1. SistaCafe
  2. อกหักต้องเที่ยว!! รีวิวเที่ยว "วังเวียง" แบบไม่กั๊ก ทริปนี้ฟินสุดๆ!!

เมื่อรักมันช้ำ ใจมันเจ็บหนัก มองไปทางไหนก็เจอแต่หน้าเขาลอยวนเวียนเต็มห้องไปหมด ทุกอย่างมันคอยตอกย้ำวันเวลาที่ใช้ร่วมกันมา ถึงจะผูกพันแค่ไหน แต่พอถึงวันที่ต้องจบ.. เราก็ต้องปล่อยมันไป



ขึ้นมาซะเศร้าเลย ตกลงนี่มันบทความท่องเที่ยวหรือความรักกันแน่เนี่ย!! เอาล่ะค่ะสาวๆ วันนี้พี่จะมาแฉอย่างหมดเปลือก กับทริปที่

" เมื่อใจมันเซ วังเวียงคือจุดหมาย "

ถ้ารักมันแย่นัก เราหญิงแกร่งก็ต้อง move on ให้ไวๆ ยิ่งจมกับเรื่องเศร้าๆ ก็ยิ่งทำร้ายตัวเอง ทางออกของเราในงานนี้จึงต้องออกเที่ยวค่ะ!!



" เฮ้ย ( ละสรรพนามไว้ ) ไปวังเวียงกันป่ะ "


" เออ ไปดิ "



ทริปนี้มันก็เริ่มมาจากบทสนทนาสั้นๆ สองประโยคนี้ล่ะค่ะ



ออกเดินทาง!! กรุงเทพ - อุดรธานี - หนองคาย - วังเวียง!!


ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น จู่ๆ ก็จะได้ไปประเทศลาวเฉยเลยค่ะเธอ จองตั๋วสิคะ!! งานนี้จะลุยทั้งที ไปสบายๆ ก็คงไม่ฟิน จัดไปกับ " รถไฟไทยชั้นสาม " !!!



รถไฟจากสถานีหัวลำโพง - อุดรธานี ออกจากกรุงเทพประมาณหกโมงครึ่งตอนเย็น ไปถึงอุดรธานีประมาณตีสี่ค่ะ งานนี้นอกจากเราแล้วก็ได้พกเพื่อนพึ่งพายามยากพร้อมลุยกันอีก 2 คน เป็นหนุ่มน้อยหน้ามนทั้งคู่ แต่เนื่องจากงานนี้เราเป็นสาวคนเดียว จะมามัวอ้อนแอ้นอ่อนแอไม่ได้ค่ะ!! ลุยเป็นลุย!!!




ระหว่างการเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพงไปสถานีรถไฟจังหวัดอุดรธานีเรียกว่ายาวนานแบบสุดใจมากค่ะ ตามสไตล์รถไฟไทย เรื่องกลิ่นนี่ไม่ต้องพูดถึง มีความเป็นรถไฟไทยสูงมากจริง... ส่วนเรื่องของความเร็ว ขอบรรยายด้วยคำว่า " หวานเย็น " ค่ะ คือเป็นรถแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง เน้นความชิลล์และชื่นชมบรรยากาศข้างทางเป็นหลัก เรานั่งรถไฟชั้นสามกันค่ะ เรียกว่าไปกันแบบแมนๆ เลย



เหตุผลที่เราเลือกเดินทางกันตอนกลางคืนเพราะอากาศจะได้ไม่ร้อนค่ะ ตอนไปถึงอุดรธานีแล้วสามารถพุ่งตัวไปซื้อตั๋วรถทัวร์ได้แบบสวยๆ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะจากที่ศึกษารีวิวก่อนหน้านี้ การจองตั๋วรถทัวร์ไปวังเวียงนั้นต้องมีการแก่งแย่งที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ดังนั้นยิ่งไปถึงไวก็ยิ่งมีสิทธิ์ได้ที่นั่งก่อนค่ะ (ปล. เค้าห้ามจองตั๋วล่วงหน้านะเธอ)




พวกเราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟอุดรธานีประมาณตีสี่กว่าๆ ค่ะ จะว่าไปรถไฟไทยรอบนี้ก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังซักเท่าไหร่ เรียกว่าถึงตรงเวลาดีทีเดียว



ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถไฟ เราสามคนก็พุ่งตัวออกเดินจากสถานีรถไฟไปยังสถานีขนส่งอุดรกันเลยค่ะ จริงๆ ถ้าใครไม่อยากเดินก็สามารถนั่งรถพี่ๆ ตุ๊กตุ๊ก หรือพี่ๆ แท็กซี่รับจ้างแถวนั้นไปก็ได้นะ แต่ถ้าเดินเอาก็ไม่พอเหนื่อยค่ะ ประมาณ 400-500 เมตรเอง ( อาจไม่ถึงด้วย ตอนนั้นเช้ามืดมาก แอบง่วงและเบลอ อิอิ ) การเดินไปสถานีขนส่งไม่ยากเลย เดินตรงอย่างเดียว ถนนเป็นถนนใหญ่ เดินสบายมากค่ะ



เราไปถึงช่องขายตั๋วแล้วก็ทำการ " ยืนรอ " สิคะ เจ้าหน้าที่จะมาขายตั๋วตอนหกโมงเช้าค่ะ ( แต่ตอนหลังหกโมงก็ยังไม่โผล่ จนโทรไปถามถึงรู้ว่านางจะมาเจ็ดโมง - -" ถ้าใครจะไปก็รีบไปก่อนก็ดีนะ ดูจากรูปสิ แถวยาวเหยียดเลย!! ไปก่อนได้ที่ก่อนนะแจ๊ะ ) ไหนๆ ก็มาถึงตั้งแต่ตีสี่ตีห้าแล้ว รับไปเลยคิวที่ 1 ค่ะ!! #มาเช้าเท่ากับชนะ!!



** สำหรับใครที่มาไม่ทันเที่ยวนี้ เค้าจะมีบริการรถตู้ไปเวียงจันทน์ด้วยล่ะ ทำให้เธอต้องนั่งรถจากอุดรธานี - เวียงจันทน์ - วังเวียง ไกลไปอี๊ก!! แต่ถ้าอยากแวะเที่ยวเวียงจันทน์ก็ไม่ว่ากันจ้า **




หลายคนอาจสงสัยว่า.. ตายละตัวเธอ.. นี่ออกจากกรุงเทพมาจนถึงอุดร ทั้งเหงื่อจากนั่งรถไฟมาก็ไม่ใช่เบาๆ นี่จะนั่งรถต่ออีก 7 ชั่วโมงยังไงไหว?? ไม่อาบน้ำอาบท่าบ้างหรอ ตอบเลยค่ะว่า อาบค่ะ เรียนวิชายุวกาชาด เข้าค่ายมาก็เยอะ ได้ใช้จริงๆ ก็เวลานี้ล่ะค่ะ สายฉีดในห้องน้ำโลด ฉีดวนไปค่ะ เอาพอให้ร่างกายไม่เหนอะหนะก็พอ ไปถึงที่พักแล้วว่ากัน TT



รถเข้าจอดเทียบท่าและล้อหมุนเวลา 8.30 น. ค่ะ นั่งกันไปยาวๆ 7 ชั่วโมง ช่วงที่ถึงจังหวัดหนองคาย เค้าจะจอดให้เราลงทำเขียนใบ ตม. ขาเข้าประเทศก่อน เข้าแถวยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่สแตมป์ตามธรรมเนียม คนไทยเยอะมากจริงๆ! ตรงนี้บางคนก็ทำการแลกเงินกีบ ซื้อซิมมือถือ จัดการเตรียมพร้อมก่อนได้เลย จริงๆ ที่วังเวียงก็มีค่ะ แต่ใครอยากเตรียมพร้อมก่อนก็ได้แล้วแต่ศรัทธา



