แต่ แด แด แด~ แต่ แด๊ แด่ แด~
เสียงเพลงลอยลมมาพร้อมๆ กับผ้าพลิ้วๆ ของชุดเจ้าสาวทำจากลูกไม้ฝรั่งเศสยาวกรอมเท้า เดินเคียงคู่มากับเจ้าบ่าวมาดเท่ รายล้อมไปด้วยดอกไม้กลิ่นหอมหวานและเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่มาร่วมแสดงความยินดี บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข
และแล้วก็ถึงพิธีมอบคำสัญญาของคู่บ่าวสาวว่าจะรักกันและกันตลอดไปตราบนานเท่านาน... คำพูดที่เจ้าบ่าวพูดทำให้เจ้าสาวกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยโฮเสียงดังด้วยความซึ้งใจ
เมื่อช่างภาพซูมไปที่ใบหน้าของหญิงสาว เขาก็แทบปล่อยกล้องตกจากพื้นแทบไม่ทัน
มาสคาร่าที่บรรจงแต่งแต้มขนตาของเธอละลายจนเยิ้มไปหมด จนเจ้าบ่าวและแขกกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ฮาลั่นงาน จากซึ้งๆ กลายเป็นตลกซะงั้น!
เธอคงไม่อยากให้เหตุกาารณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเองใช่ไหมคะ -_-
เมื่อเธอได้พบกับคนรัก บ่มเพาะความสัมพันธ์จนมาถึงจุดสูงสุดคือ 'การแต่งงาน' ผู้หญิงส่วนใหญ่มักโฟกัสที่ชุดเจ้าสาวสวยๆ เดินเลือกร้านนั้นร้านนี้ไม่ถูกใจสักที แต่กลับละเลยการแต่งหน้าทั้งที่มีความสำคัญพอๆ กัน ไม่ใช่แค่คนทั้งงานจะเห็นหน้าสวยๆ ของเธอ แต่เธอจะได้ 'รูปถ่าย' และ 'คลิปวิดีโอ' ที่สวยที่สุด เก็บไว้เป็นความทรงจำดีๆ ด้วยล่ะ
เกริ่นมาเยอะแล้ว ( มหาศาลเลยดีกว่า -.- ) มาอ่านบทความ
' 18 ข้อผิดพลาดยอดฮิตเมื่อแต่งหน้าเจ้าสาวในงานแต่งงาน '
เ
พื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้และเป็นเจ้าสาวที่สวย! เริ่ด! เจิดจรัสที่สุดในงาน
ไปกันเล้ย!
1. ไม่ 'ลอง' แต่งหน้ากับช่างก่อน
ถ้าเธอจะถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกับช่างคนไหน เธอก็ต้องดู 'พอร์ตโฟลิโอ' หรือผลงานถ่ายรูปที่ผ่านมาของเขาก่อนใช่ไหม ช่างแต่งหน้าก็เช่นกัน!
ถ้าเธอคิดจะจ้างช่างที่ไม่เคยเห็นฝีมือมาก่อน อย่าเสี่ยงให้มาแต่งในวันงานทีเดียว นัดเวลาให้ช่างมาลองแต่งล่วงหน้าก่อน เธอจะได้เห็นว่าตัวเองดูเป็นอย่างไรในวันงาน ช่างกับเธอมีสไตล์ที่เข้ากันได้หรือไม่ ถ้าเธอชอบสไตล์สวยหวาน แต่แต่งออกมากลายเป็นสาวปากแดง คัดเบ้าสโมคกี้อายส์ซะดำปี๋ก็คงไม่ใช่แล้วล่ะ!
