สภาพผิวของแต่ละคนที่มีลักษณะที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับ“พันธุกรรม”และ“ไลฟ์สไตล์”การดำเนินชีวิตของแต่ละคน เพราะปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกก็ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวได้เช่นกัน

วันนี้เรามารู้จักผิวทั้งและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภทกันนะคะ

♡*♡*♡*♡*♡*♡*♡*♡*♡*♡*

ผิวธรรมดา

ผิวธรรมดา( Normal Skin )หรือที่หลายๆ คนเข้าใจคือผิวสุขภาพดี ที่น้อยคนมากจะเป็นผิวประเภทนี้เพราะเป็นผิวที่มีความสมดุล ในบริเวณ T-zone อาจมีความมันบ้าง แต่โดยรวมผิวจะมันและมีความชุ่มชื้นที่สมดุลกัน ไม่แห้งตึงจนเกินไป

ลักษณะของผิวธรรมดา:ผิวมีความนุ่มเรียบ มีรูขุมขนขนาดเล็กและผิวไม่หมองคล่ำและไม่ค่อยมีปัญหาสิว

วิธีบำรุงผิว :

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของการให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำ ทำความสะอาดด้วยโฟมที่มีค่า pH 5.5 และทาครีมกันแดดอย่างเป็นประจำ

ผิวประเภทนี้เหมาะกับการใช้สกินแคร์เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์ไม่ควรใช้เนื้อครีมที่เข้มข้นหรือบางเบาเกินไป ควรดูแลผิวตามสภาพอากาศเพื่อไม่ให้ผิวเปลี่ยนแปลง และควรเลือกสกินแคร์ตามสภาพอากาศด้วย เช่น หน้าร้อนเน้นการบำรุงที่สบายผิว ใช้เนื้อน้ำและเจล ส่วนหน้าหนาวให้เน้นความชุ่มชื้น ใช้เนื้อครีมและน้ำมัน

รูปภาพ:

ผิวแห้ง

ผิวแห้ง( Dry Skin )เป็นผิวที่เกิดความมันน้อยกว่าผิวธรรมดา เกิดจากการขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น

ลักษณะของผิวแห้ง:มีความรู้สึกหยาบกร้านและแลดูหมองคล้ำ สามารถเกิดริ้วรอยได้ง่าย ทำให้เกิดแนวโน้มแพ้ง่ายซึ่งเกิดผื่นแดงและรอยแดงที่ผิว ถ้าเจอสภาพอากาศแห้งผิวจะมีอาการตึงหรือผิวแตก อาจมีการอักเสบหรือคันได้ ทำให้ผิวขาดน้ำ มีความยืดหยุ่นน้อย และผิวลอกเป็นขุยง่ายขึ้นอีก

วิธีบำรุงผิว:

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้น เพื่อช่วยในการรักษาสมดุลของน้ำหล่อเลี้ยงผิว และทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH 5.5

เนื้อสกินแคร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว ได้แก่ มอยส์เจอไรเซอร์ และเซรั่มออยล์

รูปภาพ:

ผิวมัน


✧ ผิวมัน ( Oily Skin )

เป็นผิวที่ผลิตน้ำมันมากเกินไป ทำให้มีรูขุมขนกว้าง และมักเกิดสิวได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ ซึ่งผิวประเภทนี้จะ

พบมากในฝั่งสาวเอเชีย

อย่างเราๆ อีกด้วย


ลักษณะของผิวมัน :

มีความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้ง่าย หลังล้างหน้า 1-2 ชั่วโมง จะรู้สึกหน้าเริ่มมัน เป็นหนักในบริเวณ T-zone และจะมันมากในสภาพอากาศร้อน ทำให้ผิวหน้าแลดูหมองคล่ำและแต่งหน้าไม่ต่อยติด

วิธีบำรุงผิว :

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ช่วยลดการผลิตน้ำมันได้ ควรเลือกเป็นแบบเนื้อบางเบา เช่น เซรั่ม เพื่อให้ซึมซาบได้ไว ควรทำความสะอาดหน้าอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อขจัดความมันส่วนเกินและป้องกันการสะสมของแบคทีเรียต้นตอของการเกิดสิว

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องและปลอบประโลมผิว ซึ่งเหมาะกับคนผิวมันเป็นสิวง่าย เพื่อลดปัญหาสิวและบำรุงผิวเพื่อเติมความชุ่มชื้น

เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ เนื้อครีม และน้ำมัน เพราะทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย

รูปภาพ:

ผิวผสม


✧ ผิวผสม ( Combination skin )

เป็นผิวที่ทั้งแห้งและมันผสมกัน เกิดจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป แต่บริเวณที่ผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมันและผิวเสียสมดุล

ลักษณะของผิวผสม :

มีผิวที่มันมากบริเวณหน้าผาก จมูก หรือ T-zone จึงทำให้มีโอกาสของการเกิดสิวได้ และส่วนบริเวณรอบดวงตา ข้างแก้ม จะแห้งหรือลอกเป็นขุยได้และรูขุมขนจะขยายใหญ่ขึ้นในบริเวณที่มีสิ่งสกปรกอุดตัน

วิธีบำรุงผิว :

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เพราะถ้าใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีส่วนผสมรุนแรงจะทำให้บริเวณผิวที่มัน มีการสร้างความมันเพิ่มขึ้นและในบริเวณที่แห้งอาจเกิดความหยาบกร้านขึ้นได้เช่นกัน

เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในบริเวณที่ผิวแห้ง และเนื้อครีมที่มันมากในบริเวณผิวที่มัน


รูปภาพ:

ผิวบอบบาง


✧ ผิวบอบบาง ( Sensitive Skin )

ส่วนใหญ่พบได้มากในผู้ที่มีผิวแห้ง ซึ่งชั้นผิวสามารถมองเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน ผิวประเภทนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเพราะสามารถแพ้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ได้ง่าย


ลักษณะของผิวบอบบาง :

มีการระคายเคืองผิวเมื่อเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มีผื่นขึ้น หรือเกิดรอยแดงบนผิวหน้า อาจเกิดปัญหาผิวหลายอย่างร่วมด้วย เช่น ปัญหาสิว ปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ่า กระ จุดด่างดำ และอาจเกิดอาการคันเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสารกันเสีย

วิธีบำรุงผิว :

ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองต่อผิว หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบของแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ

เนื้อสกินแคร์ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสารกันเสีย

รูปภาพ:

ดังนั้นเมื่อทุกคนรู้ประเภทของผิวตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับตัวเองเพื่อปกป้องผิวได้อย่างสมบูรณ์นะคะ