เกือบ 24 ชั่วโมงกว่าจะถึง สำหรับที่พักนั้นมีเยอะแยะหลายที่มาก พวกเราไม่ได้จองก่อนค่ะ ใช้วิธี walk-in เอาเลย หลายคนชอบพักที่จำปาลาวบังกะโลเพราะตามรีวิวมาจาก Pantip ซึ่งก็ดีค่ะ ตอนไปเพื่อนก็ไปพักกัน วิวสวย บรรยากาศดี ฝรั่งเยอะ แต่พวกเราเป็นสายออกเที่ยว ทีพักเลยไม่ค่อยได้สนใจเท่าไหร่ นอนไหนก็ได้ แมนๆ ครัช




ในส่วนของงบประมาณนั้น

ถือว่าเป็นทริปที่คุ้มค่าราคาคู่ควรมากค่ะ นับตั้งแต่การเดินทางซึ่งเราเสียค่าใช้จ่ายน้อยมากถ้าเทียบกับการเดินทางด้วยเครื่องบิน ( อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับแต่ละคนนะคะ ใครอยากไปสบายๆ ถึงเร็วๆ ก็ขึ้นเครื่องไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครอยากผจญภัย ไม่ห่วงเรื่องเวลา รถไฟก็เป็นยานพาหนะที่เราแนะนำให้ลองค่ะ แถมเรื่องค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าถูกกว่าชัวร์ป้าบ )



เราสามคนใช้วิธีการรวมเป็นกองกลางค่ะ คนละ 2,500 บาท ทั้งหมด 4 วัน ก็เรียกว่าใช้สบายๆ เลยนะ มีวันหลังๆ ที่เราเพิ่มงบกันอีกนิดหน่อย รวมๆ แล้วทริปนี้รวมค่ากิน ค่าดื่ม ค่าใช้จิปาถะ 3,000 - 3,500 บาทก็อยู่ค่ะ ไม่กระเบียดกระเสียนใช้

เรียกว่ากินอิ่มนอนหลับดีทุกมื้อเลย




สำหรับสถานที่ยอดฮิตที่แนะนำให้เพื่อนๆ ต้องไป check-in กันให้ได้มีดังนี้ค่ะ ตามมา!!



1) ถ้ำภูคำและบลู ลากูน ( Phu Kham Cave & Blue Lagoon )



บึงน้ำสีฟ้าประมาณ 20 นาทีจากตัวเมือง ที่นี่จะมีทัวร์ลงเยอะมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกแก๊งค์ One Day Trip ทั้งหลาย ตอนเราไปคนน้อยมากค่ะเพราะเราตื่นเช้ามาก และออกแต่เช้า รีบไปก่อน เพราะถือคติดว่า #มาเช้าเท่ากับชนะ!! ส่วนใหญ่คนจะเยอะช่วง 9.00 - 10.00 น. ค่ะ ดังนั้นถ้าสามารถไปถึงก่อนก็จะได้ว่ายน้ำสีฟ้าๆ แบบเรานะคะ เล่นน้ำเสร็จแล้วก็ลองเดินขึ้นเขาไปสำรวจถ้ำภูคำด้านบนด้วยล่ะ หินงอกหินย้อยแบบธรรมชาติล้วนๆ น่าประทับใจมากๆ เลย



2) ผาเงิน ( Silver Cliff )




ผาเงินนี่เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลย เราตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อไปปฏิบัติภารกิจในการไปให้ถึงยอดผาเงินก่อนพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ เส้นทางไปผาเงินนั้นเป็นทางเดียวกับที่ไปบลูลากูน แต่จะไกลออกไปอีกหน่อย ในส่วนของการปีนเขานั้น... โหดมาก!!! แถมเราต้องรีบปีนขึ้นไปก่อนพระอาทิตย์ขึ้นด้วย เรียกว่าจ้ำกันไม่คิดชีวิตเลยล่ะค่ะ เหนื่อยแทบขาดใจ แต่วิวด้านบนนั้น คุ้ ม ค่ า ที่ สุ ด ! ! ! สวยแบบบรรยายไม่ถูกเลย อยากให้ลองไปโดนดูนะ ฟิน!!



