สวัสดีเจ้า ชาว Sistacafe ขอทักทายเป็นภาษาเหนือซะหน่อย ให้เข้ากับธีมบทความในครั้งนี้
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเชียงใหม่จะเที่ยวให้ฟินเนี่ยต้องแค่ฤดูหนาวหรือไม่ก็ช่วงปีใหม่เท่านั่น ร้อนๆ แบบนี้นอนตากแอร์อยู่บ้านดีกว่า แต่เพื่อนๆ อย่าลืมนะคะว่าที่เชียงใหม่อุดมไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้สีเขียวที่มองไปแล้วช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหัวใจ ครั้งนี้จึงขออาสาพาไปแอ่วเชียงใหม่ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงซัมเมอร์ก็กิน-เที่ยวแบบฟินๆ ได้
แต่ขอบอกก่อนว่าเน้นสายกิน หรือ สายคาเฟ่เป็นหลัก นะคะ พร้อมแล้วไปแอ่วเมืองเจียงใหม่กันเลยเจ้า สถานที่แรกจะพาไปกันเป็นคาเฟ่สำหรับคนที่ชื่นชอบชาเขียวที่กำลังมาแรงและพูดถึงกันในโซเชียล ร้านนั้นก็คือ
1. มีใจให้มัทฉะ - Matcha Green Tea Cafe
แค่เห็นชื่อร้านก็พอจะทราบได้ต้องขายชาเขียวแน่ๆ คงไม่ได้ขายเฉาก๊วยแน่นอน 555 ( แต่ชื่อร้านแอบน่ารักเนาะ ) จุดเด่นของร้านนี้ก็คือทุกเมนูต่างล้วนใช้ชาเขียวเกรดพรีเมี่ยมเป็นวัตถุดิบหลักโดยอิมพอร์ตจากเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ค่ะ
ถ้าใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ชาเขียวก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วเนาะว่าต้นตำรับชาเขียวแท้ๆ ต้องมาจากเมืองเกียวโตเท่านั้น พูดได้ว่าอาจเป็นร้านเดียวในเชียงใหม่ที่เน้นขายเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่ทำมาจากชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่น ใครเป็นสายเจ สายยุ่น สายชาเขียว ก็ลองแวะมาทานกันได้เลยค่ะ เพราะว่าแต่ละเมนูทำได้ออกมาอร่อยจริงๆ คิดว่าน่าจะถูกใจ Matcha Lover ไม่มากก็น้อย
มาดูบรรยากาศโดยรวมของร้านกันก่อนค่ะ
เริ่มจากบริเวณด้านนอก ---- คาเฟ่ชาเขียวแห่งนี้เป็นตึกแถวห้องเช่าค่ะ บริเวณทางเข้ามีป้ายแขวนชื่อร้านชัดเจน เห็นป้ายผ้าแบบนี้แปลว่ามาถูกร้านแล้วค่ะ ส่วนประตูร้านจะติดฟิล์มสีดำ ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นข้อเสียนิดนึง เพราะว่าดูมืดๆ มองจากข้างนอกจะมองไม่เห็นอะไร
พอเปิดประตูเข้าไปในร้านก็จะเจอโต๊ะเก้าอี้เลย มีโต๊ะอยู่ประมานสามสี่โต๊ะ ทางร้านพยายามตกแต่งร้านให้ออกมาในสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ
มุมชงชาของทางร้านและเตรียมเสิร์ฟเมนูต่างๆ ให้กับลูกค้า
มีถ้วยชามสไตล์ญี่ปุ่นวางเรียงรายอยู่
มีป้ายภาษาญี่ปุ่นด้วยนะ
ดอกไม้ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้ดูสดชื่น
ส่วนด้านในร้านติดแอร์ค่ะ รับรองว่าสามารถนั่งรีแลกซ์สบายๆ เม้ามอยคุยกับเพื่อนๆ ได้อย่างอารมณ์ดี คิดว่าถ้าทางร้านไม่ทำเป็นห้องแอร์ ลูกค้าอาจจะได้สำลักควันท่อไอเสียตายแทนได้เนื่องจากตัวร้านตั้งอยู่ติดริมถนนเลยค่ะ
