และแล้วก็เดินทางมา EP. สุดท้ายยยยยย ( ปาดน้ำตาาา )
ชุ้นจะต้องจบได้ในบทความนี้ ใครที่รอตามเก็บของกินแบบเน้นๆ ในทริปนี้
ดูจากภาพเปิดของเราแล้วก็รู้ทันทีว่า EP. นี้สมใจแน่นอน!
เอาล่ะ เราจะไม่อารัมภบทให้มากความ เพราะบทความจะยาวกันไปอีก สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน EP. ก่อนหน้า เดี๋ยวเราจะแปะไว้ให้ที่ด้านล่างนี้เลยนะครัช แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่สาวๆ จะได้ไปลุยกันต่อใน " ใจไม่เซก็ไปไทเปได้ ( เที่ยวไต้หวัน 5 วัน 4 คืน ) งบหมื่นปลายๆ " งานนี้สบายกระเป๋าแต่เอาให้สุด!! Go Go Girls!

กิน กิน กิน
_______________ DAY 3 _______________
หลังจากเมื่อคืนช้อปกันหมดตัวถึงขั้นล้มละลาย วันนี้เลยขอแบบเรียบง่ายหันหน้าเข้าหาธรรมชาติกันก่อน ไต้หวันก็เป็นอีกประเทศที่มีซากุระให้ดูถึง 2 สายพันธ์ุเลยค่ะ แม้จะไม่ได้อลังการเท่าญี่ปุ่นเพราะที่นี้เขาไม่ได้ปลูกเป็นเชิงท่องเที่ยวขนาดนั้น แต่ในเมืองหลวงอย่างไทเปก็ยังมีจุดที่เจ้าซากุระจะเติบโต พอให้สาวๆ อย่างเราได้ไปชื่นชมกับเขาเหมือนกัน
อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค
Chiang Kai Shek Memorial Hall หรืออนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค เป็นอีกแลนด์มาร์คของไทเป แต่สิ่งที่ทำให้เราเลือกมาที่นี้ เพราะในฤดูใบไม้ผลิอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คถือเป็นหนึ่งจุดที่สามารถชมซากุระใจกลางเมืองไทเปได้นั่นเอง แถมยังสามารถมาเยี่ยมชมได้ตั้งแต่ช่วงเช้า แดดไม่แรงและคนยังไม่เยอะ ( หากมาช่วงใกล้เปิด เราจะได้ดูพี่ๆ ทหารเดินขบวนเข้าพิธีเปลี่ยนเวรยาม เท่มากๆ เลยค่ะ )
อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค มีพื้นที่กว้างขวางมากๆ ยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ ไปเลย
ประตูแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของท่านเจียงไคเช็ค บุคคลสำคัญของไต้หวัน
ที่บอกว่าอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญมากๆ ของไต้หวัน เพราะเขาสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกและเทิดทูน ประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ค อดีตผู้นำทางการเมืองและการทหารของจีนที่ช่วงหนึ่งได้มาอาศัยอยู่ที่เกาะไต้หวัน และได้ก่อตั้งรัฐบาลใหม่รวมถึงพัฒนาประเทศจนก้าวหน้าอย่างในปัจจุบัน ท่านจึงเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไต้หวัน
บริเวณนี้เรียกกันว่า จัตุรัสเสรีภาพ มีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 160 ไร่ เป็นสถานที่สำคัญในการงานต่างๆ เช่น การประดับโคมไฟในในช่วงวันไหว้พระจันทร์ พิธีสวนสนามของทหารเหล่าต่างๆ รวมทั้งการเคลื่อนไหวต่างๆ ทางการเมืองด้วย
และนี้ล่ะค่ะคือส่วนของอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คเป็นอาคารสีขาวทั้ง 4 ด้านมีหลังคาทรง 8 เหลี่ยมสีน้ำเงินแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนสวยงามตระการตามากๆ
ภายในจะมีรูปปั้นท่านเจียง ไคเช็ค ทำจากทองสัมฤทธิ์ในท่านั่งขนาดใหญ่และใบหน้ายิ้มแย้ม มาที่นี้เราจะได้ดูพิธีเปลี่ยนเวรทหาร ซึ่งจะมีทุกๆ ต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 10:00-16:00 ของทุกวัน
บริเวณรอบข้างยังมีพื้นที่สีเขียวจากต้นไม้นานาชนิดให้ประชาชนได้มาพักผ่อนหย่อนใจ
รวมไปถึงไฮไลท์ในทริปนี้ของเราอย่างคุณดอกซากุระอีกด้วยค่า
ต้นซากุระเริ่มผลิใบโชว์ดอกสีชมพู

เมื่อเพื่อนบอกว่าอยากถ่ายรูปแบบหน้าแนบดอกซากุระ
ลานกว้างกลายเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมของกลุ่มผู้สูงอายุ

ดอกเล็กๆ สีสดๆ นี้ก็เป็นซากุระอีกหนึ่งสายพันธุ์นะคะ
______________________________________________________________________________
Chiang Kai-Shek Memorial Hall
การเดินทาง : MRT สถานี Chiang Kai-Shek Memorial Hall Exit 5
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 09:00-18:00
ฟรี
ค่าใช้จ่าย :
มาไทเปก็กินปลาดิบแบบฟินๆ ได้ไม่ต่างจากญี่ปุ่นเลยนะ
อีกสิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเกาะไต้หวันก็คือการมากินปลาดิบนี่แหละค่ะคุณ แม้จะไม่ถึงใจเท่าการไปกินที่เมืองต้นตำรับอย่างญี่ปุ่น แต่ที่ไทเปเขาก็มี ตลาดปลาขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยของทะเลสดๆ ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ให้เรามาเลือกทานเช่นกัน
ที่สำคัญการช้อปอาหารทะเลของเขา ที่นี่ยังสะดวกสบายเหมือนเดินอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะมีการแพ็คใส่กล่องแบบหน้าตาดูดีหยิบจับง่าย แถมยังมีความหลากหลายนอกจากอาหารทะเลแล้วก็ยังมีเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปรุงรสเป็นเมนูต่างๆ ให้ซื้อกลับบ้านหรือเลือกนั่งทานได้อย่างเต็มที่ไปเลย ทริปวันนี้เราจึงขอฝากท้องไว้ที่นี้เป็นมื้อหลัก ปลาดิบของเขาสดถึงใจแถมยังถูกม้ากกกกกกกก แบบหากินที่ไทยไม่ได้แน่นอน
เข้าไปโซนแรกก็จะเป็นบ่ออาหารทะเลสด เรียกว่าสดแบบเป็นๆ นำมาชั่งกันเป็นโลๆ ไปเลยค่ะ
ล็อบสเตอร์เอย ปูเอย ตัวเบิ้มๆ
จะปูอลาสก้า ปูทาราบะ ก็มีให้ชิมที่นี่

น้องๆ อยู่รวมกันเต็มบ่อรอพี่ๆ มาช้อปไปชิมความอร่อย ฮ่าๆ
หอยตัวใหญ่ๆ อยากจะลองชิมกับเขาบ้าง แต่กระเป๋าตังค์ไม่อนุญาต ฮืออ
มุมจับจ่ายของเราก็จะเหมือนซุเปอร์มาร์เก็ตแพ็คใส่เป็นกล่องๆ แบบนี้เลยค่ะ
และเมนูวันนี้ของเรา หมดนี้ไม่ถึง 1000 ค่ะคุณ ปลาแซลม่อนอัดแน่นขนาดนี้กล่องละ 300 บาทไม่ขาดไม่เกิน เนื้อแน่นสดมากๆ ฟินนนน
อยากให้ทุกคนเห็น texture ชัดๆ แอร๊ยยย
แซลมอนคือนิพพานมากค่า ถูกและดีมีอยู่จริง ส่วนใครที่ไม่ทานปลาดิบก็ยังมีวัตถุดิบอื่นๆ ปรุงอาหารหลากหลายให้เลือกช้อปอยู่เหมือนกันค่ะ แต่แนะนำว่าเลือกทานเมนูอาหารทะเลจะดีกว่าเนื้อสัตว์อื่นๆ เพราะคุ้มกว่า สดกว่า และอร่อยกว่าจริงๆ ค่ะ หยิบใส่ตะกร้าแล้วก็มาจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ออกไปหามุมนั่งทานข้างหน้าได้เลยค่ะ
ปล. หลีกเลี่ยงไปช่วงเที่ยงเพราะคนเยอะมาก จะเดินกันอย่างเบียดเสียดและไม่มีที่นั่งกินให้ฟินแน่นอน
Taipei Fish Market
การเดินทาง : MRT Zhongshan Junior High School เดินไกลหน่อยนะคะ
เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00 – 24.00 น.