3) พายเรือคายัคและลอยห่วงยาง ( Kayaking & Tubing )



บรรยากาศและความสวยงามของสองฟากฝั่งแม่น้ำซองนั้นสวยงามมากค่ะ มีความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ การพายเรือคายัคหรือลอยคอในห่วงยางชิวๆ ไปตามแม่น้ำซองคือวิถีชีวิตแบบ Slow Life ของจริง สำหรับใครที่คิดว่าการพายเรืออาจจะโหดไปและไม่ใช่แนวของเรา ขอแนะนำให้ Tubing หรือลอยคอในห่วงยางเฉยๆ ก็พอ กระแสน้ำจะพาเธอลอย ไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ ชิวๆ มีเบียร์ในมือซักกระป๋อง พร้อมกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติที่ลอยคอไปด้วยกัน แค่นี้ก็ฟินแล้วเธอ!



4) ซากุระบาร์ ( Sakura Bar )



อันนี้เป็นบาร์ที่ได้รับการกล่าวขานว่าต้องไป ยังไงก็ต้องไปโดน เพราะเค้ามีโปรโมชั่นที่กระแทกใจกับเครื่องดื่มฟรีในระยะเวลาที่จำกัด พร้อมกับเพลงตื๊ดๆ โดนใจวัยรุ่น นอกจากเครื่องดื่มและเพลงฟินๆ แล้ว สิ่งที่ฟินยิ่งกว่าคือบรรดาเพื่อนๆ ชาวต่างชาติทั้งหลายที่จะมารวมตัวกันให้กระชุ่มกระชวยหัวใจดวงน้อยๆ ถึงจะบอกว่าตาดีได้ตาร้ายเสีย แต่สำหรับพี่งานนี้มีแต่ได้กับได้ค่ะ!! โฮะๆๆๆ ( ข้ามรายละเอียดส่วนนี้ไปรัวๆ ... -/////////////-)




:+: สรุปทริป Vang Vieng ประเทศลาว ครั้งนี้ :+:



เพราะเป็นทริปที่มีความลุยและสมบุกสมบันค่อนข้างสูง บวกกับเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันมีความฮาระดับห้าล้านกะโหลก ทำให้ลืมไปสนิทว่าเรามาเพื่อหนีเรื่องราวแย่ๆ มา



การมาเที่ยวครั้งนี้ได้อะไร? ได้ออกกำลังกายค่ะทุกคน!! ได้เสียเหงื่อ!! ได้ทำให้ร่างกายขับสารอะดรีนารีน ทำให้เรามีความสุข มีเสียงหัวเราะอีกครั้ง!! การออกเดินทางได้เจอเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วประเทศ ทั่วโลก ทำให้เราเปิดใจมากขึ้น ได้รู้ว่าธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่และเราเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ เท่านั้น



ออกเดินทางเถอะค่ะ เราไม่ควรต้องเกิดมา เรียน ทำงาน มีความรัก แล้วตายจากไป ลุกขึ้นเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง เพื่อนๆ จะรู้ว่าชีวิตมีความสนุกอีกเยอะรอคอยเราอยู่ สู้ๆ นะคะ!!



( อ้อ.. อย่าลืมมาเป็นทีม #มาเช้าเท่ากับชนะเหมือนเราด้วยนะ มันจะฟินเฟร่ออออ!!! )



ขอบคุณภาพสวยๆ จากเพื่อนๆ ร่วมทริป


ขอบคุณเพื่อนๆ ที่อนุญาตให้ลงรูป


ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาดีๆ ที่ไปเที่ยวด้วยกัน :)


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1