Hello My Girl~ สาว SistaCafe คนไหน มีปัญหาหนัก ' อก ' หนักใจเรื่อง ' เสื้อชั้นใน ' บ้างคะ? ก็แหม ๆ เรื่องหน้าอกหน้าใจมันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงเรานี่นา แต่ กว่าจะหา ' เสื้อชั้นใน ' คุณภาพดี ใส่สบาย และเหมาะกับไซส์หน้าอกได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย พูดเลย!!! ก็ไหนจะหลวมเกินไปทำให้ไม่กระชับ หรือคับเกินไปจนหายใจไม่ออก #ขอความพอดีให้น้องหน่อย เห้อออ ออ คนสวยเพลีย

ซิสจ๋าาา~ ถ้าพร้อมแล้วก็ตามไปดูได้เลย ʕ →ᴥ←ʔ

สาวซิสคะ! ก่อนที่เราจะไปเลือก เสื้อชั้นใน ตัวที่ใช่ สไตล์ที่ชอบ มาใส่กันแบบสวย ๆ แล้ว สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องทำก็คือ การวัดขนาดหน้าอก ของตัวเองนั่นเองค่ะ เพราะถึง เสื้อชั้นใน จะถูกใจใช่เลยขนาดไหน แต่ถ้าใส่ไม่สบาย ไซส์ไม่พอดี ก็คงไม่เวิร์กแน่ เพราะฉะนั้นก็ตามเราไปดู ฮาวทูวัดขนาดหน้าอกภายใน 3 สเต็ป
ง่าย ๆ กันได้เลย
Step 1 - วัดขนาดรอบลำตัว ( Band Size )

มาเริ่มกันที่สเต็ปแรกก่อนเลยดีกว่าค่ะ กับ การวัดขนาดรอบลำตัว ( Band Size ) ขั้นตอนนี้สาว ๆ จะวัดขนาดโดยไม่สวม เสื้อชั้นใน หรือสวม เสื้อชั้นใน แบบไม่เสริม / ไม่ดันทรงก็ได้นะคะ เสร็จแล้วก็ ใช้สายวัดด้านที่มีหน่วยเป็นนิ้ว วัดรอบบริเวณใต้ทรวงอกแบบพอดี ๆ ไม่แน่หรือหลวมจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ตัวเลขคลาดเคลื่อนได้
ถ้าเกิดว่าตัวเลขที่วัดได้เป็นเลขคู่ ก็ให้บวก 4 เพิ่มเข้าไป แต่ถ้าตัวเลขที่วัดได้เป็นเลขคี่ ก็ให้บวก 5 เข้าไปแทน นะคะ อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่ง ' งง ' ไปค่ะ เดี๋ยวเรายกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ฟัง ก็อย่างเช่นวัดขนาดออกมาได้ 32 นิ้ว + 4 นิ้ว ก็จะได้ขนาดรอบลำตัวเป็น 36 นิ้ว ส่วนถ้าวัดขนาดออกมาได้ 33 นิ้ว + 5 นิ้ว ก็จะได้ขนาดรอบลำตัวเป็น 38 นิ้วนั่นเอง
Step 2 - วันขนาดรอบอก ( Bust Size )

หลังจากวัดขนาดรอบลำตัวเสร็จไปแล้ว ก็ตามมาดูสเต็ปต่อมาได้เลยค่ะสาวซิส นั่นก็คือ การวัดขนาดรอบอก ( Bust Size ) นั่นเอง วิธีวัดก็ง่ายมาก ๆ แค่ นำสายวัดมาวัดบริเวณหน้าอกตรงส่วนที่ยื่นออกไปมากที่สุด ได้ตัวเลขมาแล้วก็อย่าลืมจดเอาไว้ด้วยนะคะ เผื่อเผลอลืมขึ้นมาจะได้ไม่ต้องวัดใหม่ให้เสียเวลา
Step 3 - คำนวณคัพหน้าอก ( Cup Size )

สาว ๆ คะ ได้เวลามารื้อฟื้นสกิลวิชาคณิตคิดเร็วด้วยการ คำนวณคัพหน้าอก ( Cup Size ) กันแล้วล่ะ หลังจากที่เราวัดทั้งขนาดรอบตัวและขนาดรอบอก มาเรียบร้อยแล้ว ก็ ให้นำ ขนาดรอบอก ลบด้วย ขนาดรอบลำตัว แล้วนำไปเปรียบเทียบตามตารางด้านล่างได้เลย อย่างเช่น 37 นิ้ว (ขนาดรอบอก) - 34 นิ้ว (ขนาดรอบลำตัว) = 3 นิ้ว นั่นก็หมายความว่าคัพของสาวซิสตรงกับ 34C ไงล่ะคะ คำนวณกันได้ไม่ยากเลยใช่มั้ยล่ะ