แนะนำว่า ให้หาช่างที่มีพอร์ตเป็นแฟ้มเก็บไว้ ก็ช่วยได้อีกทางหนึ่งค่ะ
2. แต่งหน้าแล้วดูเหมือน 'คนอื่น' มากกว่าเป็นตัวเอง
ปัญหานี้มักเกิดขึ้นต่อจากข้อด้านบน! พยายามเลือกช่างและสไตล์การแต่งหน้าที่ดูเป็นตัวเองที่สุด อย่าทดลองการแต่งหน้าแบบใหม่ๆ ในวันสำคัญอย่างงานแต่งงาน เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่ไม่เคยทำจะออกมา 'เด่น' หรือ 'ดับ' อย่าเสี่ยงเลยค่ะ
แต่งหน้าแบบธรรมดาๆ อย่างที่เคยแต่งในชีวิตประจำวัน เพื่อดึงเสน่ห์ของความเป็นตัวเองมากที่สุด เจ้าบ่าวและแขกเหรื่อจะได้ไม่ตกใจว่า 'ใครกันเนี่ย' สวยเป็นนางฟ้าแต่คนจำไม่ได้ว่าเป็นเธอ จะมีประโยชน์ตรงไหนกันล่ะ
3. สนใจแต่การแต่งหน้าอย่างเดียว ( ไม่สนใจชุด )
อย่าเอาแต่สนใจการแต่งหน้า ชุดเจ้าสาวก็สำคัญเช่นกัน! ถ้าเธอเลือกชุดแบบไร้สาย หรือชุดเปิดไหล่ แขน แผ่นหลังหรือเรียวขา เธอควรทาโลชั่นแบบผสมชิมเมอร์ให้ดูแวววาว เปล่งประกาย ไม่อย่างนั้นผิวหนังของเธออาจดูแบนๆ หรือเป็นจุดด่างๆ ได้ค่ะ
ผสมโลชั่นกับครีมรองพื้น 2-3 หยดเข้าด้วยกันทาที่ลำคอเพื่อให้กลมกลืนไปกับเมคอัพบนใบหน้า แล้วค่อยใช้โลชั่นชิมเมอร์ทาบริเวณผิวที่ต้องการเปิดเผยให้เห็นค่ะ
4. ใช้เครื่องสำอาง 'ไม่กันน้ำ'
ในวันแต่งงานจะเกิดโมเมนต์มากมาย เช่น การพูดสุนทรพจน์ เต้นรำ กอดและจูบฝ่ายตรงข้าม มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะร้องไห้น้ำตาไหล ใช้มือลูบหน้าไปมาด้วยความขวยเขิน ดังนั้นเธอต้องแต่งหน้าให้ 'เป๊ะ' ที่สุด!
เตรียมไพรเมอร์ รองพื้น แป้งฝุ่น บลัชออน อายแชโดว์และมาสคาร่าที่คงทน คุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ เป็นชนิดติดทน เจอเหงื่อ น้ำตาเท่าไหร่ก็ไม่หลุด แค่นี้ก็ไม่ต้องกลัว 'หน้าเละ' กลางงานแล้วล่ะค่ะ ^^
5. แต่งหน้าลุคเดียวกับก๊วน 'เพื่อนเจ้าสาว'
เจ้าสาว 'ต้อง' เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในงานแต่งงาน นอกจากชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์แล้ว เมคอัพก็สำคัญ เธอต้องแต่งหน้าให้แตกต่างจากคนอื่น ( แน่นอนว่าในแง่ดี ) เฟ้นหาช่าง เครื่องสำอาง ขนตาปลอม ที่แต่งออกมาแล้วดูสวยเด่น สะกดสายตาแขกเหรื่อทั้งาน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเธอไม่อยากเด่นอยู่คนเดียว จงใช้แก๊งเพื่อนเจ้าสาวให้เป็นประโยชน์! ถ้าเธออยากคัดเบ้าสโมคกี้อายส์สวยๆ เธอก็คัดให้สีเข้มหน่อย และให้เพื่อนๆ คัดเบ้าโทนสีที่อ่อนกว่าตัวเอง เท่านี้ก็ไม่ต้องเดียวดายในงานแต่งงานแล้วล่ะค่ะ
6. ใช้เครื่องสำอางชนิดฉีดพ่น ( airbrush )
จงหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางชนิด 'ฉีดพ่น' ในวันแต่งงาน เพราะจะได้ผิวหน้าที่เมคอัพดูไม่เรียบเนียน เปียกๆ เหมือนถูกฉีดด้วยละอองน้ำ ไม่โอเคสุดๆ!
