สวัสดีค่า~ สวัสดีนักอ่านทุกคนรวมไปถึงชาวซิสด้วยนะคะ ช่วงนี้เห็นประเด็นในโลกโซเชียลกำลังพูดถึงเรื่องของการ Assume เพศอยู่ ทางเราก็เลยรู้สึกว่าอยากเอาหัวข้อนี้มาย่อยเป็นประเด็นให้ทุกคนมาทำความเข้าใจกันมากขึ้น เพื่อให้สังคมเราน่าอยู่มากขึ้นแล้วก็เป็นการสนับสนุนความเท่าเทียมอีกด้วยนะคะ ซึ่งเราได้ทำการย่อยหัวข้อออกมาทั้งหมด 5 หัวข้อด้วยกัน บอกเลยว่าตอบทุกข้อสงสัยของทุกคนได้ครบมากจริง ๆ แถมยังบอกวิธีการวางตัวไว้ด้วย ทุกคนทำตามนี้ได้แน่นอน ว่าแต่พร้อมจะไปทำความเข้าใจกันรึยังน้อ? ถ้าพร้อมแล้วก็เลื่อนจอลงมาเลยค่า!


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


การ Assume เพศคืออะไร?

รูปภาพ:

ขอเริ่มต้นจากการแปลคำว่า "Assume" ก่อนเลยนะคะ Assume แปลว่าทึกทักเอาว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือก็คือคิดเอาเองว่าเป็นแบบนั้นจริง ๆ อย่างการ Assume เพศก็คือการทึกทักไปเองว่าเขาเป็นเพศนั้นเพศนี้ โดยที่เราก็ไม่ได้รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นเพศอะไร ยกตัวอย่างเช่น เห็นผู้หญิงคนนึงเดินมา เราก็ Assume ไปว่าเขาเป็นแซฟฟิก (หญิงรักหญิง) ซึ่งในความเป็นจริงเราก็ไม่รู้ว่าเขานิยามตัวเองเป็นเพศอะไร หรือเขาเป็นหญิงรักหญิงจริง ๆ ไหม สิ่งนี้แหละค่ะที่เขาเรียกว่าการ Assume เพศ ซึ่งก็อาจจะมาจากการ Stereotype หรือเหมารวมด้วยว่าคนลักษณะแบบนี้จะเป็นเพศนี้ คนลักษณะแบบนั้นจะเป็นเพศนั้น


การ Assume เพศเป็นเรื่องที่ควรทำหรือไม่ควร?

รูปภาพ:

จากการอ่านในข้อที่ 1 มาแล้วหลายคนอาจจะรู้สึกว่า "แล้วแบบนี้เรา Assume เพศคนอื่นไม่ได้ใช่ไหม" ก็ถ้าพูดกันตามตรงในชีวิตประจำวันของเรา ๆ เวลาเห็นคนทั่วไปเราก็ไม่ได้ไปคิดว่าใครเป็นเพศอะไร แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรามี Mind Set นึงที่เป็นกันแทบจะทุกคนแน่ ๆ ก็คือคิดว่าทุกคนเป็น Straight (ชอบเพศตรงข้าม) อยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ไปนึกว่าเขาเป็นเพศอะไร ซึ่งจริ ๆ มันก็เหมือนเป็นการไป Assume เพศคนอื่นกลาย ๆ เหมือนกันใช่ไหมละคะ? ดังนั้นเราก็ขอสรุปเลยว่ามันเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ อาจจะคิดหรือพูดกับเพื่อนได้แต่จะให้ทึกทักแบบป่าวประกาศว่าเขาเป็นเพศนั้นเพศนี้ อันนี้ก็ไม่สมควรน้า~


ถ้าไม่อยาก Assume เพศคนอื่นมั่ว ๆ เราสามารถถามเพศเขาได้ไหม?

