สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนสถานะทุกคนน!(っ˘з(˘⌣˘ ) ♡กว่าเราจะเริ่มรู้สึกดีๆ กับใคร บางทีก็ต้องใช้เวลา!เป็นคนคุยกันมาระยะหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนสถานะจากคุยๆ กัน เป็น ' คนรู้ใจ ' ( เอาตรงๆ ก็คือเปิดตัวแบบ official ) ได้ยังไง มันก็ขัดๆ เขินๆ อยู่นะ จะเรียกว่าแฟนก็ไม่ได้เพราะยังไม่ได้ขอ แต่จะบอกว่าเป็นเพื่อนมันก็เกินนั้นไปมากแล้ว...ผู้หญิงอย่างเราก็อึดอัดเนาะ จะต้องคบแบบไม่มีสถานะไปนานแค่ไหน จะแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ก็ไม่ได้ จะให้เป็นคนคุยไป 5 ปี 10 ปีก็คงไม่ไหว เสียเวลาตายเลย YY^YY
เพราะความรักไม่มีสูตรเป๊ะๆ เหมือนคณิตศาสตร์ ว่าถึงตรงนี้ต้องเป็นเพื่อน ถึงตรงนี้ต้องขอคบ ถึงตรงนี้ต้องแต่งงาน ใช้ความรู้สึกของทั้งสองคนล้วนๆ จึงเปิดปัญหาความไม่เข้าใจกันได้มากมาย เพราะมาตรวัดแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนคุย 2 เดือนเปิดตัวเลย บางคนคุยเป็นปีก็ยังไม่เปิดแต่ทั้งนี้ ก็มีเกณฑ์กลางๆ ที่เป็นมาตรฐานอยู่ค่ะ ถ้าเธอสองคนมีความสัมพันธ์ตรงกับใน 7 สัญญาณในบทความนี้ แปลว่ารักครั้งนี้ชัดเจน พร้อมจะเปิดตัวแล้ว ไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอนลองเช็คกันดูน้าว่าเข้าข่ายข้อไหนบ้างไหม ถ้ามีก็เตรียมขึ้นสถานะ in a relationship ได้เลย เริ่ม!
1. โลกของเธอและเขา เชื่อมรวมกัน กลายเป็นคำว่า 'เรา' อย่างเต็มตัว

จากที่คบกันแรกๆ มีโลกส่วนตัวแยกกันชัดเจน โลกของเธอและโลกของเขา ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองโลกมาเชื่อม intersect กัน จนแทบจะกลืนไปเป็นโลกเดียวกันแล้ว และทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีใครบังคับใคร
สังเกตง่ายๆ เวลาเธอหรือเขาจะทำอะไร ไปเที่ยวที่ไหน จะกินข้าวร้านไหน ทั้งสองฝ่ายจะใช้คำว่า ' เรา ' อัตโนมัติ เหมือนรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องไปด้วยกัน เช่น " วันนี้เรากินข้าวไหนดี ", " เดือนหน้ามีวันหยุดยาว เราไปเที่ยวที่ไหนดีนะ ", " วันนี้มีนัดกับเพื่อนผมนะ เราจะไปกันกี่โมง " เป็นต้น
แม้จะดูเป็นสิ่งเล็กๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่า เขามีเราอยู่ในแพลนชีวิตตลอดเวลา เห็นเราอยู่ในอนาคตข้างหน้าของเขา เทียบกับผู้ชายบางคนที่แม้จะคบกันมานานแค่ไหน ก็ยังแยกฉัน-เธอ ชัดเจน เช่น " วันนี้กินข้าวไหน ผมจะกินร้านนี้ ถ้าคุณไม่กินก็แยกกันกินแล้วกัน ", " วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อน คุณไปเที่ยวที่อื่นได้เลยนะ "
คนที่ไม่คิดอะไรก็คงมี แต่คนที่เซนซิทีฟหน่อยก็จะรู้สึกนิดนึงว่า " ไม่คิดจะรวมฉันเข้าไปในชีวิตเธอเลยเหรอ " ซึ่งหากไม่คุยปรับความเข้าใจกัน นี่จะเป็นชนวนรอยร้าวในความสัมพันธ์ได้เลยล่ะ
2. ไม่ว่าเรื่องไหน จะให้ความสำคัญกับเขา 'เป็นอันดับแรก' ทุกครั้ง

