1. SistaCafe
  2. เสพความฮิป! แถมความรู้ หาดูได้ที่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา "ชุมชนกุฎีจีน"

สวัสดีค่ะสาวๆ

SistaCafe


วันนี้เราพาไปเอาใจสาวๆ สายฮิปอีกแล้ว วันนี้อยู่กันที่ชุมชนเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่าง

ชุมชนกุฎีจีน

ค่ะ ที่นี่เป็นชุมชนเล็กๆ ประกอบไปด้วยหลายเชื้อชาติและศาสนา แต่ถึงแม้จะเป็นชุมชนเล็กๆ แต่มีสิ่งที่น่าสนใจเพียบ พูดเลยย บรรยากาศจะเป็นอย่างไร ไปดูกันดีกว่าค่าาาา




ข้อมูล

พิพิธภัณฑ์กุฎีจีน


เปิด : วันอังคาร - อาทิตย์


เวลา : 09.30 -18.00 น.


การเดินทาง

รถโดยสารสาธารณะ :

สาย 56,9,43,3,6,40,42 จอดหน้าโรงเรียนศึกษานารี เดินต่อเข้าซอยกุฎีจีน


เรือ :

ท่าราชินีข้ามมาท่าวัดกัลยา




กุฎีจีน

ชุมชนกุฎีจีน

ชุมชนเก่าแก่เล็กๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ความเป็นมาไม่ธรรมดาเลย มีประวัติมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี ชาวกุฎีจีนเป็นการผสมผสานระหว่าง 3 เชื้อชาติ 3 ศาสนา เพราะเดิมทีเป็นชุมชนที่รวบรวมไพร่พลหลังกรุงศรีอยุธยาแตก มีทั้งชาวไทย ชาวจีน ชาวโปรตุเกส ที่อพยพมา แต่มาถึงรุ่นปัจจุบัน เชื้อสายชาวโปรตุเกสก็ไม่ค่อยเหลือเค้าความเป็นตะวันตกแล้วล่ะค่ะ



ชุมชนกุฎีจีน

เป็นชุมชนเล็กๆ ที่อาศัยกันอยู่แบบเครือญาติค่ะ ประชาชนส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิค โดยมี

โบสถ์ซางตาครู้ส

เป็นศูนย์กลางของชุมชน และนอกเหนือจากโบสถ์บริเวณรอบๆ เป็นที่ตั้งศาสนสถานมากมายอย่าง


วัดกัลยาณมิตรวรวิหาร ศาลเจ้าเกียงอันเกง และ มัสยิดบางหลวง

ค่ะ ทางเดินในชุมชนจะเป็นซอยเล็กๆ แต่ตามกำแพงเต็มไปด้วย Street Art มากมาย ใครเป็นสายฮิปต้องมาเดินถ่ายเลยย




โบสถ์ซางตาครู้ส

โบสถ์คาทอลิค ศูนย์กลางชมชนกุฎีจีน เป็นโบสถ์แบบนีโอคลาสิคผสมเรเนอซองส์ แห่งแรกของฝั่งธนบุรีค่ะ ก่อตั้งโดยบาทหลวงโกเบ กอรร์ ผู้นำชาวโปรตุเกสในยุคนั้น สร้างขึ้นบนพื้นที่พระราชฐานของพระเจ้าตากสินมหาราช สวยมากๆ แต่เสียดายตอนไปโบสถ์ปิดแล้ว T_____T




ของขึ้นชื่อที่

ชุมชนกุฎีจีน

ได้แก่

ขนมฝรั่งกุฎีจีน

นั่นเองค่ะ  ขนมโบราณอายุกว่า 200 ปี เป็นลูกผสมระหว่างขนมจีนกับขนมฝรั่ง เพราะตัวขนมมีต้นตำรับมาจากชาวโปรตุเกสที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย ส่วนหน้าขนมเป็นของจีน  ใช้วัตถุดิบเพียงสามอย่าง คือแป้ง ไข่ และน้ำตาล โรยด้วยลูกเกด ลูกพลับ ฟักเชื่อม และน้ำตาลทราย จากความเชื่อของชาวจีนที่ว่า กินฟักเชื่อมแล้วจะร่มเย็น กินน้ำตาลทรายจะมั่งคั่งไม่รู้จบ เหมือนน้ำตาลที่นับเม็ดไม่ได้





เดินตรงเข้าไปสุดซอยจะพบกับ

พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน

เป็นบ้านไม้สีขาวหลังกะทัดรัด


ด้านบนจัดแสดงความเป็นมาของชาวกุฎีจีน เรื่องราวของสยาม - โปรตุเกส การเข้ามาเยือน บุคคลสำคัญ ส่วนด้านล่างเป็นร้านกาแฟ บรรยากาศชิลล์ๆ ขอบอกว่าที่นี่สร้างขึ้นจากทุนส่วนตัวของเจ้าของบ้านเองเลย เพื่อต้องการเปิดให้ความรู้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชม อย่างไรก็อย่าลืมไปอุดหนุนอาหารและกาแฟกันนะคะ




เมื่อออกจากซอยกุฎีจีนกันแล้ว เราลัดเลาะมาตามริมแม่น้ำ จนมาพบกับ

บ้านวินด์เซอร์

เรือนมะนิลา ประดับประดาด้วยไม้ฉลุ


มรดกตกทอดของตระกูลวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นตระกูลคหบดีที่มีบทบาทสำคัญในชุมชนกุฎีจีน เช่น การจัดตั้งห้าง วินด์เซอร์หรือห้างสี่ตา เป็นเจ้าแรกที่ทำการค้าขายกับต่างประเทศ เห็นครั้งแรกคือสวยสะดุดตามากๆ แต่ก็แอบขนลุกเบาๆ เพราะว่าเป็นบ้านโบราณขนานแท้ ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้น



ถัดจากบ้านวินด์เซอร์มาไม่ไกล เราก็จะพบกับ

ศาลเจ้าเกียนอันเกง

ศาลเจ้าแบบสถาปัตยกรรมจีนในสมัยราชวงศ์เชง ของชาวจีนฮกเกี้ยน สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ประดิษฐานพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม ด้านในห้ามถ่ายรูปเด็ดขาดเลยนะคะ



เป็นอย่างไรบ้างคะสาวๆ ที่

ชุมชนกุฎีจีน

เนี่ย มีอะไรให้เราได้แวะเที่ยวตั้งหลายอย่าง แถมได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันของชุมชนที่เป็นลูกผสมจากสามเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมด้วยนะ ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็พึ่งพาอาศัยกันอยู่แบบเครือญาติ คนในชุมชนก็น่ารักมากๆ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นที่ที่น่าสนใจ ที่แอบหลบอยู่ในหลืบของกรุงเทพที่หนึ่งเลยล่ะค่ะ ไว้คราวหน้าเราจะพาสาวๆ ไปเที่ยวคนเดียวแบบไม่ง้อใครกันทีไหนอีก โปรดรอติดตามด้วยนะคะ



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1