แม้เทคนิคฉีดพ่นจะทำให้แต่งหน้าเสร็จไว แต่จะทิ้งฟิล์มห่อหุ้ม ลักษณะคล้ายผ้าห่มไว้บนผิวหน้า ทำให้หน้าดูแบนๆ แทนที่จะเปล่งประกาย ข้อเสียอีกอย่างคือจะใช้มือสัมผัสไม่ได้เลย เพราะเครื่องสำอางจะหลุดติดมือออกมาหมด หน้าเป็นคราบไม่รู้ตัว
ควรใช้เบสชนิดกันน้ำเพื่อรองพื้นผิวหน้า ใช้ฟองน้ำแตะหรือแปรงทารองพื้น เธอจะได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า และสามารถใช้มือจับได้โดยตรงโดยไม่ต้องกลัวเมคอัพหลุดค่ะ
7. ไม่มี 'อุปกรณ์แก้ไขเมคอัพแบบฉุกเฉิน'
แม้วันแต่งงานจะมีแค่วันเดียว แต่เชื่อเถอะว่ามันยาวนานกว่าที่คิด! งานนี้ไม่ใช่แค่ถ่ายรูปแล้วจบกัน เธอต้องไปต้อนรับแขกหน้างาน พูดสุนทรพจน์หน้าเวที เดินไปเดินมาทั่วงาน ดังนั้นควรมีกล่องใส่อุปกรณ์ 'ซ่อมเมคอัพ' ที่เลือนหรือเปื้อน เลอะระหว่างวันค่ะ
กระเป๋าที่ว่าควรมีอุปกรณ์จำเป็นประเภท โรลม้วนผม แหนบ สเปรย์ขวดเล็ก สำลี คอตต้อนบัต แปรง กิ๊บดำ เป็นต้น แค่นี้เธอก็สามารถแวบเข้าห้องน้ำ เช็ดๆ ปาดๆ ถูๆ เติมแต่งเมคอัพให้สวยได้ตลอดวันแล้วล่ะ
8. ใช้ 'ลิปสติก' แทน 'ลิปปากกาเมจิก ( lip stain )'
เราไม่เถียงหรอกว่า ลิปสติกแบบแมทที่ติดทนได้ตลอดวันก็มี แต่เพื่อความปลอดภัย ใช้ลิปสเตน หรือลิปเมจิกแบบชนิดน้ำดีกว่า ยิ่งถ้าเธอชอบสไตล์ลิปสีเข้มๆ ก็ยิ่งต้องใช้
เชื่อสิ เธอไม่อยากให้ลิปสติกสีแดงบนปากเปื้อนหน้าเวลาต้องจุ๊บแก้มเจ้าบ่าว ต่อหน้าแขกเกรื่อนับร้อยหรอก!
9. ไม่สนใจ 'การแต่งหน้าในวันแต่งงาน' เลย
แบบนี้ก็ชิวเกินไป -.- การแต่งหน้าก็สำคัญพอๆ กับชุดเจ้าสาวและเครื่องประดับนั่นแหละ แขกที่มางานก็อยากเห็นหน้าสวยๆ ของเจ้าสาว ดังนั้น เริ่มคิดสไตล์การแต่งหน้าของตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ เลยยิ่งดี เมื่อได้ชุดเจ้าสาวที่ลงตัวแล้ว ก็คิดถึงเมคอัพที่เข้ากันได้เลย
เช่น ถ้าเธอชอบชุดเจ้าสาวสวยคลาสสิค โบราณๆ อย่างชุดลูกไม้กรอมเท้าสไตล์วินเทจ ให้เลือกเมคอัพโทนเบาๆ เป็นธรรมชาติค่ะ
10. ไฮไลท์ผิวทุกส่วนบนใบหน้า
'ไฮไลท์' คือเครื่องสำอางที่ช่วยตกแต่งผิวหน้าให้ดูสวย เปล่งประกาย เหมาะจะนำมาใช้กับเจ้าสาวในวันแต่งงาน เพื่อความเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าลงไฮไลท์รัวๆ ทั่วหน้าเธอจะดูเหมือนโคมไฟนีออนส่องแสงได้แทน = =
ผิวหน้าบางส่วนควรปล่อยให้เป็นแบบแมท เรียบๆ เช่น หน้าผากและส่วนเหนือริมฝีปาก เพราะถ้าลงไฮไลท์ส่วนหน้าผาก จะดูเหมือน 'หน้ามัน' ไม่ใช่ผิวดิวอี้แบบเกาหลีสุขภาพดีแต่อย่างใด -.- ถ้าส่วนเหนือริมฝีปากแวววาว จะดูเหมือนเธอดื่มน้ำแล้วเช็ดปากไม่สะอาด หรือร้อนจนมีเหงื่อ ไม่น่าดูรัวๆ
ไฮไลท์เหมาะกับบริเวณช่วงโหนกแก้ม สันจมูก และขอบตาด้านในเท่านั้นค่ะ
11. หัดใส่ 'ขนตาปลอม' เป็นครั้งแรกในงาน
ขอย้ำอีกครั้งว่า "'งานแต่งงาน" ไม่ใช่วันที่เธอจะลองสไตล์การแต่งหน้า การแต่งตัวใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองมาก่อนในชีวิต เพราะถ้าไม่เวิร์ค จะได้ไม่คุ้มเสีย!