ค่าใช้จ่าย : ตามราคาอาหารค่ะ
แต่ใจไม่กล้าแก้ผ้าลงไปแช่ที่ญี่ปุ่นจริงๆ แนะนำให้มาลองแช่ที่ไต้หวันเลยค่ะ
เพราะที่นี่เขาให้ทุกคนสามารถใส่ชุดว่ายน้ำลงไปแช่ได้ละเธ้อออ
หลังจากท้องอิ่ม ก็ขอไปรีแลคซ์แช่น้ำพุร้อนให้ผ่อนคลายกันหน่อย ที่ไทเปเขาก็มีแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่สมบูรณ์และไม่ไกลจากตัวเมืองอย่าง Beitou Hot Spring หรือน้ำพุร้อนเป่ยโถว ที่นี้เป็นเหมือนสวนสาธารณะที่มีทั้งน้ำพุร้อน ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ให้ชาวเมืองไทเปได้มาผ่อนคลายวันหยุด นอกจากจะไปเดินเล่นชมธรรมชาติแล้วทุกคนก็สามารถแช่น้ำพุร้อนสวยๆ ได้อีกด้วยล่ะ
บริเวณนี้เรียกว่า Beitou Thermal Valley เดินเข้ามาลึกสุดเป็นต้นน้ำพุร้อนที่ต่ออกไปแช่กันค่ะ น้ำใสเห็นไอร้อนระเหยขึ้นมาเลย
ภายในจะมี Taipei Public Library Beitou Branch เป็นห้องสมุดที่สวยแปลกตาและใหญ่มาก เสียดายที่เวลาเรามีจำกัดจึงไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน
ระหว่างทางก็จะเต็มไปด้วยโรงแรมพักตากอากาศทุกโรงแรม และบ้านทุกหลังสามารถต่อน้ำพุร้อนเข้าไปแช่ได้ตามสบายเลยค่ะ
โดยทั่วไปชาวไทเปหรือนักท่องเที่ยวจะนิยมไปแช่น้ำร้อนกันที่ บ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ ซึ่งจะเปิดเป็นรอบๆ และมีมวลมหาประชาชนพร้อมใจกันไปแช่เยอะมาก เราผู้ไม่อยากเบียดเสียดและไม่ไหวจะแช่รวมจริงๆ จึงลองหาข้อมูลดูก็พบว่าหลายๆ โรงแรมเปิดให้เข้าไปแช่น้ำพุร้อนของตนเป็นราย ชม. สะอาดและเป็นส่วนตัวกว่าเราจึงเลือกทางนี้โดยไม่ลังเล

นี้คือหน้าตาบ่อน้ำพุร้อนสาธารณะ

โรงแรมที่เราเลือกใช้บริการชื่อว่า spa spring resort อยู่ใกล้ๆ กับ Thermal Valley ราคาต่อคน คนละประมาณ 500 / ชม. ถือว่าไม่แพงถ้าเทียบกับโรงแรมอื่นๆ
กรี้ดว่าคือน้ำพุร้อนของโรงแรมนี้อยู่บนดาดฟ้าด้วย วิวดีสุดดดดดๆ ถือว่าใช้เงินแก้ปัญหา ได้ความเป็นส่วนตัวและวิวงามๆ มาทดแทน
มีให้แช่ทั้งหมด 3 บ่อใหญ่ ไปช่วงอากาศหนาวๆ หน่อยแช่แล้วฟินมาก น้ำร้อนต่อขึ้นแบบร้อนจริงๆ ค่ะ น้ำจะเป็นสีขาวขุ่นเพราะเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติจากแร่ซัลเฟอร์
