1. SistaCafe
  2. 10 วิธีที่ทำให้รู้ว่าคุณกับแฟน "ควรจะคบกันต่อไปดีไหม"

สวัสดีค่ะสาวๆ ซิสต้าทุกคน 。゚( ゚^∀^゚)゚。


เธอคนไหนที่คบกับแฟนมานานมากกกก ก ไก่ล้านตัว จนหมดช่วงโปรโมชั่นไปซะแล้ว จากที่โลกมีแค่สองเรา มองไปทางไหนก็เจอแต่สีชมพู ก็เริ่มเข้าสู่โลกความจริง เห็นตัวตนด้านอื่นนอกจาก" ด้านดี "ของอีกฝ่ายมากขึ้น



จากที่ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ก็เริ่มขัดแย้ง ทะเลาะกันบ้าง บางคู่ก็มีเรื่องกันบ่อยจนต้องกลับมาคิดว่า เราควรคบกันต่อหรือสวมคอนเวิร์สทางใครทางมัน -.-



ความสัมพันธ์ในแต่ละคู่นั้นแตกต่างกัน เพราะคนแต่ละคนก็นิสัย บุคลิก ประสบการณ์ต่างกันออกไป

ถ้าเธอไม่รู้ว่า เขาคนนั้นมีค่าพอจะรักษาไว้หรือไม่ ลองอ่านบทความ

" 10 วิธีที่ทำให้รู้ว่าควรคบกันต่อดีไหม "

เพื่อเป็นสัญญาณบอกแต่เนิ่นๆ จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน

เริ่มกันเลย!


#1 เธอทุ่มเทและ " ลงทุน " กับอีกฝ่ายไปเยอะ

การทุ่มเทในความสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ คนรักกันก็อยากมีบางอย่างร่วมกันทั้งนั้นแหละ! การทุ่มเทในที่นี้อาจหมายถึงเวลา, ทรัพย์สินเงินทอง หรือแม้แต่น้ำตา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเธอกับเขาอยู่ไกลกัน แต่เธอก็พยายามหาเวลาไปเจอกันได้แม้จะต้องเสียค่าตั๋วเครื่องบินแพงๆ หรือถ้าเขาทำผิด เธอก็พร้อมที่จะให้อภัยและให้โอกาส นั่นก็คือการ " ลงทุน " อย่างหนึ่งเหมือนกัน ลงทุนกับความรู้สึกยังไงล่ะ



ในคู่รักบางคู่ อาจไม่ได้ทุ่มทุนแค่ความรู้สึกในจิตใจ แต่หมายถึง " ทุน " จริงๆ เช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อหุ้น ใส่ชื่อช่วยกันผ่อนบ้านผ่อนรถด้วยกัน หรือทำธุรกิจด้วยกัน ยิ่งเธอหลวมตัวลงทุนไปกับเขามากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งถอนตัวยากขึ้นเท่านั้น!



คนส่วนใหญ่ที่ยอมลงทุนร่วมหุ้นกับใคร แปลว่าเขารักและเชื่อใจคนคนนั้นมากๆ เลยล่ะ แต่ถ้านานไปเธอไม่รู้สึกกับเขาเหมือนเดิมแล้ว ก็รีบถอนหุ้น ถอนชื่อออกมาก่อนจะถลำลึกไปมากกว่านี้นะ


#2 เธอกับแฟนฟันฝ่าอุปสรรคกันมาพอสมควรแล้ว

ถ้าเธอคบกับแฟนมาระยะหนึ่งแล้ว ( อาจหลายเดือนหรือหลายปี ) และไม่มีเรื่องทะเลาะอะไรให้ต้องล้มเลิกความสัมพันธ์จริงๆ ล่ะก็ เธอจะเสียดายเวลาและอยากประคับประคองความสัมพันธ์ต่อไป เพราะกว่าจะเดินมาถึงจุดจุดนี้ ต้องเสียเวลาและน้ำตาไปเยอะมากเลยนี่นะ



