1. SistaCafe
  2. Phobia โรคกลัวแปลกๆ แต่มีอยู่จริง! อาการทางจิตใจที่ไม่ใช่แค่ในซีรีส์

กลัว ที่ไม่ใช่แค่กลัวธรรมดา แต่มันคืออาการกลัว ที่เข้าขั้นเป็นโรค Phobia หรือ โรคกลัว ไม่ใช่แค่อาการกลัวทั่วๆ ไป แต่มันเข้าขั้นหวาดกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร เข้าขั้นป่วยแบบสุดขีด ลองสังเกตตัวเองกันดูหน่อยมั้ย ว่าตัวเรามีอาการกลัวอะไรอยู่บ้าง แล้วความกลัวที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ มันแค่กลัวเฉยๆ หรือเรากำลัง ป่วยกันอยู่ วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ 15 โรคกลัวแปลกๆ ที่มีอยู่จริงๆ ไม่ใช่แค่ในซีรีส์ จะมีโรคอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ


🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄


Phobia หรือ โรคกลัว มันคืออะไร?

โรคกลัว (phobia) เป็นอาการทางจิต ที่ต้องระวัง ซึ่งโรคนี้ เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่ง ที่จะมีอาการกลัวขั้นรุนแรงต่อสถานการณ์หรือบางสิ่งบางอย่าง โดยไม่มีเหตุผล และไม่สามารถควบคุมได้ด้วย ซึ่งเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันมากพอตัวเลยค่ะ จนอาจจะมีอาการคล้ายโรคแพนิก ได้แก่ ใจสั่น ใจเต้นแรง หายใจเร็ว มือเท้าเย็น ท้องไส้ปั่นป่วน และเวียนหัวตาลาย



Phobia เกิดจากอะไร?

หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า โรคกลัวมันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ต้องบอกก่อนนะว่า มันจะแตกต่างจากอาการกลัวแบบปกติ โรคกลัว จะเป็นความกลัวที่ยากเกินจะควบคุม อาการจะหนักกว่ามากๆ ซึ่งสาเหตุของการป่วยเป็น Phobia ในทางการแพทย์ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนนักว่าสาเหตุหลักๆ ของโรคนี้เกิดมาจากตรงไหน แต่ก็มีการคาดคะเนกันออกมาถึงความเป็นไปได้ว่า อาจจะเกิดมาจากอาการดังกล่าวนี้

  • เคยมีปัญหาหรือเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ 
  • พบเจอ ได้ยิน หรือเห็นเหตุการณ์ที่กระทบต่อจิตใจ
  • พันธุกรรม
  • ความผิดปกติของสมอง
  • ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ

อาการกลัวของโรคกลัวแบบไหน ที่เข้าข่ายป่วยแล้วจริงๆ ?

โดยปกติแล้ว คนที่ป่วยเป็นโรค Phobia จะมีอาการตื่นกลัว วิตกกังวลรุนแรง ไปจนถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดสูง หายใจถี่ เหงื่อออก ปวดหัว เวียนหัว พูดติดขัด ปากแห้ง คลื่นไส้ มือ เท้า และตัวสั่น ไปจนถึงขั้นเป็นลมหมดสติ กล้ามเนื้อตึงชาเลยค่ะ

แต่ว่า ต้องกลัวถึงขั้นไหนล่ะ ถึงจะเหมารวมได้ว่า ฉันเป็นโรคกลัวอยู่นะ อาการกลัวของโรคนี้ มักจะเกิดอาการกลัวที่ติดตอต่อกันมาเป็นเวลานานจนสะสม ส่วนมากจะมีอาการทั้งทางกายและจิตใจ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากมากๆ เช่น ต้องหลีกเลี่ยงบางสถานที่ ไม่สามารถเดินทางโดยยานพาหนะบางประเภท หรือถ้าต้องไปก็อาจมีความเครียด กังวล แค่พูดถึงยังใจสั่น แบบนี้เรียกว่าเข้าข่าย ต้องรีบไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้วนะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FMAUNvj4a3vGnK40rEMyBbY30L4cHCQF0OflsRseb.jpg?v=1729847950
Cr. Photo : @jenaissante


