยิ้มออกมาด้วยสายตาอ้อนออด “เอาน่า จอมสัญญาว่าจะรีบหางานใหม่ให้ได้เร็ว ๆ”เฮ้อ...เสียงถอนหายใจของถลัชนันท์ดังขึ้นอีกครั้ง พลางเหล่มองน้องสาวที่กะพริบตาให้“เออ รีบ ๆ ด้วยละกัน เงินเก็บฉันจะหมดเพราะแกนี่แหละ”

“น่ารักที่สุดเลย !” เธอพูดเสียงหวานเดินเข้ามากอดถลัชนันท์แน่น ก่อนจะคลายวงแขนออกและยิ้มหวานให้ ขณะที่คนเป็นพี่มองแล้วส่ายหน้าออกมาก่อนเดินออกจากห้องครัวไป เหลือเพียงลฎาภาที่ยืนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและโล่งอก

อย่างน้อยก็ไม่ถูกไล่ให้กลับบ้านไปสักพักหนึ่งละนะ...

รูปภาพ:

อยากจะบ้าตายสุด ๆ ไปเลยลฎาภาสบถในใจพลางเอนตัวลงพิงที่พนักเก้าอี้ หลังจากที่รออีเมลตอบกลับจากบริษัทหลายแห่งมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการตอบกลับอีกเช่นเดิม เธอยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลสั้นประบ่ามือข้างหนึ่งก็เอื้อมหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากิน เพราะยังรออีเมล แต่จะปล่อยให้ว่างงานไปหลายเดือนก็ไม่ได้ มีหวังต้องโดนบ่นแน่หญิงสาวถอนหายใจ พลางเปิดเข้าดูโพสต์ที่อัปเดตผ่านทางเพจรวมทั้งข้อความที่บ่นเพ้อของเพื่อนสมัยเรียน ก่อนขยับตัวลุกขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตัดใจ ดูท่าแล้วคงไม่มีจดหมายตอบรับจากบริษัทที่ส่งใบสมัครงานไปแน่ ๆลฎาภาเดินออกจากห้องนอนมายังห้องครัวเพื่อหาอาหารว่างรับประทาน ทว่าเสียงถอนหายใจดังนับสิบรอบ ขณะเดินกลับขึ้นมานั่งหน้าจอคอมเช่นเดิม ทันใดนั้นก็มีเสียงอีเมลตอบกลับมา เธอจึงไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านทันที ครั้นได้อ่านใบหน้าสวยที่บูดบึ้งอยู่นั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา“ได้แล้ว ๆ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่ลุกขึ้นเต้นราวกับว่าถูกรางวัลก้อนใหญ่ แม้จะยังไม่รู้ผลตอบรับการเข้าทำงาน แต่บริษัทเรียกสัมภาษณ์งานนั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี อีกอย่างบริษัทใหญ่มีการตลาดดีทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งสวัสดิการพนักงานก็ดีด้วยสวรรค์ช่วยลูกแล้ว !

ลฎาภาดีใจอยู่นานก่อนจะรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าในทันที มองเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปวันสัมภาษณ์ในวันอังคารหน้า จนกระทั่งผ่านไปแล้วสิบนาที เสื้อผ้าทั้งตู้ถูกขนออกมาจนเกือบหมดแล้วก็ยังหาตัวที่เหมาะสมกับการใส่ยังไม่ได้ หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ดังเดิม“ไปซื้อใหม่ก็ได้ เผื่อจะได้งานที่นี่” ลฎาภาพูดแล้วหยิบออกมาเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วหลังจากอาบน้ำเสร็จออกมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมามองสายที่โทร. เข้าก่อนกดรับ“ว่าไงคะ คุณพี่”[วันนี้กลับดึกนะ กะว่าจะไปกินดินเนอร์กับพี่อาร์ตสักหน่อย]“พอดีเลย จอมจะออกไปซื้อของอยู่”[งั้นแค่นี้นะ ปิดประตูบ้านให้ดีล่ะ]

“รับทราบค่า”

ลฎาภาวางสายเดินมาแต่งหน้าแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องไปทันที

หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ....

