1. SistaCafe
  2. 45 สถานที่ท่องเที่ยวมหัศจรรย์ ที่ไม่คิดว่าจะมีจริงในโลก

สวัสดีค่ะสาวๆ

SistaCafe

ไม่เจอบุ๊คตั้งนาน คิดถึงกันหรือเปล่าเอ่ย ?



วันนี้คอแฟชั่นอาจจะต้องผิดหวังนิดหน่อย เพราะบุ๊คเตรียมเรื่องเอาใจสาวๆ ที่ชอบท่องเที่ยวมาแบ่งปันกันค่ะ สาวๆ ที่รอชมแฟชั่นเกร๋ๆ ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปนะ เดี๋ยวบุ๊คจะหามาเสิร์ฟถึงที่เลย!



ว่าแต่สถานที่ท่องเที่ยวที่ว่าเนี่ย มันจะมหัศจรรย์ขนาดไหนน่ะเหรอ ตามบุ๊คไปเที่ยว หาคำตอบไปด้วยกันดีกว่า



Let's Go!

1. ทะเลแห่งดวงดาว มัลดีฟส์

ภาพที่เราเห็นกันอยู่นี้ เกิดขึ้นจาก

ปรากฏการณ์การเรืองแสงของแพลงก์ตอนพืช ( Bioluminescent Phytoplankton )

ซึ่งเจ้าแพลงก์ตอนพืชนี้จะปล่อยแสงออกมาเมื่อถูกแรงกระแทก ทั้งจากคลื่นทะเล หรือการกระทำของมนุษย์ ทำให้เกิดเป็นภาพบนท้องทะเลที่คล้ายกับท้องฟ้าซึ่งดารดาษไปด้วยดวงดาว



----------------------Sea of Stars, Maldives

2. ทะเลเกลือซาลาร์ เดอ อูยูนี โบลิเวีย

เป็นที่ราบเกลือที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อฝนตกลงมาขังอยู่บนพื้นที่ราบนี้ จะทำให้มันกลายเป็นผืนกระจกขนาดยักษ์ที่สะท้อนภาพของท้องฟ้าเบื้องบน



----------------------

Salar de Uyuni, Bolivia


3. อุโมงค์แห่งรัก ยูเครน

อุโมงค์รถไฟนี้ยังคงถูกใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยจะมีรถไฟซึ่งแล่นผ่าน 3 เที่ยวต่อหนึ่งวันเพื่อขนไม้ไปแปรรูปที่โรงงาน ผู้คนเชื่อกันว่า หากคู่รักที่มีจิตใจมั่นคงจูงมือกันข้ามผ่านรางรถไฟไป ความปรารถนาจะกลายเป็นจริง



----------------------

Tunnel of Love, Ukraine


4. ทะเลสาบเนตรอน แทนซาเนีย

ขึ้นชื่อว่าเป็น

ทะเลสาบแห่งความตาย

ทั้งๆ ที่ผิวหน้าซึ่งฉาบไปด้วยเกลือสีแดงนั้นดูสวยสดงดงาม ด้วยฤทธิ์กัดกร่อนของเกลือที่มีความเป็นด่างเข้มข้น ทำให้สัตว์ชนิดใดก็ตามที่ตกลงไปในทะเลสาบถูกทำลาย เนื่องจากไม่สามารถทนการกัดกร่อนของด่างในน้ำได้ แต่รูปร่างของสัตว์เหล่านั้นจะยังคงเดิมราวกับถูกสตัฟฟ์เอาไว้ เพราะเกลือเนตรอนนั้นมีส่วนช่วยถนอมร่างกาย และโซเดียมคาร์บอเนตในน้ำจะยึดเกาะตามร่างกายจนแข็งเหมือนหิน



----------------------

Lake Natron, Tanzania


5. หุบเขาแห่งความตาย ( Deadvlei ) นามิเบีย

ภาพของต้นไม้สีดำที่ยืนต้นตายอยู่ท่ามกลางเนินทรายสีส้มสดในอุทยานแห่งชาตินามิบ-นอคลุฟท์ ทำให้ภูมิทัศน์ของหุบเขาแห่งความตายดูราวกับหลุดออกมาจากรูปวาด