อย่างไรก็ตาม เจ้าสาวบางคนก็อยากหน้าแน่น ขนตาเต็มในวันสำคัญ แม้ในชีวิตจริงจะไม่เคยติดขนตาปลอมมาก่อนเลยก็ตาม ดังนั้นควรฝึกติดไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ถ้าจ้างช่างมาติดให้ ก็อย่าลืมเรียนรู้วิธี 'ซ่อม' ด้วยตนเอง หากกาวติดขนตาหลุดด้วยล่ะ
12. ปัดบลัชออนมากเกินไป
และแล้วก็ถึงเวลาถ่ายรูปคู่รัก! อยากให้รูปออกมาดูดี เธอจึงประโคมปัดบลัชออนเข้มๆ รัวๆ แต่เมื่อเห็นรูปที่อัดใส่กรอบเตรียมติดฝาบ้านก็ตกใจจนร้องกรี๊ด นั่นแก้มคนหรือลิงบาบูนล่ะนั่น!
วิธีปัดบลัชออนในวันแต่งงานที่ถูกวิธีคือ ใช้เฉดสีชมพูอ่อนๆ หรือเฉดสีที่เอาตัวรอดได้ทุกงาน เช่น โทนสีส้มหรือสีนู้ด ไม่ควรใช้นิ้วหรือพัฟจิ๋วเกลี่ยเพราะจะทำให้เป็นปื้น ควรใช้แปรงปัดบลัชออนโดยเฉพาะ
แปรงปัดแก้มเป็นอุปกรณ์ช่วยแต่งหน้าที่ดีมาก เพราะขนสังเคราะห์จากแปรงจะจิกสีมาเพียงเล็กน้อย ไม่กินเนื้อบลัช และช่วยให้บลัชออนกระจายตัวทั่วแก้มสม่ำเสมอทั่วกันค่ะ
13. แต่งหน้าแบบ 'เน้นให้เข้ม' ทุกส่วนบนใบหน้า
การแต่งหน้าแบบ 'เน้นให้เข้ม' ทุกส่วนบนใบหน้า จะทำให้หน้าดูแน่น หนัก ทั้งตาทั้งปากแข่งกันสวยจนหาจุดเด่นไม่เจอซะงั้น
เธอควรเน้นแค่ 'ส่วนใดส่วนหนึ่ง' บนใบหน้าให้ดูเด่นเท่านั้น ถ้าชอบคัดเบ้าก็แต่งเน้นตา แต่ถ้าชอบลิปสติกสีจัดๆ ก็เน้นแต่งปาก ส่วนที่เหลือก็แต่งด้วยสีเบาๆ หรือสีนู้ดให้เบาลงเพื่อให้สมดุล เช่น ถ้าเธอทำสโมคกี้อายส์แล้ว ก็ทาลิปสติกสีนู้ดค่ะ
เท่านี้ในรูปถ่ายเธอก็จะดูสวยหวาน ไม่ดูเป็นสาวเปรี้ยว กร้านโลกเป็นผู้หญิงกลางคืนแล้วล่ะค่ะ
14. ไม่เตรียมผิวด้วย 'ไพรเมอร์'
ผิวหน้าของสาวๆ บางคนก็เรียบเนียน สม่ำเสมออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเตรียมผิวด้วย 'ไพรเมอร์' แต่ไอเท็มชิ้นนี้ไม่ได้ช่วยปกปิดจุดด่างดำอย่างเดียว แต่ทำให้การแต่งหน้าติดทนขึ้นอีกด้วยค่ะ
ถ้าจะลงไพรเมอร์ที่ผิวหน้า ไม่จำเป็นต้องลงทั่วทั้งใบหน้า แต่ให้ลงบริเวณที่ผิวมันง่ายเท่านั้นก็พอ เช่น ส่วนหน้าผาก ทีโซนและคาง อย่าลืมว่าต้องใช้ไพรเมอร์แบบแมทเท่านั้น เพื่อไม่ให้เธอดูเหมือนเหงื่อออก แทนที่จะดูสดใสเปล่งประกายค่ะ
15. ถอน / แว็กซ์คิ้วในวันงาน หรือ 1-2 วันก่อนวันงาน
งานแต่งงานควรเป็นวันที่ผิวหน้าสบายและพร้อมที่สุด การแว็กซ์ / ถอนขนคิ้วจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง บางรายที่ผิวแพ้ง่ายอาจบวมแดงและเกิดผดผื่นคัน ยิ่งถ้าใช้เมคอัพแบบพิเศษเพื่อวันแต่งงาน โปะรองพื้นหนาๆ ที่ผิวบริเวณนั้นอาจทำให้เธอไม่สบายหน้าไปตลอดวันได้ค่ะ
ถ้าคิ้วของเธอขึ้นรกมากจริงๆ ให้นัดช่างแว็กซ์แต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนวันงาน เธอจะได้มีเวลาพักผิวและรูขุมขน ไม่ต้องพึ่งคอนซีลเลอร์ทากลบรอยแดงให้อุดตันค่ะ
16. ทา 'ครีมรองพื้น' จนหนาเตอะ
กลัวถ่ายรูปแล้วไม่สวยเลยลงครีมรองพื้นที่หน้าจนหนาเตอะ เป็นเปลือกผนังปูนกันเลยทีเดียว ลงทั้งเบส รองพื้นจนหน้าเยิ้มเหมือนโปะหน้าเค้ก ไม่โอเครัวๆ!
