เมื่อพิจารณาถึงสภาพอาการที่น่าเป็นห่วงในเมืองไทยตอนนี้แล้ว สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดเราเลยคือเรื่องการเสริมปราการผิวให้ผิวแข็งแรงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพื่อพร้อมรับมือกับปัจจัยต่างๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งยอมรับว่าในช่วงนี้สกินแคร์สัญชาติเกาหลีมาแรงแบบสุดๆ อย่างเจ้าACOLAB MIRACLE SYSTEM No.3 RENEWAL CREAMกระปุกนี้ที่เราแอบเห็นหลายคนหยิบมารีวิวอยู่บ่อยๆ จนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าเค้าดีงามยังไง เลยต้องจัดมาลองให้หายสงสัยด้วยตัวเอง (ข้ออ้างในการช๊อปแหละ ดูรู้!)
ตามธรรมเนียมสิ่งแรกที่เราจะโฟกัสคือKey Ingredientsที่ทางแบรนด์ใส่เข้ามาซึ่งต้องบอกเลยว่ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์กระปุกนี้ไม่ได้มาเล่นๆ นะยูว์ นางเล่นอัดวิตามิน และสารสกัดหลายตัวที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผิวมาแบบจุกๆ เอาเป็นว่าอย่ารอช้าไปชมรีวิวพร้อมๆ กันเลยฮะ...
The Claim
Texture / Scent / Packaging
Texture :เนื้อผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบ กึ่งเจล-กึ่งครีม สีขาว ที่มีสัมผัสที่มีความละม้ายคล้ายเจลลี่อยู่เบาๆ แต่เมื่อเกลี่ยลงบนผิวกลับซึมเข้าผิวได้รวดเร็วทีเดียวแฮะ แถมยังให้ความรู้สึกชุ่มชื้น เคลือบอยู่บนผิวได้ยาวนานพอสมควรเลยแหละ
Scent :กลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ในเกณฑ์ที่เราโอเค แต่หากทางแบรนด์ไม่ใส่มาเลยจะเป็นอะไรดีงามมากกว่านี้ไม่น้อยเลยหละฮะ
Packaging :บรรจุภัณฑ์รูปแบบกระปุกมาพร้อม spatula สำหรับตักผลิตภัณฑ์เพื่อลดการปนเปื้อน ในเมื่อทางแบรนด์ให้มาแล้วเพราะงั้นอย่าลืมล้าง spatula ทุกครั้งก่อนที่จะตักผลิตภัณฑ์นะค๊าบ
Key Ingredients
Niacinamide :วิตามินบี 3 เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวในหลายด้าน อาทิ ช่วยลดริ้วรอย ลดรอยแดง/ดำ(hyperpigment) เพิ่มความชุ่มชื้น ด้วยการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน และเซราไมด์ (ceramide) และยังทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคือง (irritants) ต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถลดความมันบนใบหน้า (sebum excretion) และยังเป็น Whitening อีกด้วย ซึ่งเจ้าสาร Niacinamide มีผลการวิจัยรับรองว่าสามารถช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และลดการเกิดสิวได้ เมื่อใช้ติดต่อกันอย่างน้อย 6-8สัปดาห์ ในความเข้มข้นที่เหมาะสม
Propolis :เป็นสารที่น่าสนใจอีกตัวที่ใส่เข้ามาในโทนเนอร์ขวดนี้ เพราะเจ้า Propolis นั้นเป็นสารสกัดจากรังผึ้ง มีลักษณะเหนียวข้น ได้มาจากยางของเปลือกไม้ที่ผึ้งงานได้รวบรวมเอาไว้และนำมาผสมกับไขผึ้ง มีคุณสมบัติที่ดีในการต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ลดการอักเสบ เสริมการสมานแผลได้ค่อนข้างดีทีเดียวฮะ
Centella Asiatica Extract :สารสกัดจากใบบัวบก ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ III ช่วยลดริ้วรอยและให้ผิวกระชับขึ้น ลดการอักเสบของผิว อีกทั้งยังช่วยลดรอยดำ-แดงที่เกิดจากสิวได้ รวมถึงลดการเกิดเม็ดสีเมลานินซึ่งทำให้ผิวคล้ำ ด้วยการลดการอักเสบของผิวที่เกิดจากแสง UV ที่สำคัญคือเข้าใส่มาเป็น อันดับแรกเลยจ้าซึ่งถ้ามาเต็มขนาดนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าคาดหวังผลได้พอสมควรเลยหละ