----------------------

Deadvlei, Namibia



6. อุโมงค์ดอกวิสทีเรีย ญี่ปุ่น

อุโมงค์ดอกวิสทีเรียของสวนคาวาจิ ฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น จัดให้เถาดอกวิสทีเรีย หรือดอกฟุจิระย้าสลับสีสันกันไปตลอดความยาวของอุโมงค์ดอกไม้ ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการชมดอกวิสทีเรียนั้นจะอยู่ในช่วงปลายเดือนเมษายน จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม และมันยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดของพืชพันธุ์ที่น่าอัศจรรรย์ที่สุดของโลกด้วย



----------------------

Wisteria Flower Tunnel, Japan



7. ถ้ำน้ำแข็งเอเบน สหรัฐอเมริกา

ถ้ำนี้ตั้งอยู่ที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ภูมิทัศน์ของถ้ำน้ำแข็งเอเบน เกิดจากการที่น้ำไหลลงจากหน้าผาที่ไม่สูงนัก แข็งตัวกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง จนทำให้ภายในมีลักษณะคล้ายถ้ำน้ำแข็งที่สวยแปลกตา เจ้าถ้ำน้ำแข็งนี้จะปรากฏให้เห็นได้เฉพาะในช่วงเดือนที่มีอากาศหนาวเท่านั้น ในช่วงฤดูร้อนของปีคุณจะได้เห็นเพียงน้ำสายเล็กๆ ที่ไหลเซาะตามหินผา



----------------------

Eben Ice Caves, USA


8. ถ้ำธารน้ำแข็ง ไอซ์แลนด์

ภูมิลักษณะภายใต้แผ่นธารน้ำแข็งอันน่าตื่นตาตื่นใจของธารน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ โพรงถ้ำขนาดมหึมาที่สะท้อนส่องไปด้วยแสงสีฟ้าอันสวยงาม



----------------------

Glacier Ice Cave, Iceland


9. ป่าดำ เยอรมนี

ลองผจญไปในป่าดำของประเทศเยอรมนี สถานที่ที่ดูราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทพนิยายต่างหากล่ะ ที่ดึงเอาลักษณะของป่าดำไปใช้ในการเขียนบรรยายฉากป่าอันน่าสะพรึงกลัว ตัวอย่างที่เห็นได้ไม่ใกล้ไม่ไกล ฉากป่าใน

หนูน้อยหมวกแดง ( Little Red Riding Hood )

ของ

พี่น้องกริมม์ (Grimm's Brothers)

ล้วนนำเอาสภาพของป่าดำไปเขียนทั้งสิ้น



----------------------

Black Forest, Germany


10. ลากูนา ซาลาดา เดอ เทอรีวีจา สเปน

ทะเลสาบน้ำเค็มที่แบคทีเรียในน้ำเป็นตัวสร้างให้เกิดสีชมพูขึ้น ตั้งอยู่ใน Natural Park of the Lagoons of Mata and Torrevieja ประเทศสเปน



----------------------

Laguna Salada de Torrevieja, Spain


11. ต้นเลือดมังกร เยเมน

บริเวณเกาะ โซโคตรา (Socotra) ของเยเมน คุณจะได้พบเจอกับพืชที่แสนแปลกตาชนิดนี้ โดยชื่อของ

ต้นเลือดมังกร

นั้นได้มาจากการที่น้ำยางของมันมีสีแดงสด



--------


--------------

Dragon Trees, Yemen



12. ถ้ำของหนอนเรืองแสง นิวซีแลนด์

หนอนเรืองแสง

Arachnocampa Luminosa

นี้มีเฉพาะในนิวซีแลนด์ เจ้าสัตว์จิ๋วเรืองแสงนับพันๆ ตัวนี้ช่วยส่องแสงนำทางให้กับการสำรวจเชิงโบราณคดี และธรณีวิทยาในถ้ำแห่งนี้แก่มนุษย์



-


-------


--------------

Glowworm Caves, New Zealand



13. Blue Lagoons ไอซ์แลนด์

บลู ลากูน เป็นบ่อน้ำแร่ภูเขาไฟที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 37 - 39 องศาเซลเซียส นอกจากบรรยากาศที่งดงามแล้ว บ่อน้ำแร่ยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุนานาชนิด เช่น ซิลิคอน กำมะถัน ช่วยเรื่องผิวพรรณ และรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้



-


-------


--------------

Blue Lagoon, Iceland


14. ถ้ำหินอ่อน ชิลี

ถ้ำหินอ่อน หรือ

Cuevas de Mármol

ตั้งอยู่บริเวณแหลมหินอ่อนที่ยื่นไปในทะเล โดยสีสันของพื้นผิวจะแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาต่างๆ ของปี และระดับน้ำที่ขึ้นสูงหรือลงต่ำ ซึ่งสถานที่มหัศจรรย์นี้สามารถเข้าไปถึงได้ด้วยการนั่งเรือเท่านั้น