ควรใช้เบสรองพื้นชนิดกันน้ำชนิดเดียวก็พอ ลงให้ทั่วผิวหน้าแบบไม่หนาเกินไป มิฉะนั้นจะดู 'ฉาบ' เหมือนแต่งหน้าเล่นละครเวที ดูไม่เป็นธรรมชาติ เฟคได้อีก (//เดี๋ยวๆ อินเนอร์มาจากไหน)
17. ไม่ตบ 'แป้งฝุ่น' บนใบหน้า
'แป้งฝุ่น' เป็นไอเท็มที่ช่วยให้เครื่องสำอางเซ็ตตัว ไม่เยิ้มจนเลอะเป็นคราบ หรือผิวมัน ( จนเกินคำว่าดิวอี้ ) ระหว่างงาน เห็นแวบๆ นึกว่าไปทอดไข่ดาวมาก่อนเข้างาน อายไปสามตลบ
หลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ด้วยการใช้ 'แป้งฝุ่น ( translucent powder )' ที่ช่วยกลบความมันบนผิวหน้า เท่านี้ก็มั่นใจไปตลอดทั้งวันแล้วล่ะค่ะ ^^
=========================
งานแต่งงานเป็นวันสำคัญ ทุกอย่างต้องลงตัวและเพอร์เฟ็คต์ที่สุด ทั้งชุดเจ้าสาว เมคอัพ ทรงผม สถานที่จัดงาน แขกเหรื่่อ ก๊วนเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เจ้าสาวรู้สึก 'สวย' มั่นใจในงานคงหนีไม่พ้นเมคอัพ แก้ไขข้อผิดพลาดจากงานแต่งงานของคนอื่นที่ผ่านมา แล้วแต่งหน้าตัวเองให้ 'เป๊ะ' ที่สุด เท่านี้งานของเธอก็น่าจดจำสุดๆ แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ 'ความรัก' ที่มีระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แม้งานจะจัดอลังการแค่ไหน แต่ถ้าขาดรอยยิ้มของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น อย่าลืมยิ้มให้กับวันแห่งความสุขครั้งนี้นะคะ แค่รอยยิ้มเล็กๆ ครั้งเดียวก็สวยกว่าเมคอัพแบบไหนๆ แล้วล่ะ ^^
ขอให้มีความสุขในวันแต่งงานนะคะ ยินดีด้วยค่า ^_____^
=========================
Cr. 18 Makeup Mistakes Brides Make [ cosmopolitan ]
http://www.cosmopolitan.com/style-beauty/beauty/how-to/a5153/common-makeup-mistakes-brides-make/
บทความที่เกี่ยวข้อง
รวมแฟชั่น รองเท้าเจ้าสาว ส้นเตี้ย สวยใส่สบาย วันแต่งงาน
https://sistacafe.com/summaries/5295
แบบผมทรง มัดหางม้าสวย ๆ (Pony Tail) สำหรับเจ้าสาว
https://sistacafe.com/summaries/5244
รวมไอเดีย แบบเพนท์เล็บ สำหรับเจ้าสาว เรียบหรูและดูดี
https://sistacafe.com/summaries/5014