รูปภาพ:

ต่อเนื่องจากข้อที่ 2 เลยนะคะ เพราะหลาย ๆ คนรู้สึกไม่สบายใจก็เลยเกิดคำถามในใจขึ้นมาว่าถ้าแบบนี้เราสามารถถามเพศเขาได้ไหมว่าเขานิยามตัวเองเป็นเพศอะไร? จริง ๆ แล้วเราไม่ค่อยถามใครใช่ไหมคะว่า "คุณเป็นเพศอะไร" มันดูแปลก ๆ ยังไงชอบกล ในกรณีนี้ก็เหมือนกันค่ะ ถึงแม้ว่าเจตนาเราจะไม่ได้มีอะไรไม่ดี เพียงแต่ที่อยากรู้เรื่องเพศของอีกฝ่ายอาจจะเพราะอยากจะเรียกเขาในแบบที่เขาสบายใจที่สุด แนะนำว่าให้ถามเขาเรื่องการใช้คำเรียกดีกว่าค่ะ เช่น สะดวกให้เรียกเป็นคุณ เธอ น้อง พี่ อะไรแบบนี้ไหมแทนดีกว่า เพราะต่อให้เรารู้เพศอีกฝ่ายไปมันก็ไม่ได้มีผลอะไรในเชิงบวกหรือลบเลยนอกจากได้รู้เฉย ๆ ดังนั้นสรุปให้เลยว่าไม่ถามเรื่องเพศ แต่ถามสรรพนามดีกว่าค่า


แล้วการ Assume เพศกับ Misgender ต่างกันยังไง

รูปภาพ:

ต้องบอกว่ามันมีความใกล้กันมาก ๆ นะคะ แต่เราขอสรุปให้ทุกคนเข้าใจง่าย ๆ แบบนี้ การ Assume เพศคือการทึกทักไปเองว่าเขาเป็นเพศนั้นเพศนี้ โดยที่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยบอก ซึ่งอาจจะมีเจตนาดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับความคิดแต่ละบุคคล แต่ Misgender นี่ค่อนข้างที่จะชัดเจนมากว่ารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นเพศอะไรแต่ก็จะยัดเยียดให้เขาเป็นอีกเพศนึงให้ได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยก็คือเห็นว่าคน ๆ นี้คือ Transgender หรือคนข้ามเพศ ข้ามจากเพศชายมาเป็นเพศหญิงหรือ Trans Woman แต่ก็จะเรียกเขาว่าพี่ชาย น้องชาย ลุง หนุ่ม เป็นต้น แบบนี้นี่แหละค่ะที่เรียกว่า Misgender ซึ่งพูดตรง ๆ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคารพในตัวอีกฝ่ายมาก ๆ เป็นการเสียมารยาทและเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายเลย ใครเผลอทำเพราะไม่คิดเยอะก็ต้องระมัดระวังไม่ทำอีกนะคะ


แล้วเราควรวางตัวแบบไหนถึงจะดี?

รูปภาพ:

1. ไม่ต้องคิดว่าใครเป็นเพศอะไรจนกว่าเขาจะบอก

ขั้นตอนแรกที่ง่ายที่สุดเลยก็คือการไม่ต้องไปคิดว่าเขาเป็นเพศอะไร ไม่ว่าจะเป็นเกย์ แซฟฟิก เลสเบี้ยน ทรานส์เจนเดอร์ สเตรท ฯลฯ ก็ไม่ต้องคิดนะคะ มองทุกคนเป็นคนที่ไม่มีเพศไปเลย เราก็จะไม่ไปเผลอ Assume เพศของใคร ไม่เผลอไปใช้การ Stereotype ลักษณะงั้นงี้ต้องเป็นเพศนั้นเพศนี้กับใครด้วยนะคะ ส่วนถ้าอีกฝ่ายจะบอกว่าเขานิยามตัวเองเป็นเพศอะไรนั้นก็แล้วแต่ความสะดวกของอีกฝ่ายเลยค่า ไม่มีผิดหรือถูกน้า


2. ถ้าไม่ได้จะจีบก็ไม่แนะนำให้ถามเพศ

อย่างที่บอกไปในข้อ 3 ใหญ่นะคะว่าเรารู้เพศเขาไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรส่งผลกับชีวิต ดังนั้นไม่รู้หรือไม่ต้องสงสัยแต่แรกก็คือจบปิ๊งเลย แต่ถ้าใครอยากจะทำความรู้จักแบบสานสัมพันธ์ในแง่จีบเป็นแฟนอะไรแบบนี้ สามารถถามได้นะคะเชื่อว่าถ้าจุดประสงค์ชัดเจนว่าจะจีบหรือเราชอบอีกฝ่ายจริง ๆ เขาจะตอบกลับมาแบบดี ๆ แน่นอน แต่ถ้าไม่ได้มีจุดประสงค์ในการจีบหรือไปชอบอีกฝ่ายก็ไม่แนะนำให้ไปถามใครเขาน้าว่าเธอ ๆ เป็นเพศอะไรหรือเธอ ๆ ชอบเพศไหน มันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทน้า อย่าหาทำล่ะ!