ถ้ามีเรื่องทะเลาะกัน อย่าเพิ่งใช้อารมณ์แล้วบอกว่า " เราเลิกกันเถอะ! " เดี๋ยวนั้น ลองกลับไปคิดทบทวนถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาว่า เราสองคนทุ่มเทความรัก เวลาและความพยายามไปมากเท่าไหร่ จะให้มันพังเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือเปล่า ลองถามใจตัวเองดูดีๆ ค่ะ



#3 เธอมี " ภาระผูกพัน / ข้อผูกมัด / พันธะ " ร่วมกัน

ในกรณีที่เธอกับเขาแต่งงานและมีลูกด้วยกันแล้ว ยิ่งต้องคิดหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่แค่ตัวคนเดียว แต่มีภาระผูกพันด้วยกันแล้ว ยิ่งถ้ามีลูกก็ต้องแบ่งความรับผิดชอบร่วมกันอีกเยอะ



ทั้งการแบ่งเงินเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ไหนจะกังวลไม่อยากให้ลูกบ้านแตกสาแหรกขาด คิดจะหย่าก็หย่าตามใจชอบไม่ได้ เพราะชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นต้องการการเอาใจใส่ดูแล ความรับผิดชอบ ความมั่นคงในชีวิต ซึ่งไม่มีใครให้ได้ดีกว่าพ่อและแม่ของพวกเขาเองหรอก



ทางที่ดี ถ้าเธอเพิ่งแต่งงานและยังไม่พร้อม อย่าเพิ่งมีลูกจะดีที่สุด แต่ถ้ามีไปแล้วก็จงเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดนะคะ



#4 เธอไม่ได้คบกับเขาเพียงเพราะ " เหงา "

ถ้าเธอคบกับแฟนเพียงเพราะ " เหงา " และ " กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว " นั่นถือว่าไม่ใช่สัญญาณที่ดีแล้วล่ะ! คนสองคนจะอยู่ด้วยกันต้องมีเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้น เพราะถ้าแค่เหงา เธอจะอยู่กับผู้ชายคนไหนก็ได้ทั้งนั้น แฟนคนปัจจุบันจะอยู่หรือเลิกก็ไม่ได้สำคัญอะไรมาก -.- ถ้าเกิดเรื่องทะเลาะ เธอจะไม่ทนและจบความสัมพันธ์ได้อย่างรวดเร็วทันที


การตัดสินใจคบกับใครสักคน มันมีมากกว่าแค่ความเหงา แต่ต้องเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของกันและกันได้ ทำให้อีกฝ่ายมีการพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจที่ดีขึ้น ลองเขียนรายการเป็นข้อๆ ว่า ตั้งแต่คบกับเขา มุมมองในชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างไร เธอพัฒนาตัวเองบ้างไหม


ถ้าอ่านรายการนั้นแล้วพบว่า เธอกลายเป็นคนที่ดีขึ้นมากตั้งแต่คบกัน เธอควรรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ให้นานที่สุด เพราะเขาคือคนที่ใช่ >< แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ( เผลอๆ แย่ลงด้วยซ้ำ ) ก็ลองทบทวนใหม่ว่า ยังควรใช้คำว่า " เรา " อยู่ไหม


#5 เธอทั้งคู่คอยประคับประคองซึ่งกันและกัน

เมื่อความสัมพันธ์ในชีวิตคู่เดินมาถึงทางตัน มีเรื่องทะเลาะกันไม่เว้นวัน เธอก็เริ่มกลับมาคิดทบทวนว่า " ควรจะอยู่หรือจะไป " เพราะทั้งเธอและเขาก็ผ่านอุปสรรคด้วยกันมามากมาย จะให้เลิกไปเลยก็ตัดเยื่อใยไม่ขาด ยังไม่อยากตัดเขาออกไปจากชีวิต แต่ก็ไม่อยากเสียสุขภาพจิต เปลืองน้ำลายทุกวันอีกแล้ว จะทำยังไงดี


ลองมองย้อนกลับไปในอดีตว่า เธอทั้งคู่ก้าวข้ามอุปสรรคกันมาได้อย่างไร ประคับประคองและดูแลกันมานานเท่าไหร่ เมื่อฝ่ายหนึ่งล้มลง อีกฝ่ายพร้อมจะฉุดแขนอีกฝ่ายขึ้นมาหรือไม่ ถ้านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเขามีประโยชน์ตรงไหน ไม่เคยช่วยเหลืออะไรเธอเลย ก็เซย์กู๊ดบายเถอะค่ะ


