ดราม่าหนัก!! "แค่ขาวก็ชนะ" ค่านิยมของสังคมนิยมขาว ? | บทความของ แอนนา เบลล์

"ยัดเยียดตรรกะเพี้ยนๆ สร้างค่านิยมผิดๆ ให้คนคลั่งความขาว"

เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงอย่างหนักในเว็บไซต์Pantip.comขณะนี้ สำหรับโฆษณาตัวใหม่ของคริส หอวัง ที่พูดถึงความได้เปรียบทางด้านการงาน และโอกาสของสาวที่มีผิวขาวกว่า ประมาณว่า " ยิ่งขาวมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก " ก็ไม่ปาน เราไปชมโฆษณาตัวนี้กันก่อนดีกว่า

หลังจากโฆษณาตัวนี้ถูกปล่อยออกไป ก็ทำให้เกิดกระแสต่อว่าอย่างรุนแรงของชาวเน็ตว่า ยัดเยียดตรรกะผิดๆ สร้างค่านิยมคลั่งขาวบ้าง หรือเหยียดสีผิวบ้างสำหรับประเด็นเหยียดสีผิวดิฉันเองขอเห็นต่างค่ะเพราะหากมองย้อนไปยังยุคของการเหยียดสีผิวในต่างประเทศแล้ว มันเป็นการเหยียดเชื้อชาติระหว่างชาวอเมริกันผิวขาว และชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ซึ่งในสมัยก่อนชาวแอฟริกัน-อเมริกัน อาศัยอยู่ในฐานะของแรงงานทาส ซึ่งมีความร้ายแรงถึงขั้นที่มองชาวผิวสีว่า ไม่ใช่สายพันธ์ " มนุษย์ " เลยทีเดียวค่ะดิฉันเองมองเรื่องนี้เป็นเรื่องของค่านิยมทางความงามมากกว่าคล้ายกับการที่สาวจีนโบราณต้องใส่รองเท้าขนาดเล็กบีบรัดเท้าจนผิดรูปที่เรียกว่า" เท้าดอกบัว "เพราะมีความเชื่อว่า ผู้หญิงที่เท้าเล็กจะเป็นผู้หญิงในอุดมคติ ทำให้ต้องทุกทรมานกับการเดินและความเจ็บปวด ซึ่งคล้ายกับค่านิยมคลั่งขาวของเราที่บางครั้งสาวๆ เลือกใช้วิธีการที่ผิด เช่น ครีมแรงๆ ที่ผสมสารปรอท การฉีดสารเพิ่มความขาว เป็นต้น และค่านิยมเหล่านี้ไม่ได้เป็นสากลไปทั่วโลกค่ะ หนุ่มฝรั่งก็ยังถูกใจกับสเปคสาวไทยผิวแทนมากกว่าอยู่ดี

สังคมนิยมขาวของไทย ถูกบ่มเพาะมากับความเชื่อที่ว่า คนผิวขาว คือ คนรวยที่ไม่ต้องทำงานหนักตากแดด ซึ่งไปสอดคล้องกับฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 14 -19 ที่นิยมใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารตะกั่วเพื่อให้ตนเองขาวที่สุดเพื่อให้ดูเป็นชนชั้นสูง แต่ในทางกลับกัน ทางฝั่งอเมริกากลับนิยมผิวสีแทน เพราะการมีผิวสีแทนหมายความว่า คุณมีเวลาในการอาบแดด เที่ยวทะเล พักผ่อน ไม่ต้องกังวลกับเรื่องการเงินมากนัก

นอกจากเรื่องของความรวย-ความจนแล้วการสร้างสัญลักษณ์ หรืออุดมคติผ่านสีก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้ความนิยมเรื่องสีผิวถูกปลูกฝังมาเช่นกันยกตัวอย่าง สีแดงคือสีแห่งไฟ ความมุ่งมั่น เร่าร้อน สีน้ำเงินคือ สีแห่งความเย็น เพราะเปรียบเทียบกับทะเลน้ำแข็ง (ทั้งๆ ที่ไฟสีน้ำเงินมีอุณหภูมิสูงกว่าไฟสีแดง ) สีขาวเป็นสีแห่งความสะอาด สีดำเป็นสีแห่งความชั่วร้ายและสกปรก ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง มันเปรียบเทียบไม่ได้เลย ค่านิยมเหล่านี้ถูกปลูกฝังเรามาตั้งแต่เด็ก ทำให้คิดไปแบบนั้นยกตัวอย่างวิดิโอที่ชาวพันทิปท่านหนึ่งโพสท์เอาไว้ เป็นการทดลองกับเด็กให้ตัดสินใจเลือกตุ๊กตาที่มีสีขาว และสีดำ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีกระแสด้านลบอย่างหนักถึงการสร้างค่านิยม " แค่ขาวก็ชนะ " ลองไปอ่านกันดีกว่าค่ะว่า เป็นอย่างไรกันบ้าง

ดาวคณะ :

ไม่น่ารับโฆษณานี้เลย. เป็นโฆษณาที่ดูถูกตัวเอง พูดเหมือนตัวเองไม่มีความสามารถใดๆ เลย. นอกจากความขาวที่ลงทุนไป

ทำไมจัง :สร้างค่านิยมผิดๆ จะขาว จะดำ ก็มีคุณค่าเสมอเท่าเทียม จะนำเสนอครีมทาผิวก็เสนอไป แต่ไม่ควรเอาสีผิวมาเปรียบเทียบให้อีกฝ่ายดูแย่ เหมือนบังเอิญคุณเกิดมาดำ คุณจะผิดมาก ทำอะไรก็ไม่ดี แพ้ตลอด ต้องขาวสิ ขาวเท่านั้น คือมันไม่โอเค

หน้าม้ารับจ้าง :แค่สงสัยว่าโฆษณานี้มันผ่าน อย. มาได้ยังไงเนี่ย ธรรมดาพวกอวดอ้างสรรพคุณ กินแล้วผอม ขาว สวย มักตกหมดนะ

Samongpets :เอาจริง ความรู้สึกคนไทยลึกๆ ก็คิดแบบนั้นแหละ และโฆษณาก็ยิ่งไปเน้นค่านิยมที่มีอยู่ให้มันแรงเข้าไปอีก

ก่อนหน้านี้มีโฆษณาของไทยหลายตัวที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการยัดเยียดค่านิยมผิวขาว แต่ที่แย่สุดๆ และอยู่ในเคสเดียวกันคงจะเป็น" ที่นั่งสำรองสำหรับคนขาว "ที่เลือกปฏิบัติกับคนที่มีผิวขาว โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของคนอื่นๆ เลย

จริงๆ แล้ว หากจะมองเรื่องของสีผิว เราสามารถที่จะสวยได้ในทุกสีผิวค่ะ ผิวขาวไม่ได้หมายความว่า จะชนะเสมอไป เรามาลองดูกันดีกว่าว่าคนที่มีผิวสีแทน หรือผิวดำ

ชนะกว่า

ขนาดไหน!!