หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรง ส่งผลต่อทรัพย์สิน สุขภาพกายและใจ จนส่งผลให้ใครหลาย ๆ คนเกิดอาการตื่นตระหนกอยู่ตอนนี้ หลายคนถึงขนาดเกิดภาวะ Panic กันยกใหญ่ อาจจะยังไม่เก็ทกันใช่มั้ยว่าโรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไร เดี๋ยววันนี้เราจะมาขยายความให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน พร้อมกับแชร์ 7 วิธีรับมือกับโรคนี้ให้กับเพื่อน ๆ ได้นำไปปรับใช้กันด้วย เผื่อว่าคุณอาจจะกำลังเป็นหรือมีคนใกล้ตัวเป็น จะได้รับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นได้ เพราะงั้นไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าโรคแพนิคที่ว่านี้ มันเป็นยังไง แล้วเราสามารถรับมือกับโรค ๆ นี้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง ไปอ่านกันเลย!
โรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไร

เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อย โรคแพนิค (Panic Disoder) คือ ภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งโรคนี้จะแตกต่างจากอาการหวาดกลัวปกติทั่ว ๆ ไปนะ คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ จะเกิดอาการแพนิคหรือหวาดกลัวอย่างรุนแรง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองอาจจะไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอาการแพนิคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้รู้สึกกลัว ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้โรคนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้อันตรายมาก คือถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข
สาเหตุและอาการของโรคแพนิค

คราวนี้เรามาดูที่สาเหตุของโรคแพนิคกันบ้าง ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแพนิคอาจเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสุขภาพจิตด้วยอย่าง
ปัจจัยทางกายภาพ ผู้ป่วยโรคแพนิคอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของสมองและการได้รับสารเคมีต่าง ๆ
ปัจจัยทางสุขภาพจิต อาจจะเกิดมาจากเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นตัวการส่งผลให้เกิดโรคแพนิคได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ

อาการของโรคแพนิคเป็นยังไง
ประเมินตนเองเบื้องต้น หากมีอาการในหัวข้อต่อไปนี้ ตั้งแต่ 4 อาการขึ้นไป ว่ามีความกลัววิตกกังวลหรือความอึดอัดไม่สบายใจอย่างรุนแรง เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ตัวสั่น มือเท้าสั่น
- หายใจไม่อิ่ม หรือ หายใจขัด
- ใจสั่น ใจเต้นแรง หรือใจเต้นเร็วมาก
- เหงื่อแตก
- รู้สึกอึดอัด หรือแน่นอยู่ข้างใน
- เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก
- คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน
- วิงเวียน โคลงเคลง มึนตื้อ หรือเป็นลม
- ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวสั่น ร้อนวูบวาบ เหมือนจะเป็นไข้
- รู้สึกชา หรือรู้สึกซ่า ๆ (paresthesia)
- รู้สึกเหมือนสิ่งรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป (derealization หรือ depersonalization)
- กลัวคุมตัวเองไม่ได้ หรือกลัวเป็นบ้า
- กลัวว่าตนเองกำลังจะตาย
1. หากนี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นครั้งแรก ควรไปพบแพทย์ทันที!

สำหรับคนที่ลองสังเกตอาการของตัวเองแล้วรู้สึกว่า ฉันมีอาการตามที่บอกมา แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคแพนิครึเปล่า เราแนะนำว่า ให้รีบไปพบแพทย์นะคะ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด
สุดท้าย ถ้ามันเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริง ๆ เพื่อน ๆ จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องต่อไป ไม่ต้องกลัวที่จะไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ คำปรึกษาของคุณหมอ ก็ยังพอที่จะสามารถ ช่วยทำให้ความกังวลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเบาบางลง ได้และอย่าลืม ติดตามผลการรักษาและรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง ด้วยนะ ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้อาการแพนิคนั้นกำเริบขึ้นมาได้อีก
2. ตั้งสติ อย่าเพิ่งคิดไปไกล

แม้ความวิตก ความหวาดกลัวจะเกิดขึ้นได้ อย่างไม่มีสาเหตุ แต่บางครั้ง มันก็มีเหตุกระตุ้น ที่ทำให้อาการของเรามันกำเริบได้เช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คุณอาการกำเริบได้ก็ให้รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แย่ ๆ นั้นให้เร็วที่สุด ! แต่ถ้าอยู่ ๆ อาการแพนิคดันเกิดขึ้นกระทันหัด แบบไม่ทันตั้งตัวให้พยายามตั้งสติ อย่าตกใจและอย่าคิดว่าจะป่วยหนักหรือจะหัวใจวายหรือเสียชีวิตเพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและเป็นมากขึ้น ให้เริ่มจากการนั่งพัก จากนั้นให้หายใจเข้าออกช้าๆ ลึก ๆ ยาว ๆ เหมือนเวลานั่งสมาธิแล้วรอให้อาการสงบไปเองอาการก็จะดีขึ้นภายใน 15 - 20 นาทีหรือจะรับประทานยาที่แพทย์ให้ไว้สำหรับเวลามีอาการร่วมด้วยก็ได้เท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว
3. ออกกำลังกาย