ส่วนตัวเราว่าเวลา 1 ชม. ดูน้อยไปหน่อยในการแช่ค่ะ แต่ถ้าใครเฉยๆ กับกิจกรรมประเภทนี้จะแค่เดินชมวิวเพลินๆ หรือจะลองบรรยากาศบ่อน้ำสาธารณะก็ได้เช่นกัน แช่แบบเราก็ฟินแต่ในเรื่องความคุ้มค่าเรายังแอบมองว่าราคาแรงไปหน่อย แต่ถือซะว่าไปแล้วขอแลกมาซึ่งประสบการณ์ละกันเนอะ
Beitou Hot Spring
การเดินทาง : MRT Beitou เปลี่ยนสายต่อไปยัง MRT Xinbeitou
เวลาทำการ : 05.30 – 22.00 ( ปิดทำการวันจันทร์ )
ค่าใช้จ่าย : ไม่แช่น้ำพุร้อนไม่เสียจ้า
เราตั้งใจมาปิดท้ายทริปตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดินกันที่ ตั้นสุย บริเวณตรงนี้เป็นท่าเทียบเรือชาวประมงเหมือนปากแม่น้ำกว้าง เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งของชาวไทเปและนักท่องเที่ยวเลยค่ะ เพราะเขามีทั้งถนนคนเดิน ร้านอาหารแบบตลาดย่อมๆ อีกทั้งยังเป็นจุดชมวิวให้ได้มาปั่นจักรยานชิลล์ๆ หรือจะข้ามสะพานไปชมพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ ก็ยังได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่มาช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ บรรยากาศจะเหมือนสถานที่ให้ชาวไทเปมาทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวเลยล่ะ แอบมีความคล้ายงานวัดบ้านเรา เพราะมีทั้งของกินและร้านรวงที่เหมือนเป็นซุ้มเกมส์ให้เด็กๆ ได้มาสนุกด้วยกัน เป็นภาพที่มองแล้วน่ารักมากๆ
สารภาพว่าซื้อเพราะความน่ารักล้วนๆ เหมือนขนมแพนเค้กบ้านเราแต่ของเขาน่ารักกว่า
ปลาหมึกย่างตัวใหญ่ๆ ราคาร้อยนิดๆ ไม่แพงเลยค่ะ
มาถึงตั้นสุ้ยต้องได้ลองปลาหมึกยักษ์ทอดทั้งตัวแบบนี้นะ เคี้ยวเพลินมากๆ
ไข่นกกระทาบ้านเราก็เอามาเสียบไม้กินกับซอสมะเขือเทศ อร่อยไปอีกแบบ
ปลากหมึกตัวน้อยๆ สดๆ ก็มีขาย ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลจริงๆ ค่ะ
ไก่ทอด 1973 ก็เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ถ้าไปไทเป ทอดกรอบๆ มีกลิ่นหม่าล่าเฉพาะอร่อย ฮื่อออ
มะยมหวานเสียบไม้แบบบ้านเราหรือเปล่านะ
บรรยากาศยามเย็นตั้นสุ่ยก็ยิ่งคึกคัก
เพราะวันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์หนาแน่นไปด้วยผู้คนทีเดียวค่ะ เลยเก็บได้แต่ของกินมาฝากกัน ตั้นสุ่ยเหมาะแก่การไปเดินชิลล์ๆ กินเพลินๆ แนะนำให้ไปช่วงเย็นนะคะ แม้คนจะเยอะหน่อยแต่อากาศไม่ร้อนเดินง่ายสบายๆ