-


-------


--------------

Marble Caves, Chile


15. เนินทรายสีขาว เยเมน

เกาะโซโคตราของเยเมน ยังมีสภาพภูมิประเทศที่แปลกตาอยู่อีก นั่นคือ เนินทรายสีขาวที่ขาวบริสุทธิ์เสียจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง



-


-------


--------------

White Sand Dunes, Yemen


16. ผืนดินสีรุ้งแห่งชามาเรล มาริเชียส

การที่ผืนดินกลายเป็นสีรุ้งเป็นผลอันเนื่องมาจากการเย็นตัวลงที่อุณหภูมิแตกต่างกันของหินหลอมเหลวที่ไหลล้นออกมาจากภูเขาไฟ



-


-------


--------------

Seven Colored Earth of Chamarel, Mauritius


17. ถ้ำฟิงกอล สกอตแลนด์

ถ้ำทะเลแถบสก็อตแลนด์นี้ ประดับประดาไปด้วยแท่งหินบะซอลต์ที่อยู่ในรูปหกเหลี่ยม ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของภูเขาไฟ ชื่อภาษาแกลลิกของมันมีความหมายว่า

ถ้ำที่มีท่วงทำนอง

แต่โดยลักษณะที่คล้ายกับโบสถ์เก่าแก่ แล้วทำให้มันดูน่าขนลุกอย่างบอกไม่ถูก



-


-------


---------


-----

Fingal's Cave, Scotland



18. ป่าต้นไผ่ อาราชิยามะ ญี่ปุ่น

อยู่ในเมืองเกียวโต เขตอาราชิยามะ ประเทศญี่ปุ่น ป่าไผ่นี้มีชื่อว่า

ซะงะโนะ ชิกุริง

เป็นหนึ่งในป่าไผ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นและของโลก โดยตลอดสองข้างทางเดินยาว 500 เมตรนั้น เต็มไปด้วยต้นไผ่ที่สูงถึง 15 เมตร เรียงรายกันอย่างแน่นขนัด



-


-------


---------


-----

Arashiyama Bamboo Grove, Japan



19. ภูเขาไฟเคลิมูตู อินโดนีเซีย

ความน่าสนใจของภูเขาไฟนี้อยู่ที่ทะเลสาบซึ่งอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ โดยความพิเศษของมันคือจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ตลอดเวลา ทำให้เกิดภาพที่แปลกตา หากถ่ายรูปติดต่อกันสัก 5 - 10 นาที

20. ทรอลล์สติเกิน นอร์เวย์

เจ้าเส้นทางคดเคี้ยวเหมือนงูที่เราเห็นกันอยู่นี้เป็นส่วนหนึ่งของเขตถนนนอร์เวย์ สาย 63 ที่คดเคี้ยวไปมาอยู่ระหว่างหุบเขาของเขต


Møre og Romsdal ในประเทศนอร์เวย์ ถนนสายนี้จะถูกปิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวของทุกปี แต่ระยะเวลาในการปิดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ



-


-------


---------


-----

Trollstigen, Norway


21. ปามุกกาเล ตุรกี

ชื่อ

ปามุกกาเล

นั้นเป็นชื่อท้องถิ่นของตุรกีซึ่งแปลว่า

ปราสาทฝ้าย

สถานที่นี้ตั้งอยู่แถบตะวันตกเฉียงใต้ของตุรกี ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นเหมือนกับขั้นบันไดสีขาว เรียงซ้อนกันจนดูเหมือนปราสาท ทำให้ได้รับการตั้งชื่อท้องถิ่นว่า ปราสาทฝ้าย โดยลักษณะทางธรณีวิทยาที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการไหลของน้ำ ซึ่งทิ้งแร่คาร์บอเนตไว้จนกลายเป็นผืนผ้าใบสีขาว ส่งให้น้ำสะท้อนสีฟ้าของฟ้าออกมาได้อย่างเจิดจ้า



-


-------


---------


-----

Pamukkale, Turkey


22. โอเอซิสฮัวคาชินา เปรู

เวลาอ่านนิยายที่มีฉากหลังเป็นทะเลทราย และคณะเดินทางมาพบเข้ากับโอเอซิส เราอาจจะนึกภาพนั้นเป็นเหมือนเรื่องในจินตนาการ แต่ที่ ฮัวคาชินา ประเทศเปรู ภาพฝันนั้นคือเรื่องธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นจริง และชาวเมืองใช้ชีวิตอยู่กันตามปกติอย่างนี้มานานแล้ว