3. Assume เพศแม้ว่าจะเชิงบวกก็ไม่ควรทำต่อหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ

แน่นอนว่าการ Assume หรือทึกทักเอาว่าอีกฝ่ายเป็นเพศอะไรมันไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายหรือเป็นความคิดในเชิงลบนะคะ ใครที่มองว่าเป็นเชิงลบแสดงว่าเรามีทัศนคติที่ไม่ดีกับชาว LGBTQ+ อยู่ลึก ๆ น้า ส่วนสาเหตุที่ไม่แนะนำให้ทำตรง ๆ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยเลยค่ะที่ไม่ชอบการโดน Assume เพศ ถึงเราจะไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีแบบที่บอก แต่การไปพูดกับเขาตรง ๆ ว่าคิดว่าเธอเป็นเพศนั้นเพศนี้มันก็ออกจะแปลก ๆ ไปหน่อยเนอะ ดังนั้นแค่คิดในหัวหรือเมาท์มอยกับเพื่อนสนิทก็พอนะคะ


4. ไม่ใช้คำเรียกอีกฝ่ายแบบระบุเพศ เช่น พี่สาว น้องชาย เป็นต้น

มี LGBTQ+ รวมไปถึงสเตรทที่ชอบเพศตรงข้ามไม่ชอบการเรียกแบบระบุเพศเพราะรู้สึกว่าไม่ Fit-in (ไม่เข้าพวก) กับคำระบุเพศนั้น ๆ นะคะ เช่น ไปเรียกพี่กะเทยว่าพี่สาว บางคนอาจจะชอบแต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบเหมือนกัน ดังนั้นเลี่ยงการใช้คำเรียกที่ระบุถึงเพศ ให้เรียกพี่... น้อง... คุณ... หรือง่ายที่สุดคือเรียกชื่อไปเลย แค่นี้ก็ทำให้เราและอีกฝ่ายสบายใจทั้งสองฝ่ายแล้วจ้า


5. ให้เกียรติอีกฝ่ายเหมือนคนอื่น ๆ ไม่ต้องทำอะไรพิเศษ

หลายคนชอบคิดเยอะนะคะว่าต้องทำยังไง ต้องทรีตอีกฝ่ายแบบไหน ต้องวางตัวยังไง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราไม่ต้องทำอะไรพิเศษเลยค่ะ แค่ปรับนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วที่สำคัญที่สุดคือการมองเขาเป็นมนุษย์คนนึงแบบเรา ๆ นี่แหละค่ะ ปฏิบัติแบบทั่ว ๆ ไปเลย ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ไปเหยียด ไปด่า ไปล้อเลียนหรือหยิบเรื่องเพศเขามาเป็นประเด็นในการด่าหรือถกเถียง แค่นี้ก็สามารถเป็นคนที่วางตัวได้เหมาะสมแล้วค่า


♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥


เป็นยังไงกันบ้างคะกับ 5 หัวข้อเรื่องการ Assume เพศที่เรานำมาฝากกัน หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยหรือบางคนก็เคยเห็นแหละแค่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร ตอนนี้ก็น่าจะช่วยทำให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้นแล้วเนอะ ยังไงถ้าชอบบทความนี้หรือรู้สึกว่ามันเป็นประโยชน์ก็ฝากกดแชร์ต่อด้วยน้า หรือถ้ามีข้อผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกกันได้เลยค่า ทางเรายินดีแก้ไขให้แน่นอนค่ะ ก่อนจะลาจากกันไปก็ขอฝากให้ทุกคนเคารพซึ่งกันและกันไว้มาก ๆ นะคะ ใจเขาใจเรา อย่าเอาเรื่องของเพศมาตัดสินหรือกำหนดกันอีกเลยน้า บ๊ายบายค่า


----------------------------------------------------------


บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