Tamsui
การเดินทาง : MRT Tamsui สุดสายไปเลยจ้า
09.00 – 22.00
ค่าใช้จ่าย :
______________________________________________________________________________
_______________ DAY 4 _______________
เที่ยวกันมาจนถึงวันสุดแล้วค่ะ ขอบ่นหน่อยเลยว่าวันจันทร์เป็นวันที่หาที่เที่ยวยากมาก! เพราะทุกที่เขาพร้อมใจกันปิดเหมือนเป็นวันพักผ่อน จากที่ใจคิดว่าจะลองไปเข้ามิวเซียมสักหน่อย ขึ้นกระเช้ากับเขาสักนิด อะปิดหมดจ้าาาาา วันสุดท้ายของเราจึงเหมือนวันเก็บตก ไปไหว้พระ เดินเล่นเปื่อยๆ แล้วปิดท้ายด้วยการตะลุยหาของกินใน ximending ยอดฮิตย่านที่พักของเราเป็นอันจบ
ถ้าไปฮ่องกงขึ้นชื่อเรื่องไหว้พระขอผู้ มาไต้หวันก็ดูจะไม่แพ้กันค่ะ ที่ไทเปเขาก็มีวัดศักดิ์สิทธิ์อย่าง วัดหลงซาน วัดเก่าแก่กว่า 300 ปี ที่ขึ้นชื่อทั้งความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมและความขลังของเหล่าเทพเจ้าทั้งเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้ากวนอู และเทพเย่ว์เหล่า หรือ ผู้เฒ่าจันทรา ที่เชื่อกันว่าเป็นเทพผู้ผูกด้ายแดงให้สมหวังด้านความรัก ( ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทริปนี้ไปไหว้ขออะไร ฮ่าๆ )
เมื่อผ่านประตูเข้ามาก็สามารถหยิบธูปมาไหว้ได้ฟรีเลยค่ะ ตรงกลางลานบริเวณนนี้จะเป็นพื้นที่สักการะเจ้าแม่กวนอิม
รูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมคล้ายกับวัดพุทธของจีนแต่มีลูกผสมของความเป็นไต้หวันเข้าไปด้วย จนบางคนเรียกกันว่าเป็นวัดสไตล์ไต้หวัน
เมื่อไหว้เทพเจ้าขอพรเสร็จก็อย่าลืมแวะซื้อเครื่องรางต่างๆ ติดมือกลับบ้านมาด้วย ในเรื่องเห็นผลช่วยได้แค่ไหนไม่รู้แต่ห้อยแล้วมีความน่ารักฉันก็ห้อยๆ ไปก่อน
บริเวณใกล้ๆ วัดจะมีถนนเก่าแก่ชื่อว่า Bopiliao Old Street เต็มไปด้วยอาคารอิฐแดงเก่าแก่คล้ายกับโกดังเก็บของในยุคศตวรรษที่ 18-19 นอกจากจะได้ชมเมืองเก่าแล้วเขายังมี ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมไทเป ที่เป็นพิพิธภัณท์ที่จัดแสดงภาพเรื่องราววิถีชีวิตในสมัยก่อนของคนในย่านนี้ให้ได้เที่ยวชมด้วยค่ะ แต่แน่นอนว่าวันที่เราไปนั้น มันปิดค่ะ!!