-


-------


---------


-----

Huacachina Oasis, Peru


23. เดอะ แกรนด์ แคแนล อิตาลี

จะมีที่ไหนโรแมนติกไปกว่าเวนิส เมืองแห่งน้ำและการล่องเรือกอนโดลา สายลมที่พัดผ่านผิวน้ำช่างเย็นฉ่ำชื่นใจในช่วงฤดูร้อน หากได้เอนหลังลงในเรือสักลำ และปล่อยให้ฝีพายพาไปรอบๆ เมือง เราอาจจินตนาการว่าตัวเองเป็นตัวเอกจากวรรณกรรมเลื่องชื่อสักเรื่องก็เป็นได้



-


-------


--


-------


-----

The Grand Canal, Italy



24. เปตรา จอร์แดน

นครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาของประเทศจอร์แดน ซึ่งแต่เดิมเป็นนครการค้าขนาดใหญ่ แต่ถูกทิ้งให้รกร้างมาเป็นเวลากว่า 700 ปี นครเปตราได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก และได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนโดยผู้คนทั่วโลก



-


-------


--


-------


-----

Petra, Jordan



25. ชาโตว์ เดอ ชิลลอง สวิตเซอร์แลนด์

ปราสาทที่อยู่ในภาพดูราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย สถานที่ตั้งของปราสาทหลังนี้นั้นอยู่บนเกาะในทะเลสาบเจนีวา ถ้านับตามจุดประสงค์การสร้างแล้วก็เหมือนกับป้อมปราการที่อยู่บริเวณจุดผ่านแดนของเทือกเขาอัลไพน์ ทั้งยังเคยใช้เป็นเรือนจำชั่วคราวด้วย



-


-------


--


-------


-----

Chateau de Chillon, Switzerland


26. จันทร์เบารี อินเดีย

บันไดแคบๆ 3,500 ขั้นอาจทำให้คุณตาลาย แต่ถ้ามองในแง่ของสถาปัตยกรรมแล้ว เหมือนกับสถานที่แห่งนี้พาเราหลุดเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์เกี่ยวกับโลกยุควิทยาการโบราณรุ่งเรืองทีเดียว



-


-------


--


-------


-----

Chand Baori, India


27. ประตูนรก เติร์กเมนิสถาน

เป็นหลุมแก๊สขนาดมหึมา ซึ่งในตอนแรกนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า การจุดไฟจะทำให้แก๊สเหล่านี้สลายไป และไฟคงจะดับลงในไม่ช้า ซึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้มีการจุด ไฟยังคงเผาไหม้แก๊สเบื้องล่างมาตลอด และยังไม่มอดดับจนถึงปัจจุบัน



-


-------


--


-------


-----

Door to Hell, Turkmenistan


28. ชิงช้าที่สุดขอบโลก เอกวาดอร์

อยากลองหาแรงบันดาลใจ และไฟในชีวิตงั้นเหรอ คุณต้องลองมาที่เอกวาดอร์ และโล้เจ้าชิงช้าตัวนี้ เพื่อสูดบรรยากาศที่มุมสูง เมื่อมองลงไปจะพบกับทุ่งหญ้าและป่าไม้เบื้องล่าง ระยะห่างแค่ 2,660 เมตรกว่าๆ แค่นั้นเอง



-


-------


--


-------


-----

Edge of the World Swing, Ecuador


29. เดดซี อิสราเอล 42

เป็นทะเลสาบเกลือในแผ่นดินที่ลึกที่สุดของโลก ความเข้มของระดับเกลือในทะเลสาบเข้มข้นเสียจนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถอาศัยอยู่ได้ เหมือนกับชื่อของมัน

ทะเลแห่งความตาย

และเนื่องจากความหนาแน่นของน้ำที่สูงมาก การว่ายน้ำในทะเลสาบแห่งนี้จึงเหมือนการลอย มากกว่าการว่ายไปเรื่อยๆ



-


-------


--


-------


-----

Dead Sea, Israel



30. ซานโตรินี กรีซ

ภูมิทัศน์ของซานโตรินีเกิดขึ้นหลังจากภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิดเป็นเกาะที่มีหน้าผาซ้อนลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ รายล้อมไปด้วยทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่ติดกับทะเลอีเจียน เมื่อรวมกับสิ่งก่อสร้างที่มีลักษณะเฉพาะเป็นเอกลักษณ์แล้ว ก็ทำให้เกาะนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในใจของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว



