รูปภาพ:

วันนี้ขอจะขอแชร์เรื่องราวของตัวเอง ที่เมื่อก่อนเรียกได้เลยว่าเป็นคนวงใน วงอะไร..ก็แวดวงคนเป็นสิวน่ะสิ เข้าแล้วออกยากมากๆ เลยต้องเข้าคลินิกไปกดสิว ทายา กินยาตามหมอสั่งมาหลายปี เลยคิดว่าต้องพอสักที ( เพราะถ้าหยุดหาหมอก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ) จนตอนนี้อายุก็เลยช่วงวัยรุ่นแล้ว ใกล้เลข 30 แล้ว เลยอยากพวกสกินแคร์มาดูแลผิวเอง และก็พบว่ามันเวิร์คมากๆ หน้าดีกว่าเมื่อก่อนมาก จะมีสิวอักเสบบ้างก็ช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนเท่านั้นเองซึ่งสกินแคร์ที่เราใช้ ไม่ได้เลือกเฉพาะสูตรที่ควบคุมสิวทั้งหมดนะ ไม่อย่างนั้นผิวหน้าของเราจะแห้งเกินไป คือทุกอย่างมันต้อง Balance กัน ไม่ว่าจะเป็นตัวที่ช่วยเรื่องสิว ความชุ่มชื่น ผิวหน้าแข็งแรง ผิวจะได้อยู่จุดกึ่งกลาง ไม่แห้ง ไม่มัน สิวก็ไม่มา ซึ่งหลักๆ เราจะดูพวกที่ไม่มีสารที่ก่อเกิดการแพ้และสิว / เหมาะกับผิวแพ้ง่าย / ไม่มีน้ำมัน / ช่วยคุมมัน / และสุดท้ายช่วยปรับสมดุลผิว

เริ่มที่เซ็ตแรก เป็นเซ็ตที่ดูแลในเรื่อง “ทำความสะอาดผิวหน้า”

รูปภาพ:

ตัวเช็ดเครื่องสำอาง เราเลือกใช้เป็น[Purevivi Cleansing Lotion]เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นแบบน้ำ ชอบเพราะไม่ทำให้หน้ามัน ไม่อุดตัน ไม่ทำให้แห้ง และเค้าเป็นสูตรสำหรับผิวบอบบาง ไม่ทำให้แสบหน้า ไม่แสบตา และเช็ดได้สะอาดหมดจดมากๆ ส่วนราคาคุ้มกับปริมาณดีงาม

ขั้นตอนต่อมา ก็มาล้างหน้ากันค่ะ เราใช้เป็น[Neutrogena Deep Clean Foaming Cleanser]เป็นโฟมล้างหน้าที่ล้างได้สะอาดดี แต่หลังล้างจะรู้สึกว่าหน้าเอี๊ยดไปหน่อย เราเลยคิดว่ามันอาจจะช่วยในเรื่องควบคุมความมันอย่างที่เค้าเคลมไว้ ( ตัวนี้เลยเหมาะกับผิวหน้ามันอย่างเรา คนที่ผิวแห้ง หรือไม่ชอบความเอี๊ยด แนะนำให้ใช้แบบโฟมไม่มีฟองน่าจะเหมาะกว่าค่ะ )

และตบท้ายด้วยโทนเนอร์ของ[Eucerin Dermo Purifyer Toner]ตัวนี้นอกจากจะเช็ดเพื่อทำความสะอาดอีกรอบแล้ว ยังเหมือนเป็นตัวที่ช่วยฆ่าเชื้อพวกสิวอุดตันได้ดีด้วยนะ รู้สึกว่าสิวต่างๆ ลดลง

รูปภาพ:

หน้าสะอาดกริ๊งแล้ว ก็มาต่อ “เซ็ตดูแลผิวหน้า เช้า – เย็น”

รูปภาพ:

***ขอบอกว่าคนที่กลัวเป็นสิว ผิวหน้ามัน พยายามเลี่ยงสกินแคร์ที่เป็นเนื้อครีมหนักๆ เพราะไม่งั้นมันจะยิ่งทำให้หน้ามัน และก่อให้เกิดสิวอุดตันได้ง่าย***