ที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามคือ Bopiliao Old Street เก่าแก่สวยงามมาก
และนี้คือสิ่งเราเห็นเมื่อข้ามไปเจอกับความจริงว่าวันนี้เขาปิด ฮือออออออ
______________________________________________________________________________
การเดินทาง : MRT Longshan Temple Station Exit 1
06.00 – 22.00
ค่าใช้จ่าย : -
______________________________________________________________________________
ถ้าถามว่าย่านไหนที่เราชอบที่สุดในไทเป เราตอบได้เลยว่าคือ Fujin Street ย่านนี้เป็นย่านฮิปส์ๆ ที่เต็มไปด้วยร้านกาแฟ และร้านขายของสวยๆ ร่มรื่นเดินถ่ายรูปเพลินมาก แถมนักท่องเที่ยวทั่วไปยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก สำหรับเรา Fujin Street จึงเป็นย่านที่ทั้งน่ารัก เงียบสงบ ง่ายๆ ว่าเป็นย่านชิคๆ คูลๆ ที่ถ่ายรูปสวยมากเวอร์นั้นล่ะแกร๊
" เราชอบในความธรรมดาไม่หวือหวาของย่านนี้ เพราะจริงๆ แล้ว Fujin Street ก็เป็นเหมือนถนนสายเล็กๆ ชานเมืองเงียบๆ ที่มีแต่ที่พักอาศัยและโรงเรียนอนุบาล แต่เมื่อมีร้านนั่งน่า คาเฟ่สวยๆ ร้านขายของฮิปส์ๆ มาเปิด มันจึงเป็นเหมือนย่านอารีย์บ้านเรา ย่านเก๋ๆ ที่ยังไม่วุ่นวายจนเกินไป "
บ้านเมืองเงียบสงบ เป็นบรรยากาศน่ารักๆ ใจกลางเมือง
เราชอบที่พื้นที่ว่างๆ ก็กลายมาเป็นแปลงผักสวนครัวของชุมชน มันเก่มากตรงที่อยู่ติดถนนใจกลางเมือง
มินิมอลสวยงามตั้งแต่ร้านแรกที่เดินถึง

ถนนเส้นเล็กๆ ที่เงียบสงบสวยงาม ด้วยต้นไม้ใหญ่รูปทรงแปลกตา

ดีไซน์เก๋ๆ ของร้านเข้ากับเชฟของต้นไม้ที่ไม่เหมือนใครของ Fujin Street
จับเพื่อนไปยินชิคๆ คูลๆ ดูหน่อย
ร้านอาหารสไตล์วินเทจสวยๆ
ร้านเสื้อผ้าแบบ selected คูลๆ
ร้านสวยๆ กับแม่บ้านชาวไต้หวัน ไลฟ์สไตล์ที่คอนทราสต์ แต่ดีต่อใจเหลือเกิน
______________________________________________________________________________
การเดินทาง : MRT Songshan Airport Station แล้วเดินมาตาม Map เรื่อยๆ ราว 10 นาที
.00 – 22.00
ค่าใช้จ่าย : -
______________________________________________________________________________
" Xiangshan Elephant Moutain "
วิวยามแสงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าจาก จุดชมวิว Xiangshan Elephant Moutain
แดดร่มลมตกก็ได้เวลาแลนด์มาร์คสุดท้ายที่เราจะพาเพื่อนๆ ไปออกกำลังกายด้วยกันหน่อยกับ Xiangshan Elephant Moutain หรือเขาช้าง จุดชมวิวใจกลางไทเปที่ทุกคนจะได้เห็นตึกไทเป 101 อย่างเต็มตา ทางขึ้นเขาช้างจะเป็นทางเดินในลักษณะขั้นบันไดถี่ๆ ไปจนสุด มีทางเดินให้เลือก 2 ทาง แต่ส่วนมากคนนิยมเดินไปทางขวา จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาทีในการเดิน เหนื่อยเอาการแต่ภาพที่ได้เห็นถือว่าคุ้มทีเดียวค่ะ
แนะนำให้ไปช่วง 4 โมงเย็นเป็นต้นไป จะกำลังเดินสบายๆ หรือจะขึ้นไปรอชมพระอาทิตย์ตกดินก็สวยไปอีกแบบ แต่ระหว่างทางลงต้องระมัดระวัง อย่าลืมติดน้ำดื่ม และยากันยุงไปด้วย ( สำหรับใครที่ขึ้นไปช่วงค่ำๆ เพราะยุงตัวใหญ่มาก!)
