9 เหตุผล ที่ไม่ควรอายเมื่อต้องพบ 'หมอสูติฯ'

ค่านิยมเกี่ยวกับเรื่องเพศในบ้านเรา ส่วนใหญ่ยังคงมองว่าเป็นเรื่องน่าอาย ไม่ก็ตลกขบขัน มากกว่าจะกล้าพูดกันโดยตรงและให้ความสำคัญกับสุขภาพเป็นหลัก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจ หากเราจะพบว่าสาวๆ บ้านเราส่วนใหญ่ก็พลอยเหนียมอาย ไม่กล้าจะพบหมอไปด้วย เพียงเพราะเข้าใจผิดว่า' ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ จะไปหาหมอทำไม 'หรือไม่ก็' จู่ๆ ก็ไปเปิดตรงนั้นให้หมอดู อายแย่เลย '

เปลี่ยนความเข้าใจผิดเหล่านี้ มารักสุขภาพกันเถอะค่ะสาวๆ รู้ไว้ใช่ว่า ตรวจไว้ก่อนดีกว่ามารู้ทีหลังนะคะอย่ากลัว อย่าอาย อย่าเข้าใจผิดในประเด็นต่อไปนี้ เมื่อต้องการพบหมอสูติฯ

#1 การพบหมอสูติฯ เป็นเรื่องของสาวรุ่นใหญ่ แต่งงานแล้ว หรือมีแฟนแล้ว

การพบหมอสูติฯ เป็นเรื่องที่' ผู้หญิงทุกคน 'ควรจะพบค่ะ ไม่ว่าจะโสดหรือมีแฟน มีลูกแล้วหรือยังไม่มี ยังเป็นวัยรุ่นหรือวัยทำงานแล้ว เพื่อเช็คตัวเองเสมอว่าจุดซ่อนเร้นเรามีปัญหารึเปล่า? เรามีภาวะเสี่ยงเป็นโรคอะไรรึเปล่า? ยิ่งรู้ไว ยิ่งป้องกันได้ทัน ดีกว่ารู้อีกทีในตอนที่แก่เกินแก้ไขแล้วนะคะ

#2 ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร ไม่ไปให้เสียเวลาดีกว่า

อย่าเพิ่งมั่นใจตัวเอง100% เพราะโรคบางโรคก็เกิดขึ้นได้แม้กระทั่งในตอนที่เรากำลังปกติ กว่าจะแสดงอาการให้เจ็บปวดอาจล่วงไปถึงระยะที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้อย่าคิดว่า ' แค่นี้เอง 'ทำไมจะต้องเสียเวลา แต่ควรปรับทัศนคติตัวเองเสียใหม่ว่า' ควรไปตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าเป็นหนักในภายหลัง 'อย่าเกรงใจแพทย์ เพราะมันเป็นหน้าที่ของแพทย์อยู่แล้ว ตัวเราผู้เป็นเจ้าของร่างกาย ควรทำหน้าที่ของเจ้าของร่างกายที่ดีด้วยค่ะ

#3 ถ้าหมอเป็นผู้ชาย จะรู้สึกอายเป็นพิเศษ

เราไม่ผิดที่จะรู้สึกไม่ชิน หากเพศตรงข้ามเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่แฟนมาขอดูตรงนั้นของเรา แต่จงตั้งสติให้ดีค่ะว่า นั่นคือหมอ หมอเขามีจรรยาบรรณพอที่จะไม่คิดอะไรกับคนไข้ และในความเป็นจริง เขาเห็นอวัยวะแบบนี้มานักต่อนักจนเฉยๆ ไปแล้ว 555+

*ถ้าปลอบตัวเองยังไงก็ไม่รู้สึกสบายจริง คนไข้มีสิทธิรีเควสหมอผู้หญิงได้ด้วยนะเออ

#4 กลัวหมอจะวิจารณ์เกี่ยวกับน้องสาวเราที่มันประหลาดกว่าคนทั่วไป

ถ้าน้องสาวเราถูกตัดแต่งขนเป็นรูปร่างต่างๆ มีการย้อมสีบ้าง มีสิ่งแปลกปลอมจากการเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ แล้วพลาดหลุดเข้าไป หรืออะไรก็ตามที่ไม่น่าจะเป็น' เหมือนผู้หญิงทั่วไป 'อย่ารู้สึกอาย กลัวว่าจะถูกนินทาค่ะ หมออาจจะขำนิดนึงตอนที่ได้เห็นในครั้งแรก แต่ด้วยจรรยาบรรณของแพทย์ เขาไม่เอาความลับของคนไข้ไปเม้าท์ต่อแน่นอน วางใจได้ค่ะ โฟกัสไปที่ประเด็นการวินิจฉัยและการรักษานะคะ