ซึ่งขั้นตอนแรกของการบำรุงเราเลยใช้เป็นน้ำตบ[SK-II Facial Treatment Essence]ตัวนี้มันจะช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่าง ลดความมันบริเวณทีโซน และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นได้ดีอีกด้วย เรารู้สึกได้ว่าใช้ตัวนี้แล้วผิวแดงๆ ที่เจอหลังตื่นนอนลดน้อยลง อาจจะเพราะเค้าช่วยเรื่องขาวใสด้วยนิดนึงต่อด้วย[Estee Lauder Advanced Night Repair]กลิ่นมันค่อนข้างเอาเรื่องอยู่ แต่ใช้ไปสักพักก็ชิน ที่เลือกใช้ตัวนี้เพราะอยากได้เซรั่มที่ช่วยในเรื่องของริ้วรอยด้วย บวกกับอยากได้เรื่องความแข็งแรงของผิว เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการแพ้ได้ง่าย และหลังใช้ตัวนี้ ก็รู้สึกได้ว่าผิวชุ่มชื่น แข็งแรงขึ้น สิวขึ้นน้อยลง หน้ากระจ่างใสขึ้น ส่วนริ้วรอยค่อยๆ เริ่มเห็นผลแล้วทีละนิดๆ แต่ราคาก็แรงอยู่ตัวนี้ อาจจะต้องนอนคิดสัก 3 คืน ก่อนตัดสินใจซื้อและตัวที่สำคัญขาดไม่ได้เลย คือครีมกันแดด ถ้าเลือกผิดชีวิตผิวหน้าเปลี่ยนนะ เพราะกันแดดหลายตัวทำให้หน้าเยิ้ม หน้ามัน หน้ามีสิวอุดตันเพียบเลยนะ เราเลยเลือกใช้ตัวที่เซฟผิวเราได้ที่สุด เคลมในเรื่องปลอดภัย ไม่แพ้ ผิวอ่อนแอใช้ได้[Smooth E Physical Sunscreen White Extra Fluid SPF 50+ PA+++]เป็นครีมกันแดดเวชสำอาง ที่คุณหมอแนะนำ ชนิดที่ไม่ใช้สารเคมี 100% ที่ไม่ทิ้งสารตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดสิว ไม่มีน้ำมัน ไม่มีแอลกอฮอล์ และตัวนี้เค้าปรับสูตรมาใหม่เนื้อบางเบากว่าเดิม เหมาะมากกับคนหน้ามัน เป็นสิวอย่างเรา

รูปภาพ:

ถึงจะดูแลผิว ปราบสิวได้อยู่หมัด แต่ในวันมามาก(ปจด.) ก็ไม่มีอะไรต้านทานได้

เลยต้องมี “เซ็ต SOS แต้มให้สิวยุบ”

รูปภาพ:

เราจะใช้เป็น 2 ตัวสลับๆ เป็นสเต็ปแบบนี้นะคะ เลือกทำวิธีไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก วิธีที่ 1 : คือช่วงที่สิวกำลังปูดๆ เราจะหยิบCLINDA-Mมาแต้ม เช้า-เย็น 1 วัน แล้วหยุด และมาหยิบตัวSMOOTH E Acne Hydrogelแต้มต่อเรื่อยๆ จนสิวยุบ ที่ทำแบบนี้เพราะเคยใช้ CLINA-M เดี่ยวๆ แต้มทุกวัน

ผลปรากฏว่าผิวตรงนั้นดำคล้ำและแสบไปเลย ( อาจจะแรงไปสำหรับทาทุกวัน ) แต่พอเปลี่ยนมาทำวิธีนี้แล้วเวิร์ค เพราะตัว SMOOTH E ช่วยให้สิวยุบไว แต่ไม่เกิดการระคายเคือง / วิธีที่ 2 : ทาสลับๆ กันไป วันเว้นวัน / วิธีที่ 3 : ใช้ตัว SMOOTH E อย่างเดียวทุกวัน

จบครบกระบวนท่าสำหรับการดูแลผิว จากผู้หญิงที่อยู่สังคมคนเป็นสิว ที่หลุดพ้นมาเป็นคนผิวหน้าปกติอย่างคนทั่วไปเค้าได้แล้ว และใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ อย่าเพิ่งท้อนะคะ ต้องอย่าบีบ อย่าแคะ อย่าแกะ และลองเปลี่ยนสกินแคร์ให้เหมาะกับผิวหน้า หรือมองหาพวกที่เขียนว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือเหมาะกับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่ายอะไรเทือกนี้ ก็ช่วยได้เยอะแล้วค่า เป็นกำลังใจให้นะคะทุกคน