จาก fujin street เราเลือกนั่งรถบัสต่อไปเพราะไม่ต้องเดินไกล แถมรถบัสบ้านเขายังมาตรงเวลา สภาพจราจรก็ไม่ติดมากนัก
บรรยากาศภายในรถบัสน่านั่งมากๆ สามารถใช้ Easy card แต่เป็นค่าโดยสารได้เลยค่ะ
และบนรถบัสเขาก็มีที่ชาร์จแบตให้ด้วย โอ้วโหวสุดยอดไปเลย
ลงรถแล้วเดินมาอีกนิดก็เจอกับทางขึ้นเขาแล้วจ้า บันไดขนาดนี้เห็นแล้วก็ท้อเบาๆ
จากด้านล่างก็สามารถมองเห็นตึกไทเป 101 ได้แล้วละค่า
______________________________________________________________________________
การเดินทาง : MRT Xiangshan Station Exit 2
ค่าใช้จ่าย : -
______________________________________________________________________________
" X
imending "
ximending คือย่านช้อปวัยรุ่นขนาดใหญ่ ฟิลเหมือนเมียงดงของเกาหลีประมาณนั้นเลยค่ะ เราจึงเลือกพักกันที่ย่านนี้เพราะกลับดึกก็ยังคึกคัก มีของกินตลาดเวลาไม่ต้องกลัวหิวตาย สำหรับ ximending ก็มีของให้ช้อปมากมายทั้งเครื่องสำอาง รองเท้าผ้าใบ ขนมนมเนย แบบมาที่เดียวครบ บอกเลยว่าเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ม้ากกกกก เดินสามวันก็ยังไม่หมด
ย่านนี้จะคึกคักตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ยาวไปจนห้าทุ่ม นอกจากร้านขายของทั่วไปแล้วก็ยังมีช็อปแบรนด์ดังใหญ่ๆ หลายแบรนด์มากๆ
ช้อป Adidas ยิ่งใหญ่อลังการ ที่สำคัญมีผู้ชายของเราล้วยยย
น้องๆ มายืนเรียงกันแบบนี้เป็นการมายืนประชาสัมพันธ์กิจกรรมของตัวเองนะคะ ไม่ได้มายืนจิตอาสาแบบบ้านเรา ฮ่าๆ
นอกจากช้อปปิ้งแล้วมา ximending ก็มาเพื่อกินนี้ล่ะค่ะทุกคน เพราะสตรีทฟู้ดเจ้าเด็ดที่ต้องโดนก็มารวมอยู่ที่นี้กว่าครึ่ง สาวๆ อย่างเราเดินย่านนี้ได้รองเท้าแค่คนละคู่ที่เหลือเกินแหลกบ้านแตกไปเลยเจ้าค่ะ ลองไปดูกันว่ามาที่ ximending มีอะไร recommend ว่าห้ามพลาดบ้าง ตามไปอ้วยด้วยกันเลยค่ะ
บะหมี่อาจง ขอจัดให้เป็นสตรีทฟู้ดไต้หวันที่อร่อยที่สุด เส้นหมี่ทำจากแป้งข้าว น้ำซุปจะข้นๆ รสชาติคล้ายกระเพาะปลาบ้านเรา และใส่ไส้หมูลงไปด้วยรสชาติกลมกล่อมมาก
หน้าตาร้านคนก็จะแน่นๆ แบบนี้เลยค่ะ เมื่อเจอร้าน The Face Shop แล้วก็เลี้ยวขวา เดินตรงไปอีกนิดหน่อย ก็จะเจอร้าน บะหมี่อาจง อยู่ด้านขวามือ
ไก่ทอด ' ฮอตสตาร์ ' ( Hot Star )
แม้จะเข้าไทยมาแล้ว แต่บอกเลยว่า 'ฮอตสตาร์' แบบออริจินอลที่ไต้หวันอร่อยกว่ามาก! ไก่ทอดกรอบชิ้นใหญ่แบบสามคนยังกินไม่หมด มีรสชาติของกลิ่นหม่าล่า ท้าให้ลองจริงๆ ค่ะ
ความพีคคือร้าน 'ฮอตสตาร์' (Hot Star) อยู่ไต้เคเอฟซีนี้ล่ะค่ะ อยากลองไก่ไหนก็เลือกกันดูนะคะทุกคน
เนื้อแองกัส ย่างไฟ
เนื้อแองกัสหั่นเต๋า แล้วย่างบนเตาไฟลนด้วยไฟอีกที จะมีผงปรุงรสให้เลือกเหยาะ จะมีทั้งรสสาหร่าย รส BBQ รสเผ็ด
ออกมาหน้าตาก็จะประมาณนี้ล่ะค่า
มันบดราดชีส
ใครที่ชอบกินชีสแล้วล่ะก็ต้องมาโดนร้านนี้เลยค่ะ มันบดราดชีส เขาเอามันบดชุบเกล็ดขนมปังทอด โรยหน้าด้วยไส้ต่างๆ แล้วราดด้วยชีสเยิ้มๆ ในปริมาณที่ชีสหนักมาก!