เมนูที่สั่งมาตามที่เห็นในรูปด้านบน จะเป็นชาเชียวที่เสิร์ฟมาในถ้วยสไตล์ญี่ปุ่นค่ะ บอกได้เลยว่าเมนูนี้ตอนที่เราดื่มเข้าไปนั้นมันให้ฟีลเกียวโตทันที คือเป็นรสชาติขมๆ แบบสไตล์เกียวโตของแท้ อันนี้เหมาะสำหรับคนที่ดื่มชาเขียวรสช่าติแบบออริจินัลเป็นอยู่แล้วนะจ๊ะ
แต่ถ้ายังเป็นระดับ beginner ขอแนะนำเมนูนี้เลยค่ะ ชาเขียวลาเต้ อันนี้จะมีรสชาติมันๆ ของนมเพิ่มเข้ามา แล้วก็มีหวานปนเข้ามาด้วย จึงทำให้ได้รสชาติที่นุ่มลิ้นกำลังพอดี ไม่หวานจนเกินไปและก็ไม่ขมจนไป ถือว่าอร่อยใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ
อีกเมนูที่อยากจะ recommend ให้เพื่อนๆ สั่งกัน นั่นก็คือ ไอติมรสนมฮอกไกโด ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสชาเขียว พอได้ทานคู่กันแล้ว คือแบบว่าอร่อยมว้ากกกก รสหวานๆ มันๆของนมฮอกไกโดช่วยมาตัดความขมชองซอสชาเขียว ถือว่าอร่อยลงตัวเลยค่ะ
ไอติมรสชาเขียวก็อร่อยเหมือนกันนะ
ถ้าเพื่อนๆไม่เข้าใจว่าแต่ละเมนูไหนหน้าตาเป็นยังไร สามารถถามพนักงานในร้านได้เลยค่ะ ทางพนักงานที่นี้ยินดีตอบแถมยังอธิบายให้ได้ละเอียดด้วยค่ะ
สรุปคือที่นี้ให้ผ่านค่ะ ประทับใจทุกเมนูที่สั่งมา ^^
ที่ตั้ง : ตั้งอยู่บนถนนศรีดอนชัย ใกล้ไนท์บาซ่าติดกับภัตตาคารจีนเจี่ยท้งเฮง (ตั้งอยู่ในตัวเมือง ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมากและสะดวกในการเดินทาง)
เวลาเปิด - ปิด : เสาร์-อาทิตย์ 9.30-17.00 น. / จันทร์ พฤหัส ศุกร์ เปิด 7.30-20.00 น. (ปิดวันอังคารและวันพุธ)
2. ผ่อนคลาย ณ ริมแม่น้ำปิง
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว คราวนี้ก็ไปเดินย่อยกันซะหน่อย เพื่อไม่ให้ร้อนจนเกินไป ไปเดินเล่นชิลล์ๆ ถ่ายรูป และรับสายลมอันเย็นสบายกันที่ริมแม่น้ำปิงตรงบริเวณสะพานนครพิงค์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่เลยค่ะ ไม่ต้องเดินทางออกไปนอกเมืองให้วุ่นวายกัน
แม่น้ำปิงอันเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา
บริเวณริมแม่น้ำปิงเราจะได้เห็นนักท่องเที่ยวทำกิจกรรมสันทนาการทางน้ำกันอย่างสนุกสนาน
3. บ้านไม้พิซซ่า ภูแอน
ใครมาเชียงใหม่แล้วอยู่ดีๆ เกิดอาการอยากจะกินพิซซ่าขึ้นมา ต้องมาที่ร้านนี้เลยค่ะ ไม่ใช่ร้านพิซซ่าที่ขายตามห้างทั่วไปนะคะ แต่เป็นร้านพิซซ่าที่อยู่กลางหุบเขา ที่เด็ดคือเป็นพิซซ่าสไตล์โฮมเมด และอีกทีเด็ดก็คือเป็นร้านกระท่อมน่ารักๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้และป่าเขาอันเขียวขจี
นั่งทานพิซซ่าไป ชมวิวธรรมชาติไป รับรองว่าใครมาที่นี้จะได้บรรยากาศที่แตกต่างไปจากร้านพิซซ่าที่อื่นๆ แน่นอน
เป็นร้านกระท่อมไม้ เล็กๆ น่ารักๆ
บริเวณภายในร้าน
มุมที่นั่งแบบ Outdoor ก็มีรองรับไว้เช่นกัน
สำหรับราคาพิซซ่าของบ้านไม้พิซซ่า ภูแอน จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ราคา คือ
1. Size M 89 บ. ( บาง ) 99 บ. ( หนา ) เลือก topping ได้ 3 อย่าง
2. Size L 139 บ. ( บาง ) 159 บ. ( หนา ) เลือก topping ได้ 4 อย่าง
* เพิ่มแป้ง 10 บ. / เพิ่มชีส Size M 99 บ. , Size L 149 บ.