ปกติไม่ใช่คนแคร์ใครขนาดนั้น เป็นคนเฟียสๆ ทุกคนต้องดูแลตัวเอง รับได้ก็จบ รับไม่ได้ก็เชิญป้ายหน้า แต่ทำไมกับผู้ชายคนนี้ เธอต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง First Priority ตลอด
ไม่ว่าช่วงนี้ชีวิตจะยุ่งแค่ไหน ทำงานกลับบ้านดึกจนไม่มีเวลาคุยกับใคร เครียด อยากร้องไห้ อย่างน้อยก็ต้องได้คอลกับเขาเติมพลังใจ 5 นาที 10 นาทีก็ยังดี บางทีคอลจนหลับคาคอมไปเลยก็มี
หรือวันว่างๆ ที่ผู้ชายชวนไปเที่ยว ถ้าไม่ฉุกเฉินคอขาดบาดตายจริงๆ จะไม่ปฏิเสธเลย เพราะอยากมีโมเมนต์ ใช้เวลาร่วมกับเขาให้นานที่สุด จากที่เป็นสาวรักสนุก ปัดทินเดอร์หาหนุ่มคุยเป็นว่าเล่น ลบแอปทิ้งเลยจ่ะ เจอคนนี้แล้วหยุด ไม่มีเศษมีเลยที่ไหนอีก
นี่ก็เป็นสัญญาณค่อนข้างชัดเลยว่า รักครั้งนี้ไม่ใช่เล่นๆ สักพักก็บอกเลิกอย่างที่ผ่านมาแน่นอน!
3. เพื่อนๆ ของเธอและเขา จับสังเกตได้ว่า 'รักครั้งนี้จริงจังชัวร์'

แม้เธอกับเขาจะยังคบกันเงียบๆ ไม่เปิดตัวมากทั้งในโซเชียลและชีวิตจริง แต่ตัวติดกันตลอดๆ จนที่บ้านกับแก๊งเพื่อนของทั้งสองฝ่ายจับสังเกตได้ว่า คู่นี้มีอะไรแปลกๆ เกินเพื่อน และเข้าใจว่าเป็นแฟนโดยอัตโนมัติ ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เช่น ผู้ชายพาเธอไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนของเขา แล้วมีคนนึงถามว่า " นี่แฟนแกเหรอ " แล้วเขาตอบว่าใช่ หรือพยักหน้า ฟีลประมาณว่า ไม่ได้เปิดตัวเล่นใหญ่ แต่ถ้าใครถามก็ตอบ อันนี้ก็ชัวร์นะว่าเขาจริงจังกับเธอประมาณนึงเลย!
ในทางกลับกัน ถ้าเธอพาเขาไปเจอแก๊งเพื่อนสาวๆ เธอก็ไม่อึดอัด หรือลังเลที่จะบอกว่าเขาคือ ' คนรู้ใจ ' หรือ ' คนที่สนิทที่สุด ' เช่นเดียวกัน
บางทีเพื่อนของอีกฝ่ายก็แอบมากระซิบวีรกรรมตลกๆ ของเขาให้ฟัง ตัวเธอเองก็สบายใจ รู้สึกกลมกลืน ถ้าใจตรงกันแบบนี้ ก็มีแนวโน้มสูงว่าจะสามารถเลื่อนไปถึงสถานะแฟนได้ในเร็วๆ นี้ค่ะ
4. ได้เจอ 'ผู้หลักผู้ใหญ่' ที่บ้านของทั้งสองฝ่ายแล้ว