-


-------


--


-------


-----

Santorini, Greece



31. แกรนด์ ปริซึเมติก สปริง ไวโอมิง สหรัฐอเมริกา

ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเยลโลวสโตน สหรัฐอเมริกา เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ และเป็นที่รู้จักจากสีสันอันเปล่งประกายสดใสของน้ำ



---------------------------------Grand Prismatic Spring, Wyoming


32. แสงเหนือ อลาสกา

แสงเหนือ

( อาจเรียกว่าแสงใต้ ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิด ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ

ลำแสงออโรรา

สามารถจะพบเห็นได้ในพื้นที่แถบอาร์กติก และแอนตาร์กติก ลำแสงออโรรานั้นเกิดขึ้นจากการที่พายุสุริยะพัดมารบกวนชั้นบรรยากาศแมกนีโตสเฟียร์ของโลก



---------------------------------Northern Lights, Alaska


33. หุบเขาแอนติโลป สหรัฐอเมริกา

อยู่ในบริเวณเขตของอินเดียนแดงเผ่านาวาโฮ เมืองเพจ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ช่างภาพนิยมเข้ามาถ่ายภาพ โดยภาพถ่าย ภาพหนึ่งที่ถ่ายจากหุบเขาแอนติโลป ได้ถูกประมูลไปในราคาแพง และถือว่าเป็นการประมูลภาพถ่ายที่ได้ราคาสูงที่สุดในโลก



---------------------------------Antelope Canyon, USA


34. น้ำตกฮาวาสุ สหรัฐอเมริกา

นอกจากแกรนด์ แคนยอน จะมีภูมิลักษณะอันน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในความแข็งแกร่งดั่งป้อมปราการตามธรรมชาตินั้นด้วย นั่นคือ

น้ำตกฮาวาสุ

ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนของอินเดียนแดงเผ่าฮาวาสุไป



---------------------------------Havasu Falls, USA


35. ทะเลสาบไบคาล รัสเซีย

ภูมิประเทศที่เป็นทุ่งน้ำแข็งนี้ คือ ทะเลสาบไบคาล ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ไซบีเรีย น้ำที่แข็งตัวเป็นแท่งน้ำแข็งสีฟ้า ก่อให้เกิดความงดงามแปลกตา สลับสีสันกับหิมะสีขาวบริสุทธิ์



---------------------------------Lake Baikal, Russia


36. แคปปาโดเชีย ตุรกี

อยู่ในภูมิภาคตอนกลางของตุรกี มีภูมิลักษณะเป็นภูเขาหินแท่งคล้ายหอคอย เคยเป็นศูนย์กลางของชาวฮิตไทท์ มีการเจาะช่องในหินผาเหล่านี้ และลึกลงไปยังใต้ดิน ก่อเกิดเป็นเครือข่ายเมืองขนาดใหญ่ ราวกับเราเข้าไปอาศัยในรังผึ้ง ถือได้ว่าเป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงศาสนา



---------------------------------Cappadocia, Turkey



37. โทรลล์ทังกา นอร์เวย์

ดูเหมือนชาวนอร์เวย์จะรักในโทรลล์ ( ตามตำนานแล้วคือยักษ์ชนิดหนึ่ง ) ของพวกเขามาก แหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติ และสร้างด้วยมนุษย์หลายแหล่งจึงมักจะมีคำว่า

โทรลล์

ประกอบอยู่ในชื่อด้วย ซึ่งเจ้าโทรลล์ทังกานี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น

โทรลล์

หมายถึง โทรลล์ ส่วน

ทังกา

หมายถึง

ลิ้น

ถ้าดูตามภูมิลักษณะแล้ว เจ้าผาที่ยื่นออกไปนี้ก็มีลักษณะเหมือนลิ้นของยักษ์จริงๆ นั่นล่ะ!



---------------------------------Trolltunga, Norway


38. ถ้ำคริสตัล เม็กซิโก

หากคุณได้เข้าไป คงจะสงสัยว่าตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งคริสตัล! ถ้ำแห่งนี้เต็มไปด้วยแท่งคริสตัลที่ใหญ่ยักษ์ และเนื่องจากมันเป็น

ถ้ำเป็น

( หมายถึง ถ้ำที่หินยังเติบโตได้ หากเป็นถ้ำหินงอกหินย้อย หินงอกหินย้อยนั้นก็ยังคงโตและเพิ่มขนาดต่อไปได้เรื่อยๆ ) อุณหภูมิภายในถ้ำจึงร้อนระอุ และอาจสูงได้ถึง 58 องศาเซลเซียส !