เห็นราคาไหมคะท่านผู้ชม มันถูกมว้าก แบบนี้มันต้องโดน
อันนี้สั่งถาด Size M เลือกแป้งแบบหนามาในราคาเพียงแค่ 99 บาท เท่านั้น ! แถมยังเลือก topping ได้ตั้งสามอย่าง เราเลือก แฮม ไส้กรอก และ เห็ดแชมปิญอง
พอกัดเข้าปากปุ๊บ สัมผัสได้ถึงความนุ่มของตัวแป้งและรสชาติของซอส ชีส รวมไปถึงเครื่องต่างๆ ที่หอมหวลอบอวลอยู่ในปาก บอกได้เลยว่าฟินจริงๆ
เพื่อนๆ ลองจินตนาการดูสิว่า ถ้าได้ทานของอร่อยๆ อยู่ท่ามกลางหุบเขาจะฟินเบอร์แรงขนาดไหน เอาเป็นว่ามื่อนี้โดนทั้งรสชาติ โดนทั้งบรรยากาศ แถมยังคุ้มค่าคุ้มราคา อีกด้วยค่ะ
บริเวณปากทางเข้า
ที่นี้มี Free WiFi ด้วยนะจ๊ะ ต่อให้อยู่กลางหุบเขาก็ยังสามารถเล่นโซเชียลได้
ที่ตั้ง : หมู่บ้านสหกรณ์ 2 อ.แม่ออน ( ก่อนถึงน้ำพุร้อนสันกำแพง 1 กม. )
เวลาเปิด - ปิด : 10:00 - 18:00 น.
4. ร้านกาแฟบนต้นไม้ The Giant
มาที่ต่อไปกันค่ะ แต่ยังคงวนเวียนอยู่ในป่าเขาเส้นสันกำแพง-แม่กำปอง ขออัญเชิญเพื่อนๆไปนั่งดับร้อนและสงบจิตสงบใจพร้อมดื่มกาแฟท่ามกลางธรรมชาติกันที่ The Giant ร้านกาแฟบนต้นไม้เจ้าดัง ณ เมืองเชียงใหม่ที่ใครต่างพากันมาเช็คอิน
เห็นป้ายแบบนี้แปลว่ามาถูกที่แล้วจ้า
ความประทับใจแรกเกิดขึ้นเมื่อก้าวขาเข้าไปเหยียบแล้วก็พบเจอกับวิวแบบนี้ ดูสิคะ วิวธรรมชาติสบายตาแบบนี้มันฟินเบอร์แรงมว้าก
สะพานที่ข้ามไปยังอีกฝั่งซึ่งเป็นโซนที่นั่งนั่นชวนน่าหวาดเสียวทีเดียว
* ทางร้านกำหนดให้เดินไปทีละสองคนเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยนั่นเอง
แต่ถ้าใครเป็นโรคกลัวความสูงก็มีอีกทางเลือก คือ ให้ใช้บันไดเวียนลงไปค่ะ ( แต่ก็แอบขาสั่นเหมือนกันนะ 555 )
ที่นี้บรรยากาศดีมากๆ เอาไปเลยสิบคะแนนเต็ม เหมาะสุดๆ กับการมารีแล็กซ์หรือพักจากเรื่องเครียดๆ
โซนที่นั่ง
ร้านขายของที่ระลึก
แนะนำให้ถ่ายรูปที่นี่ไปเยอะๆ ค่ะ เพราะวิวที่นี่เค้าดีจริงๆ
วิวธรรมชาติที่ถ่ายจากบริเวณภายในร้าน
เนี่ยจะบอกเลยว่าความรู้สึกตอนนั้น มัน feel good มว้าก ที่ตัวเองได้มีเวลาพักผ่อนอยู่ท่ามกลางป่าเขา
เมนูที่อยากให้เพื่อนๆ ได้มาลองโดนกัน คือ เครปเค้กสีรุ้ง หน้าตาดีไม่พอ รสชาติยังอร่อย มึความ creamy แถมไม่หวานเลี่ยนอีกด้วย
มี่ตั้ง : หมู่บ้านบ้านป๊อก ต.ห้วยแก้ว อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่