การออกกำลัง ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีไม่น้อย หลายๆ คนอาจจะคิดว่า เอ้า! ออกกำลังกาย มันจะไม่ยิ่งไปกระตุ้นให้ใจสั่นกว่าเดิมหรอ แบบนี้มันเสี่ยงนะ ใครจะไปกล้าทำใจเย็นๆ ก่อนนะ รู้มั้ยวว่า การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบหัวใจและปอดทำงานได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น
มีผลวิจัยออกมาว่า ผู้ป่วยที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะเกิดอาการแพนิคและอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน้อยลง ก็ไม่ต้องออกกำลังท่าพิศดารอะไรขนาดนั้น เอากิจกรรมที่เราถนัด ทำแล้วไม่เกินกำลังของตัวเราเอง อาจจะโยคะ วิ่ง เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ แค่ให้ร่างกายมันได้ขยับเขยื้อนบ้าง เท่านี้ก็โอเคแล้ว
4. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเองที่ดีมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ผลดีของการพักผ่อนให้เพียงพอ มีเยอะมากๆ ซึ่งสำหรับ ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคแพนิค ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอและมีสุขลักษณะการนอนที่ดีด้วย เพราะ การอดหลับอดนอนจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย แถม ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลาย ๆ ด้านอีกด้วยนะ เพราะฉะนั้น การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทั้งผู้ป่วยและทุกๆ คน ละเลยไม่ได้เลยนะ
5. หาเหตุผลที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล

ด้วยสาเหตุของโรคแพนิค อย่างที่เราบอกไปข้างต้น มันเกิดได้หลายสาเหตุ ฉะนั้นเพื่อนๆ ลองมองหาสาเหตุของตัวเองดูซิ ว่าทำไมเราถึงได้มีอาการวิตกกังวลรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อพบสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่า เราสามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้นะ ก็อยากให้ลองพยายามแก้ไขปัญหานั่น ๆ ดู แต่ถ้ารู้สึกว่า ไม่ไหวอะ แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ให้คิดหาวิธีเตรียมตัวรับมือกับความกดดันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคตทั้งนี้ทั้งนั้น การได้ปรึกษาหรือระบายปัญหาต่างๆ กับคนที่ไว้ใจได้หรือจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิต ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีรับมือโรคแพนิคได้ดีเลยทีเดียว
6. ลดความกังวล ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส

บางทีพอเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากังวลใจมากๆ อะ มันก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่มากขึ้น ๆ ไปอีก ทั้งกดดัน กลัว จิตตก อารมณ์แบบดิ่งมากๆ เลยใช่ป่ะ ฉะนั้น อีกหนึ่งวิธีที่เราว่าก็โอเคนะ เป็นวิธีที่จะช่วยลดความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลได้ดีมาก ๆ เลยก็คือ การลดความกดดัน ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส ด้วยการเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปสู่เรื่องอื่นที่ดีต่อใจมากกว่า เราว่าทุก ๆ คนมีเรื่องที่ตัวเองชอบและอยากทำกันอยู่แล้วแหละเนอะ เพราะงั้นเราก็ แค่หันไปโฟกัสและลองทำสิ่งที่เราชอบมากขึ้น นอกจากจะช่วยทำให้เราแฮปปี้แล้ว ยังช่วยลดความกดดัน ที่เจออยู่ได้ด้วยนะคะ
7. กังวลเก่งนัก ก็ฝึกผ่อนคลายความเครียดซะเลยซิ!

นอกจากวิธีการออกกำลังกาย อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรับมือกับโรคแพนิคได้ก็คือ การฝึกผ่อนคลายความเครียด อย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาในการฝึกอย่างน้อยครั้งละ 15 - 30 นาที ซึ่งก็มีวิธีให้เพื่อน ๆ ได้เลือกฝึกหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น การฝึกทำสมาธิหรือเดินจงกรม การฝึกจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย โดยอาจใช้การฟังเพลงช่วย การฝึกเล่นโยคะ ร่วมไปถึงการทำงานอดิเรกต่าง ๆ ที่ทำแล้วผ่อนคลายและมีความสุข (จะเชื่อมโยงกับวิธีที่ 6 นั่นเอง) ซึ่งวิธีการเหล่านี้ จะช่วยลดความวิกตกกังวลที่เกิดขึ้น ให้มันเบาบางลงได้
ยังไงก็ลองหยิบสักวิธี ไปทำตามกันดู เราเองก็หวังว่าวิธีเหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ รู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้างนะ

ก็เป็นวิธีดูแลตัวเองบวกกับรับมือกับโรคแพนิคง่าย ๆ ที่ทุก ๆ คนสามารถทำตามกันได้นะคะ จริง ๆ อะ เราว่าควรไปพบคุณหมอ จะดีที่สุดเนอะ คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำที่มันเป็นประโยชน์และตรงจุดกว่าด้วย อีกอย่างนึง ไม่ต้องกลัวว่าจะไปหาย เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายดีขึ้นได้นะคะ แล้วก็ใครที่มีคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคนี้ อยากให้เข้าใจเค้านิดนึงเพราะผู้ที่เป็นโรคแพนิคนั้นต้องการความเข้าใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ฉะนั้นช่วยๆ กันดูแลเอาใจใส่คนที่เรารัก โอเคมั้ยสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย
Cr. โรคแพนิค (Panic disorder) อาการ สาเหตุ การรักษาโรคแพนิค 9 วิธี !
https://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84/
Cr. 5 วิธีรับมือกับโรควิตกกังวลในสถานการณ์กดดันสูง
https://www.istrong.co/single-post/Anxiety