---------------------------------Cave of the Crystals, Mexico


39. คาโน คริสเทลส์ โคลัมเบีย

เรียกกันอีกชื่อว่า

แม่น้ำห้สี

ซึ่งเกิดจากพืชใต้น้ำจำพวกมอสส์ และสาหร่ายที่ขึ้นปกคลุมโขดหินที่เป็นแผ่นซ้อนกันอยู่ใต้ผิวน้ำ ซึ่งสีสัน และความงามจะแตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพอากาศ



---------------------------------

Caño Cristales, Colombia


40. ทุ่งดอกคาโนล่า จีน

ในมณฑลลั่วผิง ประเทศจีน มีการปลูกคาโนล่า หรือที่รู้จักกันในชื่อ เรปซีด เป็นพืชพันธุ์ทางการเกษตรบนทุ่งกว้างขนาดใหญ่ เมื่อดอกสีเหลืองของคาโนลาบานสะพรั่ง ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ที่สวยงามตระการตา



---------------------------------Canola Field, China


41. อิค คิล ซิโนเต้ เม็กซิโก

ซิโนเต้

เป็นชื่อเรียกของปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการที่พื้นที่ซึ่งเป็นหินถล่มยุบลงไปเป็นรูขนาดใหญ่ ซึ่งเจ้า อิค คิล ก็เป็นหนึ่งในซิโนเต้หลายแห่งที่พบในเม็กซิโก ด้วยภูมิลักษณ์ที่สวยงามด้านล่าง ทำให้มันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้อย่างง่ายดาย



---------------------------------Ik Kil cenote, Mexico


42. ขั้นบันไดไฮคุ ฮาวาย

หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ

บันไดสู่สวรรค์

ประกอบไปด้วยขั้นบันไดกว่า 3,922 ขั้น และวิวทิวทัศน์ที่มองจากด้านบนนั้นราวกับสรวงสวรรค์ทีเดียว



---------------------------------Haiku Stairs, Hawaii



43. ขุนเขาโรไรมา อเมริกาใต้

เป็นภูเขาที่ตั้งอยู่บนเขตแดนของ 3 ประเทศ ได้แก่ บราซิล เวเนซูเอลา และกายอานา เอกลักษณ์ที่ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าทึ่งคือ ความใหญ่โต และยอดที่เป็นหน้าตัดราบ เมื่อมองลงมายังพบกับทะเลหมอก ทะเลเมฆที่ลอยเรี่ยอยู่โดยรอบ โอย สวรรค์ น่าไปอะไรขนาดนี้!





---------------------------------Mount Roraima

, South America


44. อ่างแชมเปญ นิวซีแลนด์

เป็นบ่อน้ำร้อนที่เกิดจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้โลก หรือ

จีโอเธอร์มอล

สิ่งที่ทำให้มันได้รับชื่อว่า

อ่างแชมเปญ

นั้น เกิดจากการที่แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ผุด และทะลักออกบริเวณผิวหน้าอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนแชมเปญที่อยู่ในแก้ว



---------------------------------Champagne Pool, New Zealand


45. ป้อมชิตโตการ์ท อินเดีย

เป็นหนึ่งในป้อมขนาดใหญ่ของอินเดีย ป้อมนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก หากมองจากมุมเดียวกับรูป ลักษณะของป้อมดูคล้ายกับศิลปกรรมทางตะวันตกมาก น่าทึ่งที่ป้อมอันสวยงามนี้ตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ใกล้บ้านเรานี่เอง



---------------------------------Chittorgarh Fort, India



เป็นยังไงกันบ้างคะ อยากไปแล้วใช่ไหมล่ะ แต่บุ๊คต้องขอเขย่าแขนสาวๆ ไว้ก่อนนะคะ เพราะว่านี่เป็นแค่สถานที่สวยๆ 45 ที่ จาก 83 ที่เท่านั้น บุ๊คจะเอามาลงทั้งหมดคงไม่ไหว ถ้าสาวๆ อยากดูสถานที่อื่นๆ ก็ลองเข้าไปตามลิงค์ข้างล่างนี้เลย




บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1