เวลาเปิด - ปิด : 08.30 - 17.00 น. ( ปิดทุกวันจันทร์ / ปิดรับออเดอร์อาหาร 16.00 น. )
5. Grand Canyon Chiangmai
ถ้าอากาศจะร้อนประดุจว่าพระอาทิตย์เล่นมาจ่ออยู่ตรงหน้าเลย งั้นไปกระโดดเล่นว่ายน้ำกันที่
Grand Canyon ณ อำเภอหางดง กันเถอะค่ะ
สำหรับ Grand Canyon ของที่นี้ไม่ได้เกิดจากทางธรรมชาตินะคะ แต่เกิดจากฝีมือการกระทำของมนุษย์ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตัวเจ้าของได้ขุดหน้าดินไปขายเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว พอกาลเวลาล่วงเลยผ่านไปก็กลายเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่และมีหน้าผาที่ลักษณะเหมือน Grand Canyon ในอเมริกา จนในปัจจุบันก็ได้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับเมืองเชียงใหม่จ้าว
ที่นี่มีกิจกรรมทางน้ำมากมายให้เลือกเล่นค่ะ หรือ จะถ่ายรูปเล่นเพลินๆ ก็ได้
หรือจะแอบส่องหนุ่มงานดีนัยน์ตาสีน้ำข้าว อุ๊ปส์ ! ( แต่ที่นี่เราเห็นฝรั่งเยอะกว่าคนไทยอีกค่ะ )
ที่นี่มีรถแดงรับส่งจากในเมืองด้วยค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าจะเดินทางกันลำบาก อย่างที่บอกว่าที่นี่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากันเยอะ ก็เลยมีรถโดยสารไว้บริการรับรองนักท่องเที่ยวค่ะ
ค่าเข้าชม 50 บาท / ค่าสวนน้ำ 300 บาท ( ถ้าไม่เข้าสวนน้ำก็ไม่ต้องจ่าย )
ที่ตั้ง : 202 หมู่ 3 ถนนเลียบคลองชลประทาน น้ำแพร่ อ.หางดง ( ใช้ถนนเลียบคลองชลประทาน ทางเดียวกับไปพืชสวนโลกและไนท์ซาฟารีเชียงใหม่ )
เวลาเปิด - ปิด : 08:30 - 18:00 น. ( เปิดให้บริการทุกวัน )
6. Phufinn Doi
ยังคงอยู่ที่ route เส้นอำเภอหางดงอยู่ค่ะ หลังจากเพลิดเพลินสำราญใจกันที่ Grand Canyon แล้ว คราวนี้ไปหาของอร่อยๆ เพิ่มความฟินให้กับตัวเองกันที่ Phufinn Doi ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนเนินเขา
และนอกจากนี้ยังเป็นอีกร้านหนึ่งที่ติดอันดับเบอร์ต้นๆสำหรับสถานที่เช็คอินยอดนิยม ณ เมืองเชียงใหม่ เหตุผลนั่นก็เพราะว่า
ดูซิคะ บรรยากาศวิวพาโนรามาห้าดาวซะขนาดนี้ จะไม่ให้ผู้คนอยากมากันได้อย่างไร (น่าเสียดายวันที่เราไปฟ้าไม่เปิด บรรยากาศก็เลยดูขมุกขมัว แต่ก็ยังสัมผัสถึงความสวยงามได้อยู่ ส่วนแม่นางฝนชีดันไม่ตกซะงั้น....)
