你好!ชาวSistaCafeขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ บทความแรกของเราเอง ^^
หลายคนที่หลงรักในการท่องเที่ยวเมืองจีน กรุงปักกิ่งเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ห้ามพลาด เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลากหลาย ทั้งวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์, โบราณสถาน และแหล่งช้อปปิ้ง ขอบอกเพื่อนๆ เลยว่า ปักกิ่งธรรรมชาติสวยมากกก ฟินตลอดทั้งทริปแน่นอนค่ะ
ทริปนี้เราจะเน้นเที่ยวสถานที่สำคัญและธรรมชาติเป็นหลัก เพื่อนๆ คงทราบว่าเมืองจีนนั่นแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล เที่ยวทริปนี้รับรองว่าเดินจนเท้าระบมแน่นอนจ้าา
1. สนามกีฬาโอลิมปิกปี 2008 (国家体育场)
สนามกีฬาโอลิมปิกปี 2008 พื้นที่กว้างและเยอะมาก ตอนนั้นเราไปตอนกลางคืนของหน้าหนาวในปักกิ่ง อากาศหนาวมากๆ ค่ะ และที่สำคัญทัวร์จีนเยอะมาก
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 噢体中心 (Olympic Sport Center) Line 8 ทางออก B1 เดินออกตามคนเยอะๆ ก็จะเห็นสนามกีฬารังนก ก่อนเข้าไปก็จะมีการตรวจสแกนกระเป๋า ไม่เสียค่าเข้านะคะ
เรามาชมบรรยากาศตอนกลางคืนกันเถอะ..
2. ย่าน Wangfujing (王府井)
หลังจากนั้นเรามากันต่อที่
ย่าน 王府井 (Wangfujing)
– เป็นย่าน Street ชื่อดังของปักกิ่ง ศูนย์รวมร้านค้าแบรนด์เนมและแฟชั่น แต่ที่เด่นๆ นั่นคือ "ตรอกของกิน" ซึ่งมีอาหารแปลกตามากมายให้เพื่อนๆ ลิ้มรส
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี王府井 (Wangfujing) Line 1 ทางออกจำไม่ได้ ลองถามคนแถวนั้นดูนะคะ
ใครที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง แนะนำให้มาเดินที่นี่ตอนกลางคืน ><
3. หอฟ้า หรือเทียนฐาน (天坛)
เทียนฐาน
เป็นสถานที่สำคัญในสมัยราชวงศ์หมิงกับราชวงศ์ชิง ใช้ประกอบพิธีบวงสรวงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอพร พื้นที่ด้านในกว้างและสับสน หาทางออกค่อนข้างยาก แนะนำให้ดูแผนที่ด้านหลังตั๋วหรือป้ายบอกทางภายในเทียนฐาน
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 天坛东门 (Tian tan dong men) Line 5 ทางออก A2 แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงมาจะเห็นนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ ด้านขวามือเป็นจุดขายตั๋ว
ไปชมบรรยากาศรอบๆกันดีกว่าา ^^
4. จัตุรัสเทียนอันเหมิน (天安门)
จัตุรัสใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีภาพวาดท่านประธานเหมาประดับอยู่ด้านหน้าประตู ซึ่งด้านหลังประตูจะเป็นพระราชวังต้องห้าม ใครมาที่นี่แนะนำให้เพื่อนๆ ศึกษาประวัติความเป็นมารับรองว่า คุณจะอินไปกับสถานที่แน่นอน
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 天安门东 (Tian an men east) Line 1 ทางออก A แล้วถามทางกับตำรวจ ก่อนเข้าเทียนอันเหมินจะพบจุดสแกนตัวและกระเป๋า หลังจากนั้นก็จะเห็นรูปท่านประธานเหมา แสดงว่าคุณมาถึงแล้ว !
5. พระราชวังต้องห้าม หรือกู้กง (故宫)
พระราชวังต้องห้าม
ตั้งอยู่ด้านหลังของเทียนอันเหมิน ภายในพระราชวังต้องห้าม มีหลากหลายพระตำหนักและพื้นที่กว้างใหญ่ เรียกได้ว่าเดินจนเท้าระบม ใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 3 ชั่วโมงเลยนะ อยากให้เพื่อนๆ จัดการตารางเที่ยวให้เรียบร้อย แนะนำให้เที่ยวหนึ่งวันเต็มค่ะ เพื่อความสะดวกและสามารถเยี่ยมชมได้ทั่วถึงทุกพระตำหนัก อย่าลืมทานข้าวมาก่อนนะ เพราะที่นี่หาของกินยากมากก
เวลาเปิด-ปิด:
8:30-17.00 น. (1 เมษายน-31 ตุลาคม)
8.30-16.30 น. (1 พฤศจิกายน-31 มีนาคม)
ปิดทุกวันจันทร์
ตรงข้ามกับประตูทางออกของพระราชวังต้องห้าม จะเป็น
สวนJingshan (景山公园)
– เราสามารถมองเห็นจุดชมวิวบนภูเขา บริเวณนี้จะมีคนจีนขายทัวร์และแท๊กซี่มากมาย อย่าหลงเชื่อง่ายๆ นะคะ หลังจากนั้นให้เดินลงบันไดใต้ดินเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม โดยไม่ต้องข้ามถนน แล้วซื้อตั๋วด้านหน้า
6. พระราชวังฤดูร้อน (颐和园)
พระราชวังฤดูร้อน
เป็นสถานที่ที่เราประทับใจมากที่สุดในทริปนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ, สถานที่ หรือรวมไปถึงวัฒนธรรมของทีนี้ ทุกอย่างล้วนลงตัวสมบูรณ์แบบ เพื่อนๆ ที่อยากมาเยี่ยมชม แนะนำให้มาตอนหน้าหนาวช่วงธันวาคม รับประกันความฟินค่ะ ทะเลสาปจะเป็นน้ำแข็ง หนาวจนมือแข็งอ้าา ><
พระราชวังอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบด้วยทะเลสาบคุนหมิง เป็นพระราชวังตากอากาศที่มีพื้นที่ใหญ่มาก และใช้เวลาเดินชมประมาณ 4-5 ชั่วโมง ใครอยากลองสัมผัสบรรยากาศแนะนำให้จัดทริปแบบหนึ่งวันเต็มยกให้กับที่นี่เลย
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 北宫门 (Beigongmen) Line 4 ทางออก D เดินขึ้นมาให้เดินตรงไปแล้วถามทางกับคนแถวนั้น เราต้องข้ามถนนแล้วพระราชวังฤดูร้อนอยู่ทางซ้ายมือ มันมีหลายเส้นทางที่สามารถเดินไปได้ เพราะจุดขายตั๋วรู้สึกจะมีสองฝั่ง ลองถามคนแถวนั้นนะ อาจจะหลงทางบ้าง แต่ยังไงก็อย่ายอมแพ้ค่ะ
เวลาเปิด-ปิด:
7.00-17.00 น.