Hydrolyzed Collagen :
ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน หรือบางคนอ่านว่า ไฮโดรไลเซทคอลลาเจน ทางผู้ผลิตเคลมว่ามีคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแรงให้กับคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น อุ้มน้ำ และผิวดูเต่งตึงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีสารยอดฮิตอย่างGalactomyces Ferment Filtrateที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นโดยการกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ รวมถึงAnemarrhena Asphodeloides Root Extractซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติในการเติมเต็มรอยเหี่ยวย่น ทำให้กระชับเต่งตึง(ทั้งนี้ ข้อมูลเหล่านี้มาจากทางฝั่งของผู้ผลิตสาร และเรายังหาเอกสารอ้างอิงที่เป็นกลางว่าสารทั้ง 2 ตัวนี้มีประสิทธิภาพน้อยเท่าไหร่ไม่พบฮะ)
Let's Try...
จากที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้แล้วว่าด้วยความที่สภาพอากาศในตอนนี้ค่อนข้างแย่เอาการ ผนวกกับสภาพผิวพื้นฐานเราเป็นผิวผสม-มัน ทำให้เราจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง BHA เพื่อผลักเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ไม่ให้อุดตันและเกิดเป็นสิวอักเสบในที่สุดด้วยเหตุนี้เองทำให้ผิวเรามักจะระคายเคือง และแห้งลอกง่ายกว่าปกติ แต่หลังจากที่เราได้ลองเจ้าACOLAB MIRACLE SYSTEM No.3 RENEWAL CREAMมา 1 สัปดาห์เต็มๆ พบว่า...
- อาการระคายเคืองค่อยๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าจะยังคงใช้ผลิตภัณฑ์อย่าง BHA อยู่ก็ตาม- ผิวนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และส่งผลในข้อถัดไป- เมื่อผิวเรียบเนียนขึ้น เวลาแสงมาตกกระทบบนผิวก็จะเกิดการกระจายตัวได้ดี และสม่ำเสมอมากกว่าผิวที่แห้งกร้าน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นนั่นเองฮะ
สรุป
จากที่เราได้ลองใช้ACOLAB MIRACLE SYSTEM No.3 RENEWAL CREAMและได้อ่านส่วนผสมทั้งหมดที่ใส่เข้ามา ต้องยอมรับเลยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อัดส่วนผสมหลากหลายและครอบคลุมมากตัวนึงตั้งแต่แต่เราทำรีวิวมา ซึ่งแต่ละตัวก็คาดหวังในการฟื้นบำรุงให้ผิวแข็งแรง และลดการอักเสบระคายเคืองได้จริง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มและล็อความชุ่มชื้นบนผิวได้ยาวนาน เหมาะกับมนุษย์ที่นั่งทำงานในห้องแอร์แบบเราสุดๆ
ข้อสังเกต :ด้วยจำนวนสารเคลือบผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ที่ใส่มาหลากหลายทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้นที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นมนุษย์ผิวมันเราแนะนำให้ใช้โดยการตักผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้ววอร์มบนฝ่ามือก่อน จากนั้นใช้วิธีการประคบเบาๆ ลงบนผิวหน้าและลำคอ แบบนี้จะช่วยให้ควบคุมปริมาณผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น และทำให้หน้ามันน้อยลงขอรับ
เอาล่ะก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ที่คุ้มค่า น่าลงทุนในราคาที่จับต้องได้เพื่อมาปกป้องผิวจากสภาพอากาศที่โหดร้ายในช่วงนี้เน้อ และหากเพื่อนๆ สนใจยังไงก็เข้าไปลองสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางแบรนด์ได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้ก็ขอจบการป้ายยาแต่เพียงเท่านี้จ้า ไว้เจอกันใหม่ในบทความหน้า บับบาย.....