เดินตรงเข้ามาในซีเหมินติงเรื่อยๆ เลี้ยวซ้ายตรงแยก KFC เดินไปอีกนิดจะเห็นร้าน Nature Republic ขวามือ เลี้ยวขวาเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่รวมสตรีทฟู้ดเยอะๆ ไว้ ก็จะเจอร้านมันบดชีสอยู่ในนั้นด้วยค่า
น้ำแข็งใส ซานฉงเม่ย
ไต้หวันถือเป็นประเทศแรกๆ ที่เรารับวัฒนธรรมการกินน้ำแข็งเกล็ดหิมะเข้ามาเลยค่ะ มาทั้งทีต้องมาลองต้นตำรับกันที่ร้านซานฉงเม่ย มีน้ำแข็งไสรสชาติหลากหลาย จะเลือกท็อปด้วยไอศกรีม หรือผลไม้พูนๆ แบบนี้ด็ได้เลย
ชานมไข่มุก
มาถึงไต้หวันดินแดนแห่งชานมก็ต้องชิมกันหน่อย ร้านแรกที่ CoCo แม้จะเข้าไทยแล้วแต่เราก็ขอมาลองรสออริจินิลกันหน่อย ชานมที่นี่เลือกได้ทั้งปริมาณความหวาน และปริมาณน้ำแข็งเก๋มาก
อีกร้านดังที่ต้องลองคือ 50 lan อ่านว่า 50 หลัน ร้านนี้มีเมนูให้เลือกมากมาย ทั้งชานม ชาดำ ชาอู่หลง ชาเขียว ชาผลไม้ ช็อกโกแลต แถมเลือกขนาดมุกได้ด้วยว่าจะเอาเล็กหรือใหญ่ รสชาติชานมที่นี้จะไม่หวานมาก แถมแก้วใหญ่โตทุกร้าน กรี้ดมาก
ขนมแป้งชีสหลุม
เราไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรเพราะป้ายร้านมีแต่ภาษาจีน เป็นแป้งหยอดลงไปในหลุมๆ สอดไส้ให้เลือกทั้งชีส, ถั่วแดง, ครีม, ข้าวโพด เราเลือกไส้ครีมหวาน กับชีสมาลองชิมอยากบอกว่าอร่อยมากๆ
กัดไปทีชีสเยิ้มมมมมม ประมาณนี้เลยค่ะคุณ
เบเกอรี่และติ่มซำ
เบเกอรี่ที่นี่อบกันชิ้นใหญ่ หน้าตาน่าทานมากๆ
มีให้เลือกหลายแบบ ทีี่สำคัญคือกลิ่นหอมนี่ล่ะค่ะ ดีต่อใจจริงๆ
ซาลาเปาคือความดีงาม ด้วยเนื้อแป้งละเอียดนุ่มคล้ายๆ แป่งขนมถ้วยฟูดีๆ บ้านเรานี่แหละ ละลายในปากมากๆ ค่า
ขนมจีบก็ลูกโต โอ้โหวเบอร์นี้เลยค่ะ
จบทริปแล้วจ้าาาา ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ถึงตรงนี้ ( กราบแทบอก ) รีวิวจบจริงๆ สักทีกับทริปไทเปของเรา สาวๆ SistaCafe คนไหนที่กำลังมองหาประเทศที่งบจับต้องได้ แต่มีครบทั้งช้อป กิน และธรรมชาติ เชื่อสิว่าไทเปคือจุดหมายนั้นที่คุณควรไปโดน เมืองเล็กๆ ที่โครตจะครบรส ที่สำคัญราคาถูกนี้ล่ะซิสส
ลองหาแรงบันดาลใจเก็บเงินสักก้อน
แล้วเอาไปแซ่บเปิดโลกกว้างด้วยกันเถอะ!
v(≧∇≦v)三(v≧∇≦)v
Comments