รวม 15 โรคกลัวแปลกๆ ที่มีอยู่จริงไม่จ้อจี้

รู้มั้ยว่า โรคกลัว ไม่ได้มีแค่หนึ่ง แต่มีมากกว่าสิบอาการค่ะ ขึ้นชื่อว่าความกลัวแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยว่ามั้ย วันนี้เรารวม 15 โรคกลัวแปลกๆ ที่มีอยู่จริง มาแชร์ จะมีโรคกลัวอะไรแบบไหนบ้าง เราไปเช็กลิสต์ดูพร้อมๆ กันเลย



🚨Trigger Warning: ภาพรู, ภาพทะเลลึก, ภาพสิ่งของขนาดใหญ่, ภาพเข็มฉีดยา



Nomophobia โรคกลัวการขาดโทรศัพท์

โนโมโฟเบีย (Nomophobia) คือ No-Mobile-Phone-Phobia เป็นกลุ่มอาการกลัวการขาดโทรศัพท์ พอได้ยินแบบนี้แล้ว เราอาจจะคิดว่า โอ้ย! ตลกดีนะ แต่มันไม่ใช่เรื่องตลกค่ะสาว! โรคนี้จะมีอาการกังวลใจและวิตกกังวลกับการไม่มีโทรศัพท์ใช้ และรู้สึกว่าโทรศัพท์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ซึ่งอาการของโรคนี้ สังเกตได้ไม่ยาก เริ่ดจากคุณจะดูหน้าจอและใช้โทรศัพท์ตลอดเวลา แม้ในขณะที่ทำกิจกรรมอื่น เช่น รับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ และมักจะมีอาการกระวนกระวายใจ หงุดหงิดใจหากหาโทรศัพท์ไม่เจอ ลืมโทรศัพท์ โทรศัพท์ไม่ได้อยู่ที่ตัว หรือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แถมยังชอบใช้เวลาไปกับการเล่นโทรศัพท์มากกว่าการมีสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย แล้วยิ่งถ้ามีเสียงเตือนจากโทรศัพท์จะรีบเปิดดูทันที แม้จะทำงานหรือทำกิจกรรมใดอยู่ก็ตาม แต่ว่านะ โรคนี้ยังไม่ถูกจัดว่าเป็นโรค แต่อาจเป็นสัญญาณของความกังวลที่มากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต และความสัมพันธ์กับผู้อื่นได้นะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Trypophobia โรคกลัวรู

โรคกลัวรู (Try pophobia) มักจะมีอาการรู้สึกอึดอัด ขยะแขยง กลัว เกลียด ไม่สบายใจ เมื่อพบเห็นพื้นผิวของวัตถุที่มีลักษณะเป็นรู หลุม ช่องกลม ๆ เช่น รังผึ้ง ฝักเมล็ดบัว ปะการัง ฟองน้ำ ฟองสบู่ ผิวหนังของสัตว์ เป็นต้น โดยอาการของโรคนี้ มักจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อเห็นรูบนพื้นผิววัตถุต่างๆ เพราะงั้นคนที่เป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่ก็จะคอยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งนั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการขึ้นซ้ำ

ซึ่งวิธีการรับมือกับโรคนี้ มีทั้งให้ฝึกผ่อนคลายร่างกายเมื่อตกอยู่ในอาการกลัว เช่น ควบคุมการหายใจ ขยับร่างกายช้าๆ อย่างเป็นจังหวะ บ้างก็บอกว่า เราจะต้องกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัวสักครั้ง แต่ก็ไม่ต้องหักดิบเกินไป อาจจะต้องค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าว แต่ถ้าลองทุกวิธีแล้วไม่เวิร์ค แถมมีผลกระทบกับชีวิตสุดๆ แนะนำให้ไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FH47iKYK4bgYNdhicwgPI17xaxPHFTEJLoGv8V8ho.png?v=1729837605
Cr. Photo : thairath