PART II : How To เช็คความพอดีของเสื้อชั้นใน

- เสื้อชั้นในจะต้องซัพพอร์ตหน้าอกได้ดี: เสื้อชั้นในที่ใช่จะต้องเก็บเนื้อบริเวณหน้าอกของเราได้ดี เพราะฉะนั้นตอนลองเสื้อชั้นใน ก็อย่าลืมก้มตัวไปข้างหน้า บิดตัวซ้ายที ขวาที เพื่อให้แน่ใจว่าเสื้อชั้นในตัวนี้สามารถเก็บเนื้อบริเวณหน้าอกของเราได้ดีในทุกสถานการณ์
- ต้องแน่ใจว่าเสื้อชั้นในที่ใส่ไม่หลวมเกินไป: วิธีเช็คง่าย ๆ ก็คือ ถ้าสอดนิ้วมือเข้าไประหว่างเสื้อชั้นในและรอบลำตัวได้เพียงนิ้วเดียว นั่นก็แสดงว่าเสื้อชั้นในตัวนี้มีความพอดี ไม่แน่นหรือหลวมเกินไปนั่นเอง
PART III : เลือกบราตัวที่ใช่ให้เข้ากับลักษณะหน้าอก

Type 1 : หน้าอกไม่เท่ากัน ( Asymmetrical )

ลักษณะหน้าอก : ขนาดหน้าอกไม่เท่ากัน ( Asymmetrical ) โดยที่หน้าอกข้างใดข้างหนึ่งมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่า
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นชุดชั้นในแบบมีโครง เสริมฟองน้ำแบบถอดออกได้ เพื่อที่จะช่วยซัพพอร์ตหน้าอกให้มีความกระชับ เท่ากันมากขึ้น
Type 2 : หน้าอกทรงระฆัง ( Bell Shape )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกทรงระฆัง ( Bell Shape ) เป็นหน้าอกที่มีลักษณะรูปทรงคล้ายระฆัง โดยหน้าอกส่วนบนจะแบนกว่าส่วนล่าง
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นชุดชั้นในที่ปิดเนื้อส่วนหน้าอกได้ดี เพื่อที่จะซัพพอร์ตหน้าอกให้กระชับขึ้น และไม่ทำให้รู้สึกปวดไหล่
Type 3 : หน้าอกชี้ไปคนละทาง ( East West )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกชี้ไปคนละทาง ( East West ) และระยะห่างระหว่างหน้าอกค่อนข้างกว้าง
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นชุดชั้นในที่ไม่มีตะเข็บและตะขอ สีสันเรียบ ๆ เพราะชุดชั้นในแบบนี้จะสวมใส่สบาย และช่วยคงรูปทรงของหน้าอกได้ดี
Type 4 : หน้าอกทรงกลม ( Round )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกทรงกลม ( Round ) ถือเป็นลักษณะหน้าอกที่สาว ๆ นิยมศัลยกรรมมากที่สุด เพราะเนื้ออกเต็มสม่ำเสมอกัน
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นชุดชั้นในที่ช่วยยกกระชับหน้าอก เพราะเสื้อชั้นในแบบนี้จะช่วยรองรับขนาดและน้ำหนักของหน้าอกได้ดี
Type 5 : หน้าอกห่าง ( Side Set )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกห่าง ( Side Set ) โดยระยะห่างระหว่างหน้าอกค่อนข้างกว้าง แต่หน้าอกไม่ได้ชี้ไปคนละทาง
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นเสื้อชั้นในที่ช่วยยกกระชับหน้าอก หรือเสื้อชั้นในลูกไม้ เพื่อช่วยอำพรางระยะห่างของหน้าอกเอาไว้
Type 6 : หน้าอกเล็ก ( Slender )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกเล็ก ( Slender ) โดยพื้นที่บริเวณหน้าอกส่วนบนจะกว้าง แล้วค่อย ๆ แคบลงมาด้านล่าง
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นเสื้อชั้นในคอวีเว้าลึก เพราะเสื้อชั้นในแบบนี้จะช่วยดึงหน้าอกให้ตึงกระชับมากขึ้นนั่นเอง
Type 7 : หน้าอกทรงหยดน้ำ ( Teardrop )

ลักษณะหน้าอก : หน้าอกทรงหยดน้ำ ( Teardrop ) ลักษณะจะคล้าย ๆ กันกับหน้าอกทรงระฆัง แต่เนื้อบริเวณหน้าอกส่วนบนจะเต็มกว่า และมีลักษณะคล้ายกับหยดน้ำ
เสื้อชั้นในที่ใช่ : ควรเป็นเสื้อชั้นในแบบคอวีลึก เพราะเสื้อชั้นในชนิดนี้จะช่วยยกและเติมเต็มหน้าอกให้สวยขึ้นกว่าเดิม
Comments