1. SistaCafe
  2. ชอบอ่อย เอ้ย..ชอบ Oils ต้องรู้! 5 วิธีใช้ Facials Oil ให้ดีกับผิวที่สุด! ✨


ตั้งแต่มี

Facial Oils

เพิ่มเข้ามาในสกินแคร์ สาวๆ เทรนด์ความงามของสาวๆ หลายๆ คนก็เริ่มหันเหเทใจมาให้กับน้ำมันทาผิวเหล่านี้

ซึ่งน้ำมันที่ใช้กับหน้าก็มีมาในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ หรือที่เช็ดเครื่องสำอาง



สำหรับสาวๆ ที่มีผิวแห้ง น่าจะชอบการทำงานของ Oils ทาผิวหน้า เพราะให้ความชุ่มชื้นได้ดี

แถมรู้สึกเหมือนผิวได้รับการดูแล

และถ้าใครชอบแต่งหน้าจัดๆ การมี Oils ไว้เช็ดล้างเครื่องสำอาง นอกจากจะกำจัดเครืองสำอางออกได้อย่างหมดจดแล้ว ยังทำให้หน้าไม่รู้สึกแห้ง

อีกด้วย น้ำมันทั้งหลายจึงจัดเป็นตัวช่วยชั้นดีของผู้หญิงทุกคนเลย



ถ้าสาวคนไหนเคยใช้แล้วจะพบว่า

น้ำมันทาหน้าทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนให้ผลที่ดีต่อผิว

เราเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าผลลัพธ์ดีๆ แบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนน่ะสิ เพราะน้ำมันบางชนิด ก็ไม่เหมาะกับผิวของเรา แทนที่จะทำให้ผิวสวย กลายเป็นทำให้ผิวพัง ระคายเคือง

ทรมานกันไปอีก ฉะนั้นการเลือก

Facial Oils ไม่ได้เลือกกันส่งๆ เขาว่าดีก็ซื้อตาม แต่ต้องมีวิธีเลือกอย่างชาญฉลาดด้วย



ลองไปดู 5 วิธีเลือก Facial Oils ให้เหมาะกับผิวของเรามากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด!


5 วิธีใช้ Facial Oils ให้ดีกับผิวเรามากที่สุด!


1. ยิ่งเลือกถูก ยิ่งผิวดี

ยิ่งเลือกถูกในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงราคา แต่หมายถึงชนิดของน้ำมันเพราะน้ำมันแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ตามกฏแล้วยิ่งน้ำมันมีองค์ประกอบของกรดไขมันอิ่มตัวเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งให้สัมผัสที่หนักมากขึ้นเท่านั้น


ผิวแห้งเป็นผิวที่ชอบน้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันอิ่มตัวอย่าง lauric, linoleic, linolenic และ กรด oleic ซึ่งสารเหล่านี้จะพบได้ในน้ำมันมะพร้าว, น้ำมันอาร์แกน และน้ำมันปาล์มสิ่งที่ทำให้น้ำมันทั้ง 3 ประเภทนี้เหมาะกับผิวของสาวผิวแห้งเป็นเพราะมันจะช่วยเพิ่มจำนวนของน้ำที่จะช่วยอุ้มสารไว้ และทำให้ความชุ่มชื้นล็อคอยู่ในผิว


ส่วนน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวน้อยลงมาหน่อยอย่างน้ำมันมะกอก, น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันแอปริคอตสิ่งเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้นในผิวได้อย่างเดียวเท่านั้น ฉะนั้นถ้าผิวคุณแห้ง และไม่มีความชุ่มชื้นเพียงพอ น้ำมันเหล่านี้ก็จะไม่ช่วยให้ผิวคุณชุ่มชื้นได้มากเท่าไหร่นัก


แต่ถ้าอยากจะใช้โปรดัคส์ที่มีส่วนผสมเหล่านี้ควรจะเลือกมอยซ์เจอไรเซอร์แบบวอเตอร์ เบส หรือเซรั่มกรดไฮยาลูรอนิก ลงผิวไว้ก่อนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวน้ำมันเหล่านี้ก็จะทำหน้าที่ได้ดีขึ้น

ส่วนสาวที่มีผิวมัน จริงๆ น้ำมันไม่จำเป็นเลยแต่ถ้าคุณอยากใช้เพราะอยากได้อะไรที่มันธรรมชาติๆ ไว้ลงผิวล่ะก็ให้เลือกน้ำมันที่มีความบางเบา และสามารถบาลานซ์การผลิต Sebumได้ เพื่อลดปัญหาการเกิดสิว และน้ำมันที่แนะนำคือโจโจบา, โรสฮิป และที ทรี ออยล์


2. หลีกเลี่ยงน้ำหอม

มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้สาวๆ บางคนไม่ชอบใช้สกินแคร์ที่มาจากธรรมชาตินั่นเป็นเพราะว่าสกินแคร์เหล่านี้มักจะพกน้ำมันที่มีส่วนผสมของน้ำหอมไว้เพียบเลยเพราะว่าถ้าไม่ใส่น้ำหอมเลยล่ะก็ กลิ่นของสกินแคร์เหล่านี้จะทำให้คุณรู้สึกไม่อยากใช้ เพราะมันเหม็นขั้นเทพ ถ้าไม่ใส่น้ำหอมล่ะก็ คงจะไม่ยอมเอามาวางขายแน่ๆ


ความจริงอันน่ากลัวที่ทุกคนต้องรู้คือ ยิ่งน้ำมันทาผิวมีกลิ่นหอมมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลเสียกับผิวมากเท่านั้นเพราะน้ำมันที่มีกลิ่นหอม แม้ว่าจะอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นก็จริง แต่ก็อุดมไปสารบางอย่างที่จะทำให้ผิวของคุณระคายเคือง และไวต่อแสงแดดมากขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันซีตรัสนี่แหละตัวร้ายเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีน้ำมันแค่ชนิดเดียวนะ มีอีกเพียบเลย ลองดู!


citrus oils ทั้งตระกูล

Eucalyptus oil

Geranium oil

Jasmine oil

Lavender oil

Peppermint oil

Rose oil

Rosemary oil

Sandalwood oil

Ylang ylang oil


ถ้าอ่านเจอ 1 ในชื่อเหล่านี้ล่ะก็Run!