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Thalassophobia โรคกลัวทะเล

โรคกลัวทะเล (Thalassophobia) มันมีอยู่จริงหรอ ใครจะบ้ากลัวทะเล ทะเลสวยจะตาย! มีอยู่จริงนะคะ ไม่ต้องถึงขั้นไปที่สานที่นั้นหรอก ถ้าคนมันจะกลัว แค่เห็นรูปก็กลัวแล้ว โรคนี้เป็นโรคที่จัดอยู่ในประเภทของความหวาดกลัวเฉพาะ เมื่อมองดู หรือสัมผัสกับแหล่งน้ำที่มีบริเวณกว้าง ใหญ่ ลึก และมืด โดยสมองของเราจะเกิดอาการวิตกกังวลทันที เมื่อได้เห็นภาะท้องทะเล หรือไปทะเล แต่ว่าโรคนี้ เป็นกลุ่มอาการผิดปกติทางจิตที่ไม่อันตรายมากนัก แค่ไม่เห็นหรือไปทะเลก็จบแล้ว

อาการของคนที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการใจสั่น หายใจเร็ว เมื่อเห็นภาพหรือไปที่ทะเล เหงื่อออกทั่วร่างกาย วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ มีความวิตกกังวล กลัว บางคนถึงขั้นเสียขวัญเลย สาเหตุของโรคนี้ อาจจะมีปัจจัยมากจากเรื่องฝังใจต่อสถานที่นั้นๆ เช่น เคยจมน้ำ หรือรู้สึกไปปล่อยภัยเวลาได้มอง หรือไปอยู่ในสถานที่นั้น จึงไปกระตุ้นด้านความคิด และจิตใจ ทำให้เกิดอาการสั่นกลัว

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : innnews)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Megalophobia โรคกลัวของใหญ่

Megalophobia หรือ โรคกลัวของใหญ่ หรือความยิ่งใหญ่ เป็นความกลัวอย่างรุนแรงต่อวัตถุขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลและอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงเมื่อต้องคาดเดาหรืออยู่ต่อหน้าวัตถุขนาดใหญ่ อาการของโรค ก็จะคล้ายๆ กับโรคกลัวอื่นๆ มีความกลัว กังวล หงื่อออก ตัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ เกิดจากอดีตที่ฝังใจ หรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือการสั่งการของสมองที่ผิดปกติ ที่พอเจอของที่ใหญ่มากๆ แล้ว จะเกิดอาการกลัวขึ้นมาทันที

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : mentalhealth)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FWnMDdaNa9JXLf61KNorakkCwtM4DKMT5s2vECiFI.jpg?v=1729841743
Cr. Photo : mentalhealth

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Catoptrophobia โรคกลัวกระจก

โรคกลัวกระจก หรือ Catoptrophobia อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วมันมีโรคนี้อยู่จริงๆ นะ ซึ่งความกลัวที่เกิดขึ้นของคนที่มีอาการป่วยเป็นโรคนี้ ผู้ป่วยจะมีความกลัวกระจก หรือพื้นผิวสะท้อน ไม่ได้กลัวที่ตัวกระจก แต่กลัวสิ่งที่เห็นในกระจกต่างหาก ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ อาจจะเกิดจากการโดนบูลลี่ จนมีปมฝังใจ ซึ่งเกิดได้กับคนที่ไม่มีความมั่นใจในภาพลักษณ์ของตัวเอง บางคนก็มีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับกระจก หรือกลัวที่จะต้องส่องกระจก เพราะเกรงว่าจะมีผี หรือสิ่งไม่ดีออกมา

อาการของคนที่เป็นโรคนี้ จะมีทั้งความวิตกกังวล กลัว รู้ปวดร้าวทุกครั้งที่ได้ส่องกระจก รวมไปถึงอาการทางกาย เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ เสียขวัญ เป็นต้น

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.blockdit.com)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Escalaphobia โรคกลัวบันไดเลื่อน