ถลัชนันท์ยืนรออยู่หน้าประตูห้องคอนโดฯ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว พอโทร. หาแฟนหนุ่มก็ปิดเครื่องไม่รับสาย จนสุดท้ายตัดสินใจที่จะใช้กุญแจสำรองที่ได้ให้เปิดเข้าไปรอข้างใน

เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ได้พบหน้ากับชายหนุ่มเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายงานเยอะ โทร. หรือส่งข้อความไปก็มักจะบอกว่า ติดประชุมบ้าง เจ้านายเร่งงานบ้าง หรือต้องออกไปพบปะลูกค้า จึงทำให้ไม่กล้าโทร. มากวนมากเท่าไหร่ แต่มันก็นานมากจนทำให้เธอรู้สึกว่าเริ่มห่างกันออกไป

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเดินดูไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบเดินไปทว่าก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาทำให้หยุดชะงักลงและหาที่ซ่อนทันที

“มาอยู่กับฉันแบบนี้ แฟนคุณจะไม่ว่าเหรอคะ?” เสียงหวานน่ารักออดอ้อนดังขึ้นจากหน้าประตู ถลัชนันท์รีบซ่อนตัวอยู่ในห้องครัว ยกมือปิดปากเงียบเอี้ยวหูฟังบทสนทนาของทั้งสองคน จนกระทั่งแสงสะท้อนผ่านเห็นเป็นเงาจึงรู้ว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ฝั่งตรงโต๊ะที่เธอหลบอยู่ หญิงสาวมองเงาเห็นเป็นรูปร่าง มือทั้งสองก็กดปิดปากแน่นกลั่นเสียงเอาไว้ หยดน้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นเทาจนไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น

พอมองจากเงาจึงรู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอกำลังกอดและจูบฝ่ายหญิงอยู่

เธอทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องนอกใจเธอ?

“นี่ อย่าสิ...เดี๋ยวแฟนคุณมาจะไม่ดีนะ” หล่อนพูดเสียงหวานเป็นเชิงห้ามแต่ก็เป็นการเชิญชวนอีกฝ่ายให้เข้าหา

“ไม่มาหรอก เราคบกันมาปีหนึ่งแล้วนะ ยังไม่ถูกจับได้เลย”

“งั้นก็เลิกกับมันซะสิ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้เรามาสนุกกันดีกว่านะ”

ถลัชนันท์ได้แค่ฟังเสียงครางของทั้งสองคน ขณะกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้มองเงาที่ผ่านลงมายังผนังกำแพงด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนเงานั้นจะหายไป และตามด้วยเสียงปิดประตูห้อง เธอจึงรู้ว่าทั้งสองคนได้เข้าไปในห้องนอนแล้ว ร่างกายทรุดลงเรี่ยวแรงแทบไม่มีเมื่อได้รู้ความจริง เขาคบกับเธอมามาห้าปีกว่าแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยแล้ว

ถลัชนันท์หัวเราะสมเพชกับตัวเอง พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา ไม่ใช่ว่าไม่เคยอกหักหรือถูกนอกใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเจียนตาย

หญิงสาวเดินออกมาหันมองไปยังประตูห้องนอนที่มีเสียงดังครางของทั้งสองคนเป็นระยะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจล่องลอย

จะมีสักคนที่เชื่อใจได้จริง ๆ ไหม?

สักคนที่ไม่นอกใจ

ถลัชนันท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าได้เดินออกมานอกประตูคอนโดฯ ของชายหนุ่มมาแล้ว พอได้ยินเสียงแตรรถบีบเรียกให้ได้สติขึ้นมาก็หันมองแสงไฟที่ส่องจ้า แล้วรู้ว่าตัวเองนั้นได้ยืนอยู่ท่ามกลางถนน จึงรีบสาวเท้าวิ่งข้ามฝั่งอย่างรวดเร็ว ครั้นก่อนเดินต่อไปก็หันมองคอนโดฯ อีกครั้ง และรีบหมุนตัวสาวเท้าเดินไปเพื่อขับรถออกไปทันที...

ติดตามผลงานที่เพจได้นะคะ Page Facebook : Mamaya Writer