การพาคนคุยไปเจอที่บ้าน มันก็ค่อนข้างชัดเจนนะว่ามั่นใจในตัวอีกฝ่ายประมาณนึง เพราะเราคงไม่เอาคู่นอนชั่วคราว หรือคนที่เดทด้วยไม่กี่วันไปให้พ่อแม่เห็นหน้าหรอก บางคู่ขนาดคบเป็นแฟนแล้ว ยังไม่เคยไปบ้านของอีกฝ่ายเลยก็มี
ถ้าอยู่ดีๆ เขาชวนไปรู้จักพ่อแม่ของเขา และพวกท่านก็เข้ากับเธอได้ดี ได้ไปเที่ยวด้วยกัน มีโมเมนต์ร่วมกัน นี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะได้ขยับสถานะจริงจังค่ะ!
เตือนนิดนึงว่า การพบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ คือต้องมีการนัดพบปะคุยกันจริงจัง กินข้าวด้วยกันให้รู้จักนิสัยใจคอ ถึงจะเรียกว่า ' เจอพ่อแม่อีกฝ่าย ' ไม่ใช่ไปเดินจ๊ะเอ๋กันที่ห้าง ทักทายกัน 5 วิแล้วจบ อันนั้นไม่นับ!
ยิ่
งไปกว่านั้น เธอก็พาเขาไปเจอพ่อแม่ที่บ้าน และพวกท่านก็เอ็นดูผู้ชายคนนี้ หรือเรียกง่ายๆ ว่าไฟเขียว ก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วค่ะ เปิดตัวเลย ที่บ้านทั้งคู่ไม่มีปัญหา ก็เรียกว่าทางสะดวกไปเกินครึ่งแล้ว
5. ความสัมพันธ์มั่นคง ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า '6 เดือน'

ไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ระยะสั้นจะหลอกลวงนะ สำหรับบางคู่ คบแค่เดือนสองเดือน ประกาศแต่งงานเลยแล้วอยู่ยาวจนแก่ก็มี แต่มันก็ไม่ใช่คนส่วนใหญ่อยู่ดี อย่างน้อยระยะเวลาก็เป็นเกณฑ์สำคัญว่า เราควรจะให้ใจเขามากแค่ไหน? เห็นนิสัยใจคอกันมากพอหรือยัง?
เวลากลางๆ ที่ไม่เร็วไม่นานเกินไป เราให้ที่ ' 6 เดือน ' หากความสัมพันธ์ยังมั่นคง ยังรักกันดีหลังจากนั้น ก็ค่อนข้างชัวร์ว่าเปิดตัวได้ค่ะ
ก่อนจะเปิดความสัมพันธ์ นึกทบทวนโมเมนต์ที่ผ่านมาดูว่า " 6 เดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกชีวิตเติมเต็มขึ้นไหม? ", " เขาทำให้เราเรียนรู้อะไรใหม่ๆ บ้าง? ", " ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเขาแล้ว เราจะเสียใจไหม? "
หากคำตอบแว้บแรกคือเสียใจ ก็ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป รีบบอกความรู้สึกแล้วประกาศคบ ก่อนที่ผู้ชายคนนี้จะหลุดมือไป คนที่ทำให้เรารู้สึกเติมเต็ม คนที่พอดีกัน ไม่ได้มีมาบ่อยๆ นะเออ ><
6. เวลาเขาตัดสินใจอะไร จะ 'ขอความคิดเห็น/ขออนุญาต' จากเธอก่อน

อาจจะเพราะคบกันมาเรื่อยๆ จนเขารู้สึกว่าเธอเป็นแฟนไปโดยไม่รู้ตัว เวลาเขาคิดจะทำอะไร ตัดสินใจอะไร ตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ เก้าอี้ทำงานตัวใหม่ ซื้อเกมเครื่องใหม่ หรือแม้แต่เรื่องใหญ่อย่างซื้อบ้าน ซื้อรถ เขาก็จะขอความเห็น หรือขอคำอนุญาตจากเธอก่อนเสมอ
โดยที่เธอก็ไม่ได้ร้องขอ แต่เขาอยากให้เธอมีส่วนร่วมเอง อันนี้ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีว่า
' เขารับเธอเข้ามาอยู่ในชีวิต '
อย่างไม่มีข้อกังขาแล้วนั่นเองค่ะ
ผู้ชายน่ะ ถ้าเขาไม่คิดจะจริงจังกับเธอตั้งแต่แรก เขาจะกันเธอออกจากชีวิตส่วนตัวของเขาตั้งแต่ต้น โผล่มาแค่ตอนไปเดท หรือเห็นเธออยู่ในสายตาแค่ตอนอยู่บนเตียง...
คอลมาหาแค่ตอนดึกๆ ไม่มีทางได้รู้หรอกว่าบ้านเขาอยู่ไหน พ่อแม่เขาเป็นใคร อาชีพจริงๆ ของเขาคืออะไร ไม่ต้องพูดถึงให้มาช่วยเลือกเสื้อผ้า หรือตัดสินใจอะไรในชีวิตเขาหรอก เพราะฉะนั้นถ้าเธอเจอคนแบบนี้ กอดไว้แน่นๆ เลยน้า (」°ロ°)」
7. รู้นิสัย ตัวตนของกันและกัน คุยแล้วสบายใจเหมือน 'เพื่อนสนิท'