โรคกลัวบันไดเลื่อน (Escalaphobia) เป็นหนึ่งในโรคที่ไม่คิดเลยว่า จะมีอยู่จริงๆ อ้างอิงง่ายๆ จากคลิปที่คนไม่กล้าก้าวขึ้นบันไดเลื่อนเอง ต้องมีคนพาขึ้นก่อน ถึงจะไปต่อได้ โดยสาเหตุของโรคนี้ อาจจะเกิดจากความทรงจำไม่ดีในการใช้บันไดเลื่อน อาทิ เสียหลักการทรงตัว สะดุด ลื่นล้มระหว่างเดินลง หรือแม้แต่การทำงานผิดพลาดของบันไดเลื่อน จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ทำให้เกิดภาพจำที่ไม่ค่อยดี จนกลายเป็นความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ

ซึ่งโรคนี้อาจจะไม่ถือว่าร้ายแรงมาก แต่ก็มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตในเรื่องการเดินทางอยู่เหมือนกัน บางคนถึงขั้นหลีกเลี่ยงการใช้บันไดเลื่อน แล้วหันไปใช้บันไดธรรมดา หรือลิฟต์แทน บางคนเห็นบันไดเลื่อนแล้วจิตตก วิธีรับมือที่ง่ายที่สุดคือ เมื่อไรที่ต้องใช้บันไดเลื่อน หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่บันไดเลื่อน ให้มองตรงไปข้างหน้า เพื่อลดความกังวลลง อย่าคิดไปเองว่ามันจะต้องอันตราย เพียงแค่เราจับราวบันไดด้านข้างเพื่อทรงตัวให้มั่นคง แล้วโฟกัสไปที่ปลายทางที่เรากำลังจะขึ้นหรือลงไป ก็ช่วยได้นะ หรือถ้าทำไม่ได้จริงๆ ให้ลองขอความช่วยเหลือจากคนรอบตัวดู แต่ถ้าไม่มีใครเลย แล้วไม่ไหวจริงๆ ก็อาจจะลองเปลี่ยนไปใช้ทางอื่น ทั้งนี้ถ้ามันมีผลกระทบต่อชีวิตมากเกินไป ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์นะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.thaipbs.or.th)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FiRpfC0xFHYhiP9LgZ0l7ek00vDAueP52cK9A5Ng0.jpg?v=1729842514
Cr. Photo : Pixabay

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Aerophobia โรคกลัวเครื่องบิน

โรคกลัวเครื่องบิน หรือ Aerophobia เป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายๆ คนอาจจะกำลังประสบอยู่ ซึ่งมันเป็นความกลัวหรือความกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบิน เป็นความกลัวที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนเลยด้วยนะ ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ อาจเกิดจากประสบการณ์การบินที่ไม่ดี การได้ยินหรืออ่านข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางการบินมากเกินไป หรือปัจจัยทางจิตใจ เช่น ความวิตกกังวลหรือความเครียด

อาการที่พบได้ทั่วไปของโรคกลัวเครื่องบินนั้น ก็จะมีทั้งวิตกกังวลหรือความกลัวอย่างรุนแรงเมื่อพูดถึงการขึ้นเครื่องบิน บางคนหนักถึงขั้นหลีกเลี่ยงการขึ้นเครื่องบินโดยสิ้นเชิง บ้างก็มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหงื่อออก ใจสั่น หายใจไม่ออก หรือวิงเวียนศีรษะ เมื่ออยู่บนเครื่องบิน ไปจนถึงขั้นคิดมาก จิตตกไปเลยก็มี เพราะงั้นคนที่เป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่ก็มักจะฝึกสมาธิช่วย หรือทานยาคลายความกังวลช่วย เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนขึ้นเครื่อง

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : centuryworld)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Heliophobia โรคกลัวแดด