3. ใช้ นี้ด..........เดียว!

เวลาเราจะทามอยซ์เจอไรเซอร์ทั่วๆ ไปเนี่ย ไม่ว่าจะเนื้อครีม เซรั่ม หรือโลชั่น เราก็แทบจะโบกกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะถึงแม้จริงๆ จะไม่จำเป็นต้องใช้เยอะขนาดนั้นก็เหอะ แต่พอทาเยอะๆ แล้วมันรู้สึกได้รับการดูแลไงล่ะและบางตัวทาแล้วซึมเร็ว เลยรู้สึกว่าต้องทาเยอะๆ ซึ่งเอาเถอะ ถ้าไม่ถ้าหมดกระปุก ในครั้งเดียวก็คงไม่มีผลเสียอะไรนอกจากเปลือง


แต่สำหรับน้ำมันนั้น ถ้าบอกว่าให้ใช้นิดเดียว ก็คือต้องนี้ด.......เดียว จริงๆ เท่านั้นนะ!ถึงแม้จะรู้สึกว่าทาทั้งหน้า ก็ต้องใช้เท่าพวกครีมก็ตาม แต่อย่าไปคิดอย่างงั้นเชียวไม่งั้นจากผิวคน จะกลายเป็นผิวกระทะหลังทอดไข่กันเลยทีเดียว!ถ้าใครคิดจะมีผิวดูชุ่มชื้น พอดูอิ่มน้ำ ก็ให้ใช้เพียงนิดเดียวเท่านั้นทาตรงมือแล้วค่อยประคบๆ ไปทั่วผิวหน้า


สำหรับน้ำมันทาหน้าแล้วเนี่ย ใช้น้อยก็คือได้เยอะ และขึ้นอยู่กับผิวของคุณด้วยส่วนเวลาใช้ให้อยู่ภายใน 3 - 6 หยดเท่านั้นจ้า ถ้าเยอะกว่านี้ ผิวก็พัง ตังค์ก็เปลืองนะเอ้อ!


4. ทาตอนผิวชุ่มๆ จะดีที่สุด

บางคนอาจจะคิดว่า ทาน้ำมันควรทาตอนผิวแห้งๆ เพื่อที่จะได้กะปริมาณได้ถูกไม่ให้น้อยเกินไป ไม่มากจนเกินไปแต่เวลาที่เหมาะสมกับการทาน้ำมันนั้น ควรทาหลังอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ในขณะที่ผิวของเรายังคงชุ่มฉ่ำอยู่ตากหากล่ะจ้า


เหตุผลก็คือน้ำมันนั้นจะเป็นตัวผนึกมอยซ์เจอร์ลงสู่ผิวของเรา และหลังอาบน้ำ ก็เป็นช่วงที่ผิวของเรายังคงมีความชุ่มชื้นอยู่ถ้าคุณไม่ทาน้ำมันตอนนี้ ความชุ่มชื้นบางส่วนก็จะระเหยออกไปจากผิวแล้วนะ จริงป้ะ


สำหรับใครที่ชอบทาน้ำมันเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ก็อาจจะเปลี่ยนมาอาบน้ำก่อนนอน จากนั้นจึงค่อยทาน้ำมันรับรองว่าตื่นเช้ามาหน้าฉ่ำ หน้าใส เป๊ะปังมากๆ เลยจ้า


5. เก็บในที่ที่เหมาะสม

น้ำมันทาผิว จะเกิดการออกซิเดชั่น เมื่ออยู่ในที่มีแสงสว่าง และเจอกับอากาศคำเดียวเลยคือ คุณคงไม่อยากเสียเงินไปฟรีๆ เพื่อเอาน้ำมันทาผิวมาตั้งโชว์ แล้วปล่อยให้มันเสื่อมสภาพไปก่อนที่จะได้ใช้ใช่มั้ยล่ะ


คิดแบบนั้นก็ถูกแล้วแหละ อย่าปล่อยให้น้ำมันที่มีประโยชน์เหล่านี้ต้องเปล่าประโยชน์เลยควรจะเก็บให้ถูกที่ถูกทาง ด้วยการเก็บไว้ในที่ที่มีอากาศเย็น และแห้ง โดยเก็บให้ห่างจากที่มีแสงสว่าง และความร้อนซึ่งจะช่วยให้น้ำมันเหล่านี้อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น.


เดี๋ยวนี้เทรนด์น้ำมันทาผิวกำลังมาแรง และมีประโยชน์ต่อผิวของเรามากๆ ด้วย

โดยเฉพาะใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ควรจะมีสกินแคร์ในรูปแบบน้ำมันมาไว้ใช้สักอัน

รับรองว่าจะติดใจ

แต่ก่อนจะซื้อมาใช้ อย่าลืมอ่านบทความนี้อีกรอบนะ จะได้เลือกซื้อได้ถูก และใช้ได้เกิดประโยชน์สูงสุดจ้า


เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1