#5 อายที่จะบอกตามตรงว่าน้องสาวเรามีกลิ่น

กลิ่นเหม็น ก็เป็นตัวชี้วัดได้ค่ะว่าในน้องสาวเรานั้นติดเชื้อจากอะไร มีแบคทีเรียหรือเชื้อราอะไร อันนำไปสู่โรคอะไร อย่าอายที่จะบอกหมอตามตรงว่าน้องสาวเรามีกลิ่นเหม็นนะ หมอต้องการทราบเพื่อจะวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องเช่นกันค่ะ

#6 อายที่จะบอกประวัติการมีเพศสัมพันธ์

หมอต้องการประวัติการมีเพศสัมพันธ์เพื่อเป็นข้อมูลในการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องค่ะ อย่าอายที่จะเล่าว่าแฟนเราทำอะไรกับเราบ้าง บ่อยแค่ไหน กี่ครั้งต่อวัน หมอไม่ต้องการฟังเพื่อความบันเทิงหรอก แต่เพื่อประโยชน์ของคนไข้ต่างหาก

#7 อายที่จะบอกหมอว่าเรามีแฟนเป็นผู้หญิงด้วยกัน

สิ่งที่สาวๆ มักจะเข้าใจผิดก็คือ ถ้าแฟนเป็นผู้หญิงไม่น่าจะมีผลอะไรต่อการวินิจฉัยโรคของหมอสูติฯ ความเป็นจริงแล้วก็มีผลค่ะ หมอจะได้ประเมินและให้คำแนะนำเกี่ยวกับน้องสาวเราได้ถูกต้อง จากประวัติการมีเพศสัมพันธ์ไงล่ะ

#8 ไม่กล้าพาแฟนมาด้วย กลัวแฟนจะเสียหน้าหรืออายแฟน

จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องที่ดีมากเลยทีเดียวค่ะ หากแฟนจะสนใจเรื่องสุขภาพทางเพศพร้อมกับเราด้วย เพื่อดูแลกันอย่างถูกต้องและป้องกันความผิดพลาดจากความไม่รู้ในภายหลัง สุขภาพของเรา ใช่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อเราคนเดียว ควรเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นด้วยก็ดีนะอย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องของผู้หญิง ผู้ชายไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ควรคิดไว้ว่าผู้ชายควรรู้ไว้บ้างจะได้ไม่ทำอะไรผิดๆ

( หรือถ้าแฟนเราเป็นผู้หญิงด้วยกัน ก็ไม่ควรอายค่ะ ไหนๆ ก็เพศเดียวกัน รู้ด้วยกันไปเลยสิ ได้ประโยชน์ทั้งคู่ )

#9 ไม่ขอคำแนะนำเรื่องเซ็กซ์ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ไม่สำคัญเท่าน้องสาวตัวเอง

ไหนๆ ก็มีโอกาสได้พบหมอตัวจริงแล้ว ปัญหาสุขภาพใช่ว่าจะต้องเป็นแค่อาการคัน, ตกขาว, กลิ่นเหม็น, ปวดแสบ, หรืออะไรก็ตามที่เป็นเฉพาะตัวเราซะหน่อยอะไรที่เราเคยสงสัย เคยได้ยินมา หรืออยากรู้เกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์และการคุมกำเนิด ผู้หญิงเราปรึกษาเอาไว้ก็ไม่เสียหายค่ะ มันเป็นประโยชน์กับตัวเราและชีวิตรักในภายต่อไปได้และมันดีกว่าการแอบมาตั้งกระทู้ถามในเน็ตแน่นอน ( ซึ่งเราก็ไม่รู้ซะด้วยว่าสิ่งที่เขาพูดกันในเน็ตจะจริงหรือมั่ว )