โรคกลัวแสงอาทิตย์ หรือ Heliophobia เป็นโรคที่มีอยู่จริงๆ ไม่ใช่หนังแวมไพร์อะไรทั้งนั้น ซึ่งโรคนี้จัดอยู่ในโรค Phobia ชนิดโรคกลัวแบบเฉพาะเจาะจงเช่นเดียวกับโรคกลัวอื่นๆ ซึ่งคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่จะมีความเชื่อที่ว่า การสัมผัสกับแสงแดดให้น้อยที่สุดจะลดโอกาสในการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ แต่เหตุผลนี้ก็เป็นหนึ่งในความเชื่อแบบผิดๆ เท่านั้น นอกจากความเชื่อนี้แล้ว ยังมีเหตุผลอื่นๆ ด้วย เช่น อาจจะมีปัญหาจากการโดนแดดเผา จนผิวหนังลอก หรือแสบอย่างรุนแรง หรือมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีหลังจากออกแดดเท่าไหร่

อาการของคนที่เป็นโรคกลัวแสงแดด จะมีความวิตกกังวลทุกครั้งที่เจอแสง หรือนึกถึงแสงแดด บางคนถึงขั้นรับมือกับความกังวลและความกลัวที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย ทั้งนี้ยังมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ความสั่น และเหงื่อออก รวมไปถึงอาการตื่นตระหนก คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน ไปจนภึงเป็นลมหมดสติไปเลย ซึ่งโรคนี้ค่อนข้างมีผลกระทบหนักมากๆ ในการใช้ชีวิต เพราะอะไร ก็เพราะแสงแดดมันส่องทุกวันค่ะสาว! ฉะนั้นใครที่รู้ตัวเองว่า เป็นโรคนี้ อาจจะต้องขอคำแนะนกับคุณหมอ หรือเพื่อความสบายใจ วิธีป้องกันง่ายๆ คือ ทากันแดด กากร่มกันแดด ใส่เสื้อผิวปิดผิวหนังให้มิดชิด วิธีง่ายๆ เหล่านี้ ก็พอจะช่วยได้อยู่นะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : spacebar.th )


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FQgN5ErlTAyM8SiWIoJDyAml0CdwW9IgxMWesoQQI.jpg?v=1729844646
Cr. Photo : Pantip

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Phagophobia โรคกลัวการกลืน

โรคกลัวการกลืน หรือ Phagophobia เป็นหนึ่งในโรคที่ค่อนข้างหายาก ว่ากันว่า โรคนี้มักจะถูกสับสนกับโรคกลัวการสำลัก มันจะมีความคล้ายๆ กัน แต่แตกต่างกันตรงที่ผู้ที่เป็นโรคกลัวการกลืนจะกลัวการกลืนอาหารลงไป แต่ผู้ที่เป็นโรคกลัวการสำลัก จะกลัวว่ากลืนลงไปแล้วจะสำลัก ต่างกันนิดเดียว! ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ หลักๆ เลยน่าจะมาจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้และภาวะสุขภาพอื่นๆ เช่น เคยเผลอกินของเสีย แล้วมีอาการอาเจียน ,เคยสำลักอาหารต่อหน้าคนเยอะๆ จนเกิดความอับอาย หรือคนที่มีอาการป่วยร่วมด้วย ทำให้รู้สึกกลืนอาหารไม่ลง กินไม่ เป็นต้น

อาการของคนที่เป็นโรคนี้ ส่วนใหญ่จะมีความกังวลทุกครั้งที่ต้องทานอาหาร บางคนกลัวที่จะต้องกิน เลยเลือกที่จะกินคำเล็กๆ และดื่มบ่อยๆ ระหว่างมื้ออาหารเพื่อช่วยในการกลืน บ้างก็ลังเล หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มต่อหน้าผู้อื่น มีอาการมือสั่น เหงื่อออกเยอะ ซึ่งถ้าเพื่อนๆ พบว่า ตัวเองมีอาการที่เข้าข่ายเป็นโรคกลัวการกลืน แนะนำเลยว่า ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์ เพราะเป็นโรคที่กระทบต่อการใช้ชีวิตแบบสุดๆ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : verywellmind)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FZn9mSiSQE2NLpnDfduMCycr5SuqKVVghevnLjxve.jpg?v=1729847050
Cr. Photo : nakornthon hospital