เพียงแค่นั่งทอดกายจิบกาแฟชิลล์ๆ ละสายตาจากโซเชียลซักพัก ทอดสายตาไปยาวๆ เพื่อชมวิวธรรมชาติที่ไม่ว่าจะมองหันไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีเขียวรายล้อมรอบตัวเรา พร้อมสูดลมหายใจลึกๆ รับลมธรรมชาติ อย่างนี้สิที่เค้าเรียกว่าดีต่อใจ มันเป็นแบบนี้นี้เอง
สำหรับที่นี่มีที่นั่งแบบ Outdoor สำหรับใครที่อยากจะชมวิวสวยๆ หรือ จะเลือกนั่งแบบ Indoor ซึ่งเป็นห้องแอร์แต่ก็ยังคงสามารถมองเห็นวิวธรรมชาติได้ค่ะ
ร้านนี้มีเมนูให้เลือกมากมาย ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ของหวานและเครื่องดื่มต่างๆ มากกว่าของคาว ถ้าเป็นของคาวก็จะเป็นอาหารฝรั่งจำพวกสลัด สปาเก็ตตี้ ประมาณนี้ ค่ะ
white mint mocha
ส่วนของหวานที่เราสั่งมาหน้าตาเป็นแบบนี้ มีทั้งบราวนี่ ไอติม วิปครีม และ ผลไม้นานาชนิด ยังถือว่าเป็นของหวานที่เฮลตี้อยู่นะ อิอิ ^^
ตอนแรกที่สั่งคือไม่รู้ว่าจะมี dry ice มาด้วย พอพนักงานราดน้ำเข้าไปเท่านั้นแหละจ่า ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาเลย เมนูนี้เล่นเอาโต๊ะรอบข้างต่างพากันแตกตื่นปนตื่นเต้นและเกิดอยากรู้อยากเห็นว่าสั่งอะไรกันมา 555
ที่ตั่ง : ใกล้กับแกรนด์แคนยอน ต.น้ำแพร่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
เวลาเปิด - ปิด : 08:30 - 18:00 น. ( เปิดให้บริการทุกวัน )
7. Cheevit Cheeva Fine Desserts ( สาขา ศิริมังคลาจารย์ ซอย 7 )
สำหรับใครที่มาเชียงใหม่แค่ไม่กี่วัน และไม่มีเวลามากพอที่จะไปปีนป่ายขึ้นป่าเขาลงห้วยเพื่อเสาะแสวงหาของกินอร่อยๆ นั้น ขออาสาไปชิมร้านขนมอร่อยๆ ที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง
นั่นก็คือ ร้าน Cheevit Cheeva ซึ่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกล่าวถึงความอร่อยของบิงซูที่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองเชียงใหม่ แถมยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล wongnai users’ choice 2017 อีกด้วยนะจ๊ะ บอกเลยไม่มาไม่ได้แล้วคร่า
แค่เห็นภายนอกก็เริ่มตกหลุมรักแล้ว
บิงซูเทพ !
คราวนี้เราจะมาพิสูจน์เสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวความความอร่อยด้วยเมนู signature ของทางร้าน นั้นก็คือ บิงซู นั่นเองค่ะ เมนูบิงซูของที่นี้มีหลายแบบให้เลือก แต่แบบที่เราสั่งมาจะมีชื่อว่า Chocolate lava Bingsu
พอตักเข้าปากปุ๊บ เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงได้รับรางวัลจาก wongnai ตัวไฮไลท์ที่ต้องทำให้ร้องว้าว นั้นก็คือ เกล็ดน้ำแข็งที่ถูกบดละเอียดนุ่มฟูราวกับหิมะละลายในปาก อีกทีเด็ดก็คือทางร้านได้โป๊ะวิปครีมเข้าไปอีก
โอ้โห งานนี้ขอยอมใจจริงๆ คือเจ้าตัววิปครีมมันนุ่มอร่อยละลายในปากมากกก บวกกับซอสช็อกโกแลตที่ถูกราดลงไปนั้นมีรสชาติที่ไม่หวานเกินไปและก็ไม่ขมเกินไป พอตักทุกอย่างรวมกันเข้าปาก สัมผัสได้ว่าทุกอย่างออกมาลงตัวจริงๆ
สาวกบิงซูห้ามพลาด มาที่นี่ห้ามพลาดสั่งบิงซูเด็ดขาด Recommend !