การใช้ชีวิตคู่ไม่ได้สวยงามเหมือนโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เป็นธรรมดาที่อาจมีก้อนหิน ดิน กรวด ทรายให้เจ็บเท้าเจ็บมือบ้าง แต่หากจับมือกันแน่นพอ เธอจะเจอสายรุ้งหลังก้อนเมฆอย่างแน่นอนค่ะ


#6 เธอ " สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ " เมื่ออยู่กับเขา

การที่คนสองคนตั้งใจจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต เธอคงไม่สามารถใส่หน้ากาก แอ๊บ เฟคไปได้ตลอดหรอกจริงไหม เธอต้องเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่เมื่ออยู่กับเขา นั่นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เธออยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข


ปกติเราก็ต้องซ่อน " ตัวตน " ของตัวเองในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว ทั้งที่ทำงาน ที่โรงเรียน ที่ห้าง หรือเรียกง่ายๆ ว่าที่สาธารณะทุกแห่งที่เรียกว่าสังคม เขาจะมองว่าเธอเป็นคนยังไง ก็มองจากเครื่องแต่งกาย ความคิดและพฤติกรรมนั่นแหละ


ถ้าเราสามารถสลัด " เปลือก " สามารถหน้าสด ผมเผ้ายุ่งเหยิง นั่งเคี้ยวขนมกรุบๆ แบบไม่ต้องรักษาฟอร์มกับเขาได้ โดยที่เขาไม่นึกรังเกียจแต่อย่างใด ก็มั่นใจได้เลยว่าคนนี้คือคนที่ใช่ค่ะ!


#7 เธอทั้งคู่ยังหัวเราะด้วยกันได้

มีคนคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า " เราจะรักใคร คนนั้นต้องเราทำให้หัวเราะไปกับเขาได้ " ถ้าอยู่ด้วยกันมีแต่บรรยากาศมาคุ เคร่งเครียด คงไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้นานหรอก! ถ้าหนุ่มคนนี้เป็นคนมีอารมณ์ขัน ทำให้เธอหัวเราะและมีความสุขได้ตลอดหลายปี นั่นแหละความสัมพันธ์ที่ควรเก็บรักษาไว้ =w=


นอกจากนั้น ไม่มีอะไรดีไปกว่าการแบ่งปันแง่มุมด้านบวก ความรู้สึกดีๆ อ่อนโยนและใส่ใจให้กับอีกฝ่าย เพราะทำให้สายสัมพันธ์แข็งแกร่งและชีวิตคู่ไม่สั่นคลอนลงง่ายๆ ถ้าเกิดวันที่เกิดเหตุร้ายที่สุดในชีวิต แต่เขายังทำให้เรายิ้มได้ อย่าปล่อยมือเขาไปไหนนะคะ ^^


#8 เธอนึกภาพที่ไม่มีเขาในชีวิตไม่ออก

ถ้าเธอทั้งคู่ตัดสินใจจะเป็น " คู่ชีวิต " กัน นั่นหมายถึงเธอสองคนต้องมีตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิต เช่น ช่วงเวลาสำคัญ เหตุการณ์ต่างๆ เช่น วันรับปริญญา วันที่ได้งานครั้งแรก วันขึ้นบ้านใหม่ หรือเหตุการณ์ร้ายๆ อย่างประสบอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล ก็หวังว่าอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมไข้ มาคอยเอาใจใส่ดูแล ถ้าได้ไปเที่ยวที่ไหนก็จะแอบคิดว่า " ถ้าเขามาที่นี่ด้วยกันก็คงจะดี "


ลองนึกทบทวนดูดีๆ ว่า " ถ้าไม่มีเขาในชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไร " ถ้าเธอรู้สึกเฉยๆ ไม่เห็นว่าจะมีอะไรขาดหายไป ( เพราะปกติเขาก็แทบตามตัวไม่เจออยู่แล้ว ) อาจจะดีกว่าหากจะเลิกราและเดินไปตามทางของตัวเอง