คุณสมบัตินึงของคู่รักที่ดี คือนอกจากสวีทหวานใส่กันได้แล้ว ก็ยังมีโมเมนต์คุยปรึกษากันได้ทุกเรื่อง เล่นหัวกัน แลกเปลี่ยนความลับของอีกฝ่ายไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย
ไม่ว่าเธอจะเพิ่งถูกหวยรางวัลที่ 1, ถูกหมากัด, ทะเลาะกับที่บ้าน, มีดราม่ากับเพื่อน, สอบได้คะแนนไม่ดี เขาจะเป็นคนแรกที่เธอนึกถึงเสมอ รวมถึงอีกฝ่ายเวลามีเรื่องอะไรมา จะดีใจหายหรือเศร้าน้ำตาคลอ ก็จะมาเล่าให้เธอฟังเป็นคนแรกเช่นกัน
(//▽//) //แอร๊ย เขิน!
ในทางจิตวิทยา เวลาเราเจอเรื่องอะไรก็ตาม คนที่เราคิดถึงเป็นคนแรก ต้องเป็นคนที่เรารักและผูกพันด้วยมากๆ ดังนั้นหากทั้งสองฝ่ายต่างนึกถึงกัน แปลว่าทั้งคู่อยู่ในหัวใจของกันและกันไปแล้ว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
หากเธอเจอคนแบบในข้อนี้แล้วก็อย่ารีรอ ถามสถานะให้ชัดเจนแล้วขึ้นสเตตัส in a relationship เลย คนที่ดีที่สุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ❤
--------------------------------
และทั้งหมดนี้ก็คือ7 สัญญาณชี้ชัดว่า ความรักของเธอกับหนุ่มคนนี้ ไม่ใช่แค่คุยเล่นๆ จีบเล่นแก้เหงาไปวันๆ แต่มีความจริงจังในการใช้ชีวิตคู่ และพร้อมจะต่อยอดถึงขั้นแต่งงานได้รักที่จะอยู่ด้วยกันได้ไปนานๆ ต้องมีความใส่ใจกันและกัน ให้ความสำคัญอีกฝ่ายเป็นอันดับแรก แคร์ความรู้สึกอีกฝ่าย มีมุมหวานโรแมนติกต่อกัน แต่อีกมุมก็สามารถคุยได้ทุกเรื่องเหมือนเพื่อนสนิทยิ่งถ้ามั่นใจจนพาไปพบพ่อแม่ของแต่ละฝ่ายแล้วล่ะก็ ก็เป็นอันสมควรแก่เวลากับการเปิดตัวว่า" เราเป็นแฟนกันครับ/ค่ะ "ได้แบบไม่มีข้อกังขาเลยล่ะ ยินดีด้วยนะคะ!!
ในทางกลับกัน หากคู่คนคุยของเธอไม่มีสัญญาณทั้ง 7 นี้เลย คบกันมานานแล้วหลายปี ก็ยังค้างอยู่แค่คนคุยๆ กัน เธอต้องกลับมาทบทวนได้แล้วว่า เขาไม่พร้อมจริงๆ หรือเขาแค่มองเธอเป็นคนคั่นเวลา คุยให้เคลียร์แล้วมูฟออน ยิ่งรอนานยิ่งเสียเวลาค่ะ ( ; ω ; ) ขอให้ซิสทุกคนโชคดีกับความรักน้า พบกันใหม่บทความหน้าค่า
Cr. 9 Signs It’s Time to Make Your Relationship Official [lovepanky.com]
https://www.lovepanky.com/flirting-flings/dating-game/signs-its-time-to-make-your-relationship-official