อีกเมนูเครื่องดื่มที่หน้าตาเก๋ๆ ---- คัสตาร์ดพุดดิ้งที่ลอยมาในโกโก้เย็น
เนื้อเนียนๆ ดึ๋งๆ น่าหม่ำจริง
บริเวณ Outdoor
บริเวณ Outdoor
บริเวณทางเข้าด้านในร้าน
บริเวณด้านในร้าน
บริเวณเคาน์เตอร์ของร้าน
การตกแต่งภายในร้าน
ผนังเลียนแบบทำเป็นอิฐเรียงตัวสวย ด้านข้างมีชั้นวางกระถางดอกไม้ ดูสบายตา
ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีนะคะ
ที่ตั้ง : ถนนศิริมังคลาจารย์ ซอย 7 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เวลาเปิด - ปิด : 09:00 – 22:00 น. ( เปิดให้บริการทุกวัน )
8. ชมดอกไม้ที่ร้านอาหารกาแล
ที่สุดท้ายที่จะพามากัน ขอปิดท้ายด้วยการพามาชมดอกไม้สวยๆ ที่สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปีกันที่ร้านอาหารกาแลค่ะ
ถึงจะเห็นว่าเป็นห้องอาหารก็ตาม แต่คราวนี้ไม่ได้จะพามาชิมนะจ๊ะ เพราะกินกันมามากมายก่ายกองแล้ว 555 แต่คราวนี้จะพาไปชมดอกไม้งามๆ ต่างหาก บอกก่อนเลยว่าที่นี้ เข้าฟรี ไม่เสียตังค์ซักแดงเดียว ทางร้านอาหารที่นี่ใจดีมากๆ ก่อนอื่นต้องขอบคุณกันก่อนค่ะ
บริเวณทางเข้า
จุดที่สามารถชมดอกไม้ได้ฟรี คือบริเวณทางเข้าของร้านค่ะ ถึงจะฟรีแต่ไม่ใช่สวนเล็กๆกะโหลกกะลานะจ๊ะ จะพบว่ามีแต่ดอกไม้สีสันสวยงามเต็มไปหมด
ดอกไฮเดรนเยีย
ส่วนใหญ่ที่นี่จะเน้นดอกไฮเดรนเยียมากกว่าดอกอื่นๆ เป็นดอกไม้ที่มีสีสันพาสเทลน่ารักมากเลยค่ะ มีทั้งชมพูแล้วก็ม่วง สนุกถ่ายรูปกันสุดๆ แนะนำว่าให้ถ่ายรูปไปเยอะๆ อีกเช่นกันค่ะเพราะคิดว่าคงไม่ได้มากันบ่อยๆ
อีกอย่างที่จะแนะนำก็คือ ถ้ามาในช่วงซัมเมอร์แบบนี้ ให้มาประมาณช่วงเย็นๆ จะดีกว่าค่ะ เพราะจะได้ไม่ต้องเจอแดดร้อนๆ แถมอากาศกำลังเย็นสบาย จะได้ไม่ต้องชมดอกไม้ไปเช็ดเหงื่อไป
โซนที่นั่งรับประทานอาหารท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้
ใครชมดอกไม้เสร็จเกิดอาการหิวก็แวะไปทานอาหารของร้านนี้ได้เลยค่ะ ส่วนโซนที่นั่งทานอาหารจะอยู่ด้านบริเวณล่างติดริมอ่างเกษตร มช.
เรือนไม้ขนาดเล็กน่ารักเป็นร้านขายกาแฟของทางร้าน
ที่อยู่ : ตั้งอยู่ภายในบริเวณสำนักงานเกษตรและสหกรณ์ภาคเหนือ ( อ่างเกษตร มช. ) ให้ใช้เส้นทางถนนสุเทพ ( ถนนหลัง มช. ) โดยร้านอาหารกาแลอยู่ห่างจากถนนนิมมานเพียง 2 กิโลเมตร เท่านั้น
เวลาเปิด - ปิด : จันทร์ - พฤหัสบดี : 10:00 - 21:00 น. / ศุกร์ - อาทิตย์ : 10:00 - 22:00 น.
เป็นยังไงกันบ้างเอ๋ย สำหรับ 8 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองเชียงใหม่ที่ได้แนะนำไป ซัมเมอร์นี้เพื่อนๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปที่เชียงใหม่กันดูค่ะ แล้วจะสัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ของเมืองเชียงใหม่ที่สามารถฟินได้ทุกฤดูไม่ว่าจะหนาวหรือร้อนก็ตาม แล้วคุณจะหลงรักเมืองนี้ ^^
Comments