จำไว้ให้มั่นว่า ชีวิตคู่ที่ดีต้องเติมเต็มกันและกัน มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข ความอบอุ่นและความรักที่หาจากเพื่อนไม่ได้ ถ้าเธอและเขาไม่ได้รู้สึกอย่างเดียวกัน ก็ปล่อยมือก่อนจะสายเกินไปดีกว่านะคะ


#9 คบกันด้วยความซื่อสัตย์และความเชื่อใจ

" ความซื่อสัตย์ " และ " ความเชื่อใจ " เป็นสิ่งที่สำคัญและมีค่ามากในการรักษาความสัมพันธ์ ถ้าเธอคบกับแฟนด้วยความหวาดระแวง ไม่มีทางคบกันรอดแน่นอน! ถ้าตลอดหลายเดือนหรือหลายปีที่ผ่านมา เธอกับแฟนรักเดียวใจเดียว ซื่อสัตย์ต่อกัน เชื่อใจและเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม ไม่ทำให้อีกฝ่ายอึดอัด เธอก็ควรจะรักษารักนี้ต่อไป


ความสัมพันธ์ก็เหมือนการตบมือนั่นแหละ ต้องช่วยกันทั้งสองฝ่ายถึงจะเกิดผล ถ้าอีกฝ่ายพยายามอยู่คนเดียวก็เหมือนเอามือตบกำแพง ไม่มีทางเกิดเสียงไปได้ หรือที่เขาเรียกว่า " ตบมือข้างเดียวไม่ดัง " นั่นแหละค่ะ


#10 เธอทั้งคู่ยังมี " เคมีตรงกัน " เหลืออยู่

ถ้าเธอและแฟนยังรู้สึกถึงพลังกระตุ้นบางอย่างที่เรียกว่า " เคมีตรงกัน " เหมือนช่วงจีบกันใหม่ๆ อยู่ นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี!



คู่รักหลายคู่ที่เมื่อ " หมดช่วงโปรโมชั่น " แล้วก็เข้าสู่ช่วงความรักจืดจาง คบกันไปแบบแกนๆ แค่จับมือยังไม่อยากทำ นับประสาอะไรกับกอดหรือจุ๊บ



แต่ถ้าเธอทั้งคู่ยังรู้สึกตื่นเต้นเวลาเดินจับมือกัน โทรศัพท์คุยกันนานๆ จนหลับไปพร้อมกัน ยังคงหน้าแดง ใจเต้นตึกตักด้วยความเขินทุกครั้งที่กอดกัน แปลว่าความรักยังคงหวานชื่น รักษาเขาไว้ดีๆ นะคะ ( อิจฉาแทน ฮิ้วววว >< )



===============================



" เมื่อแรกรัก น้ำต้มผักก็ว่าหวาน " คำนี้ใช้ได้จริงกับหนุ่มสาวที่เพิ่งคบกันใหม่ๆ แต่ชีวิตคู่ไม่ได้มีแต่กลีบกุหลาบโรยรัวๆ สวยหรูเหมือนในเทพนิยาย! ย่อมมีอุปสรรคและความไม่เข้าใจกันมาเป็นบททดสอบในชีวิตอยู่เป็นระยะๆ



หากเธอรู้สึกว่าถึงทางตัน ทางแยกและกำลังตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไป ลองทบทวนความรู้สึกและประสบการณ์ชีวิตคู่ที่ผ่านมา หนุ่มคนนี้มีคุณค่ามากพอให้เธออยู่ด้วยไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ช่วงที่เจอปัญหาหนักๆ นี่แหละจะตัดสินใจได้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด



ขอให้สาวซิสต้าทุกคู่ประคับประคองความรักได้อย่างถูกต้องนะคะ รักไหนที่ดีก็รักษาไว้ แต่หากมันรอเวลาที่จะแตกหักอยู่แล้ว ก็จงปล่อยไปเถอะค่ะ อายุยังน้อย ยังหารักครั้งใหม่ได้อีกนาน เผลอๆ อาจจะดีกว่าครั้งนี้เป็นร้อยเท่าก็ได้ ใครจะไปรู้ ^^





===============================



เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้