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Bathmophobia โรคกลัวบันได ทางลาดชัน

Bathmophobia หรือโรคกลัวบันได จริงๆ จะมีความคล้ายๆ กับโรคกลัวบันไดเลื่อน แต่ไม่ใช่ สำหรับโรคนี้ สาเหตุมาจากประสบการณ์เชิงลบในการขึ้น ลงบันได หรือทางลาดชัน อาจจะเคยได้รับอุบัติเหตุ เช่น ตกบันได ลื่นล้ม หกล้ม จึงทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีและฝังใจจนทำให้เกิดความกลัวที่รุนแรง ความกังวลใจในทุกครั้งที่เดินขึ้น ลงบันได หรือทางลาดชันนั่นเองค่ะ ซึ่งอาการของโรคนี้ มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่เห็นหรือคิดถึงบันไดหรือทางลาด ด้วยความกังวล และกลัวเหล่านี้ อาจจะทำให้คุณภาพชีวิตลดลงได้ เพราะฉะนั้นควรรีบบำบัดซะ การไปพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา ยังไงก็ดีกว่า เราต้องมาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือกิจวัตรประจำวันขอตัวเอง

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : clevelandclinic)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FvT1iPKqDAVLKG3biz80t07nyxcYcsITFWQGW4Bh3.jpg?v=1729847148
Cr. Photo : Pixabay

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Anuptaphobia โรคกลัวการอยู่คนเดียว

โรคกลัวการอยู่คนเดียว หรือ Anuptaphobia เป็นโรคที่ไม่ได้แปลกอะไรมากมาย และเราว่ามีหลายคนเลย ที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคนี้อยู่ เอาจริงๆ ถ้ามองเผินๆ โรคกลัวการอยู่คนเดียว มันก็คล้ายๆ กับกลัวเหงา แต่ไม่ใช่ เพราะมันรุนแรงกว่านั้นค่ะ เพราะการเป็นโรคนี้ จะทำให้เพื่อนๆ มีปัญหาจการใช้ชีวิตประจำวันแบบสุดๆ ไม่ใช่แค่ขี้เหงา แต่กลัวไปหมดที่จะอยู่หรือทำอะไรคนเดียว ส่วนใหญ่แล้วคนที่เป็นโรคนี้ จะไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง และมีความเชื่อว่า ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวคนเดียว หรือมักจะคิดว่าการอยู่คนเดียวมันอันตราย ไม่สบายใจอยู่เสมอ


(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : blockdit)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Philophobia โรคกลัวความรัก

โรคกลัวความรัก (Philophobia) เป็นโรคที่น่ารักดี แต่ไม่ธรรมดานะ ซึ่งโรคนี้ ผู้ป่วยจะรู้สึกกลัวการมีความรักหรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อื่นจนไม่กล้าเริ่มต้น หรืออาจรุนแรงถึงขั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิต เพราะอาการกลัวที่ว่านี้ บางคนอาจจะแสดงออกทางร่างกายเลย เช่น ตื่นกลัว มีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก คลื่นไส้ เป็นต้น สาเหตุของโรคนี้ อาจเกิดจากการได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถูกทำร้าย หรือถูกทอดทิ้งในวัยเด็กมาก่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ป่วยฝังใจจนไม่กล้าไว้ใจหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใคร

วิธีการรักษา อย่างแรกเลยอาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น เริ่มจากการทำกิจกรรมเพื่อคลายเครียดอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจยิ่งขึ้น ไปจนถึงการบำบัดให้หายจากความกลัวจากสิ่งนั้นๆ ร่วมไปพร้อมๆ กับการใช้ยาต้านซึมเศร้าหรือยาคลายความวิตกกังวล

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : pobpad)



▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Trypanophobia โรคกลัวเข็ม

โรคกลัวเข็ม หรือ Trypanophobia อาการกลัวเข็ม จะไม่ได้กลัวแค่กับเข็มฉีดยาอย่างเดียว แต่กลัวทุกเข็มที่มีอยู่บนโลก แต่ว่าที่กลัวมากๆ และหนักที่สุด ก็คือ เข็มฉีดยานี่แหละค่ะ ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ อาจเกิดจากเหตุการณ์ที่ฝังใจในอดีต จนส่งผลมาถึงปัจจุบัน หรือมีคนในครอบครัวหรือใกล้ชิดมีอาการกลัวเข็ม ทำให้กลัวตามไปด้วย

อาการของคนที่กลัวเข็มมากๆ ที่เห็นชัดๆ คือ หน้ามืดทุกครั้งที่เห็นเข็ม บางคนเป็นลมล้มพับไปเลย บางคนมีอาการใจสั่น กลัว หัวใจเต้นเร็ว รวมไปถึงความดันโลหิตผิดปกติ บางคนก็ร้องไห้ และพยายามพาตัวเองออกไปให้ไกลจากเข็ม แม้โรคนี้จะไม่น่ากลัว แต่ก็ควรได้รับการบำบัดรักษา เพราะถึงแม้ชีวิตของคนเราจะไม่ได้ฉีดยากันทุกวันก็ตาม แต่ถ้าเกิดมีโรคระบาดอะไรระบาด แล้วต้องฉีดวัคซีน มันอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่กลัวเข็มได้ ฉะนั้นถ้าบำบัดเพื่อบรรเทาอาการกลัวได้ ก็ทำเถอะ

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : news.ch7.com )


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FTxeG4mYc7K9g4MYO9zu77tPrFGsYUXjveR8PIrN8.jpg?v=1729843124
Cr. Photo : Sanook.com

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Social Anxiety Disorder โรคกลัวการเข้าสังคม

โรคกลัวสังคม หรือ Social Anxiety Disorder คือ เราจะมีอาการรประหม่า รู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด กังวลใจ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อาจมีผู้อื่นจ้องมองตัวเรา โดยอาการที่แสดงออกมา จะมีทั้งใจสั่น มือสั่น เสียงสั่น เหงื่อออกมาก อันเกิดจากความตื่นเต้นและความกังวลที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่ว่าความรู้สึกตื่นเต้น หรือกลัวเวลาอยู่กับคนแปลกหน้า คนเยอะๆ หรือโดนจับจ้อง บางครั้งก็อาจจะเป็นแค่ความรู้สึกธรรมดา ที่ทุกคนสามารถพบเจอได้ค่ะ ไม่เฉพาะกับผู้ป่วยด้วยโรคกลัวสังคมเท่านั้น

ถ้ารู้สึก แล้วหายไปหลัจากปรับตัวได้ คุณก็ไม่เข้าข่ายเป็นโรคนี้ แต่ถ้าะมีอาการทุกครั้งที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย สถานการณ์ที่มีคนจ้องมองเยอะ หรือสถานการณ์ที่ต้องทำบางอย่างในที่สาธารณะ อันนี้อาจจะเข้าข่ายว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรคกลัวการเข้าสังคมได้ค่ะ โดยระยะเวลาของอาการป่วยมักเป็นต่อเนื่องนานเกิน 6 เดือนขึ้นไป

ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ ส่วนใหญ่อาจจะเกิดจาก คุณอาจจะเคยเจอกับสถานการณ์บางอย่างที่ทำให้รู้สึกแย่ จนกลายเป็นความฝังใจ การรักษาโรคกลัวการเข้าสังคมนั้น อาจจะต้องขอคำแนะนำจากแพทย์ ยิ่งถ้าคุณเป็นโรคนี้มานานแล้ว หรืออาการค่อนข้างหนักแล้ว ยิ่งไม่ควรปล่อยไว้ เพราะมันมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมาก โดยฉะนั้นวัยเรียนและวัยทำงาน ที่ต้องออกไปเจอคนเยอะๆ ในทุกๆ วัน

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี)


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F202930%2FOPfXOAGfzGeJkYEP2Zkao0VAUWCAaBMGOfAxf7Sm.jpg?v=1729838901
Cr. Photo : Adobe Stock

▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎


Mysophobia โรคกลัวเชื้อโรค

ช่วงโควิดที่ผ่านมา เราว่าหลายๆ คนประสบกับปัญหา และอาจจะเป็นโรคกลัวเชื้อโรค (Mysophobia) กันเยอะเลย จริงๆ แล้วโรคนี้ไม่ใช่แค่การอุปโลกน์กันขึ้นมาเฉยๆ แล้วก็จะกายไป คนที่เป็นโรคนี้ เขาเกิดความรู้สึกกลัวเชื้อโรคแบบจริงๆ จังๆ เลยนะ! แล้วไม่ใช่แค่อาการกลัวเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอาการกลัวความสกปรก พื้นที่ที่ไม่สะอาดการปนเปื้อน รวมถึงการติดเชื้อด้วย เป็นความกลัวที่มากจนล้น บางคนถึงขนาดที่กลัวจนส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตเลยก็มีเหมือนกัน

ซึ่งสาเหตุของโรคนี้ เกิดจากประสบการณ์เกี่ยวกับการสัมผัสเชื้อโรคหรือความสกปรกที่ไม่ดีในอดีตมาก่อน รวมถึงเพื่อนๆ อาจจะเป็นคนที่รักสะอาดมากๆ ด้วยอยู่แล้ว ก็ไม่แปลกที่จะทำให้เกิดความรู้สึกกลัวต่อการสัมผัสเชื้อโรคได้ อาการของคนที่เป็นโรคนี้ สังเกตได้ง่ายเลย คนที่กลัวแบบขั้นรุนแรงเลย จะไม่โอเคทุกครั้งที่ต้องสัมผัส หรือต้องอยู่ใกล้กับสถานที่ หรือบางสิ่งที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและเชื้อโรค เขาจะเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่าง เช่น ร้องให้ โวยวาย เหงื่อแตกตัวสั่นมากผิดปกติ เมื่อเจอความสกปรก บางคนกลัวความสกปรกมากถึงขั้นมีอาการป่วย เช่น หน้ามืด เป็นลม มีหลายๆ คนที่ชอบล้างมือบ่อยเกินความจำเป็น ล้างมือซ้ำๆ ล้างแล้วล้างอีก แม้แต่อาบน้ำก็ด้วยเช่นกัน แถมยังหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกาย หรือสิ่งของของคนอื่น และยังไม่ชอบใช้ของร่วมกับใครอีกด้วย

แต่รู้มั้ยว่า โลกเราไม่มีคำว่า สะอาดหมดจดแบบ 100% หลอกนะ การที่คุณเป็นคนนึงที่กลัวเชื้อโรค กลัวสิ่งสกปรกมากๆ จนถึงขนาดรบกวนการใช้ชีวิตของตัวเอง และการต้องอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคม เราว่า ก็ควรต้องรีบหาทางรักษา แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ดู น่าจะช่วยได้

(ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย)




🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄


สรุป

จริงๆ Phobia หรือโรคกลัวเหล่านี้ มันรักษาให้หายไปเลยในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้ แต่เราสามารถใช้ชีวิตปกติสุขได้ สำคัญคือ ถ้าเพื่อนๆ รู้ตัวว่าเรามีอาการป่วยอยู่ควรรีบไปพบแพทย์ ด้วยความที่โรคเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นอาการป่วยทางจิต เพราะฉะนั้นการพูดคุยปรึกษากับจิตแพทย์จึงจำเป็น อย่ากังวลที่จะไปพบจิตแพทย์ค่ะ เพราะสมัยนี้การขอคำปรึกษากับจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติมากๆ ฉะนั้นเป็นแล้วรักษาให้ถูกทาง จะดีกับตัวเรามากที่สุดนะ

สำหรับวันต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย


🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄🍄


บทความแนะนำเพิ่มเติม

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้