7. กำแพงเมืองจีน ด่านปาต้าหลิง (长城: 八达岭)
กำแพงเมืองจีนด่านนี้ เป็นด่านที่คนไปเยอะที่สุด และวิวสวยมาก ใครจะอยากมาที่นี่ แนะนำให้ตื่นเช้ามากๆ แล้วออกเดินทาง เพราะใช้เวลาในการเดินทางนาน แบบไปและกลับ ประมาณ 8 ชั่วโมง เราไปถึงบ่ายสองแล้วเลยได้ขึ้นไปเดินแค่ 40 นาที กลัวไม่ทันรถไฟและรถเมล์สายสุดท้าย อีกอย่างเคเบิลคาร์ปิดตอน 15.50 น. ถ้าไม่ทันจะต้องเดินลง ใครไม่อยากเดินลงต้องทำเวลาให้ดีนะ ไม่งั้นเหนื่อยแน่ๆ 55555 ส่วนรถเมล์สายสุดท้าย รู้สึกหมดตอน 16.00-16.15 น. ส่วนรถไฟเราไม่แน่ใจเรื่องเวลา แต่กลับก่อนสี่โมงจะดีที่สุด ห้ามสายเด็ดขาดไม่งั้นคุณจะโดดเดี่ยวที่ด่านปาต้าหลิง ไม่มีรถกลับนะจ้า เพราะเกือบตกรถไฟขบวนสุดท้ายแล้วเหมือนกัน ลุ้นมาก
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 霍营 (Huoying) Line 13 แล้วเปลี่ยนสายไปยังสถานี 黄土店站 รถไฟสาย S2 จะมีป้ายบอกทาง เมื่อมาถึงสถานีรถไฟให้ซื้อตั๋วรถไฟราคา 6元 (ราคาไทยประมาณ 31 บาท) แต่รถไฟสายนี้มีเวลาออกต่างกัน ตอนนั้นเราไปวันอาทิตย์ รอบ 13.20 น. รถไฟเป็นแบบธรรมดา นั่งสบายเหมือนนั่งไปต่างเมือง นั่งประมาณ 50 นาที ในรถไฟจะขายของกินตลอดเส้นทาง ราคาไม่ชาร์จด้วย ให้เราลงรถไฟสถานีด่านปาต้าหลิง แล้วต่อรถเมล์สาย 000 คันสีเขียวดำ นั่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย อย่าหลงเชื่อคันอื่นนะ นั่งไม่ถึงห้านาทีถึงที่หมายจะพบจุดขายตั๋วเคเบิลคาร์
8. ย่านถนนคนเดิน Qianmen (前门)
ปิดท้ายกรุงปักกิ่งด้วยย่านถนนคนเดินเก่าแก่ เหมาะสมกับเพื่อนๆที่อยากซื้อของฝากหรือเดินเล่น เพราะที่นี่มีทั้งร้านขายของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมืองของปักกิ่ง ศูนย์รวมความอร่อยนั่นเอง
การเดินทาง คือ
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี 前门 (Qianmen) Line 2 ทางออก C แล้วเลี้ยวซ้าย เดินตามอาคารที่มีลักษณะคล้ายพระราชวัง แล้วข้ามทางม้าลายจะพบซุ้มประตูใหญ่
เมื่อมาเที่ยวปักกิ่งแล้ว สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดในการลิ้มรสนั่นคือ
เป็ดปักกิ่งหรือ 烤鸭
เราเลยตามหาเป็ดปักกิ่ง และแล้วก็มาโผล่ที่ภัตตาคารเป็ดปักกิ่งชื่อดัง คือ
ร้าน 全聚德 Quanjude Restaurant
แถวนั้นจะมีแต่ร้านเป็ดปักกิ่งชื่อเดียวกัน เป็นเครือเดียวกัน เข้าไปผิดร้านพนักงานก็จะบอกว่าภัตตาคารอยู่ตรงไหน?
จบไปแล้วสำหรับ 8 ที่เที่ยวยอดฮิตของกรุงปักกิ่ง หวังว่าเพื่อนๆ จะลองเปลี่ยนบรรยากาศจากหน้าร้อนไปผ่อนคลายสัมผัสอากาศหนาว ณ กรุงปักกิ่งกันนะคะ แล้วคุณจะหลงรัก จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยย ><