บัตรเครดิต
เป็นที่นิยมมากในหมู่คนวัยทำงานเพราะเพิ่มความสะดวกในการชำระเงินรวมถึงมีสิทธิประโยชน์มากมาย โดยปกติแล้วหลังจากเราใช้จ่ายซื้อของที่ต้องการ พอถึงรอบชำระเราก็จะได้รับบิลเรียกเก็บเงินมา ซึ่งผู้ใช้ส่วนมากก็จะเลือกจ่ายเต็มจำนวนที่เรียกเก็บเพื่อไม่ให้เสียดอกเบี้ย แต่ในบางครั้งถ้าหากเงินไม่พอจ่าย ทำให้บางคนเลือกที่จะจ่ายแค่ขั้นต่ำ 10% ของยอดหนี้ ซึ่งทำให้ถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยจากบริษัทบัตรเครดิต ซึ่งอาจจะสูงสุดถึง 16% ต่อปีทันทีในวันที่รูดบัตร ย้ำ!! ในวันที่รูดบัตร
ซึ่งบริษัทบัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยจาก 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 คือ “ คิดดอกเบี้ยจากยอดทั้งหมด ”
ตั้งแต่วันที่รูดสินค้า ถึง วันที่ชำระขั้นต่ำ
ส่วนที่ 2 คือ “ คิดจากเงินคงเหลือหลังจากที่จ่ายขั้นต่ำไปแล้ว ”
ตั้งแต่วันที่ชำระขั้นต่ำ ถึงวันสรุปยอดเดือนถัดไป ซึ่งยอดรวมของดอกเบี้ยทั้ง 2 ส่วนนี้จะถูกเรียกเก็บในเดือนถัดไป เช่น
ซึ่งหากเดือนถัดไปยังผ่อนขั้นต่ำอีก มันก็จะเป็นดอกเบี้ยที่พอกพูนไปเรื่อยๆ งานนี้แหละค่ะ ชักหน้าไม่ถึงหลังแน่นอน เห็นไหมละคะทุกคน ถ้าเราไม่วางแผนให้ดีบัตรเครดิตแทนที่จะเป็นประโยชน์ก็กลับกลายเป็นโทษได้นะ
แต่ถ้าเราคิดว่าจวนตัวแล้วหาเงินไม่ทันจริง ๆ อีกหนึ่งวิธีคือการใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ รีบจัดการให้เร็ว เพราะเดี๋ยวนี้สินทรัพย์หลายๆ อย่างก็เอาไปจำนำได้ เช่น ทอง หรือ รถยนต์ ซึ่งเดี๋ยวนี้รถยนต์จะผ่อนอยู่หรือผ่อนหมดแบงก์ก็รับ และได้เงินเร็วทันใจด้วย อย่างธนาคารเกียรตินาคินภัทรก็มีผลิตภัณฑ์
https://bank.kkpfg.com/th/personal-banking/loan/auto-loan/kkp-carquickcash
ที่ให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 1.5 เท่าของราคาประเมินรถยนต์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางออกที่น่าสนใจ แถมดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 3.99 % ต่อปีเอง
และขอแนะนำ Tip การจัดการอย่างหนึ่งที่จะช่วยเราจัดการค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตได้ เช่นการโอนเงินสดเข้าบัญชีใดบัญชีหนึ่งเมื่อมีรายการรูดสินค้าเพื่อป้องกันไม่ให้เงินไม่พอจ่ายเมื่อถูกเรียกเก็บ แค่นี้ก็จะช่วยเราสบายใจทุกรายการที่รูดได้แล้วค่ะ
อ่านคอนเทนต์ทางด้านการเงิน การลงทุนดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญได้ที่ KKP Advice Center คลิกhttps://kkpadvicecenter.kiatnakin.co.th/th/home