ถ้าจะพูดถึง Biore ( บิโอเร ) คิดว่าหลายๆ คนก็คงรู้จักกันมานานแล้ว
เพราะผลิตภัณฑ์ของเค้ามีมานานมากกกก
ว่าง่ายๆ คือตั้งแต่เราเริ่มโตเป็นสาวมา ก็เห็นแบรนด์เนี้ยอยู่ตามห้างสรรพสินค้า
เห็นโฆษณาทางทีวีมาโดยตลอด และแน่นอน เราก็เคยใช้บิโอเรมานานมากแล้วเหมือนกัน

เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของบิโอเรนะ
ใช้มาตั้งแต่สมัยที่มีโฟมล้างหน้าไม่กี่สูตร แพ็กเกจดูเรียบๆ โฟมสครับยังเป็นแบบเม็ดใหญ่ๆ
จนปัจจุบันนี้ บิโอเรมีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากๆ ตั้งแต่โฟมล้างหน้าธรรมดา
โฟมล้างหน้าดีท็อกซ์ โฟมล้างเครื่องสำอาง คลีนซิ่งแบบน้ำ แบบน้ำนม แบบออยล์
กันแดดทาผิวหน้า กันแดดทาตัว และอื่นๆ อีกเพียบ
เยอะแยะม๊ากกกกกกก
ใช้มาตั้งแต่สมัยที่มีโฟมล้างหน้าไม่กี่สูตร แพ็กเกจดูเรียบๆ โฟมสครับยังเป็นแบบเม็ดใหญ่ๆ
จนปัจจุบันนี้ บิโอเรมีผลิตภัณฑ์หลากหลายมากๆ ตั้งแต่โฟมล้างหน้าธรรมดา
โฟมล้างหน้าดีท็อกซ์ โฟมล้างเครื่องสำอาง คลีนซิ่งแบบน้ำ แบบน้ำนม แบบออยล์
กันแดดทาผิวหน้า กันแดดทาตัว และอื่นๆ อีกเพียบ
เยอะแยะม๊ากกกกกกก
ซึ่งวันนี้ เราจะขอมาพูดถึงโฟมล้างเครื่องสำอางกันก่อน
เพราะได้ข่าวว่าเค้าออกรุ่นใหม่มา เป็นแบบมี Micellar ด้วยนะเอ้อ
ตัวเราเองเห็นแล้วตื่นเต้นมาก เพราะส่วนตัวใช้สูตรเก่าอยู่
คือ Biore 2 in 1 Makeup Remover Foam
Bright & Soft Skin
ซึ่งเจ้าตัวนี้มันจะมีสูตรเดียว คือสูตรผสม Hyaluronic Acid และ Royal Jelly
เราใช้มานานมาก เกิน 10 หลอดอีกบอกเลย
วิธีใช้ของเราคือวันไหนขี้เกียจมาก หรือแต่งหน้ามาเบาๆ เราจะใช้ตัวนี้ล้างหน้าอย่างเดียวเลย
แต่ส่วนมากแล้ว เราจะใช้คลีนซิ่งแบบน้ำเช็ดเครื่องสำอางก่อน
แล้วใช้ตัวนี้ล้างอีกรอบ เพื่อความมั่นใจว่าหน้าสะอาดแน่นอน
เพราะมันเป็นโฟมที่มีเมคอัพรีมูฟเวอร์ผสมอยู่ด้วยนั่นเอง
เพราะได้ข่าวว่าเค้าออกรุ่นใหม่มา เป็นแบบมี Micellar ด้วยนะเอ้อ
ตัวเราเองเห็นแล้วตื่นเต้นมาก เพราะส่วนตัวใช้สูตรเก่าอยู่
คือ Biore 2 in 1 Makeup Remover Foam
Bright & Soft Skin
ซึ่งเจ้าตัวนี้มันจะมีสูตรเดียว คือสูตรผสม Hyaluronic Acid และ Royal Jelly
เราใช้มานานมาก เกิน 10 หลอดอีกบอกเลย
วิธีใช้ของเราคือวันไหนขี้เกียจมาก หรือแต่งหน้ามาเบาๆ เราจะใช้ตัวนี้ล้างหน้าอย่างเดียวเลย
แต่ส่วนมากแล้ว เราจะใช้คลีนซิ่งแบบน้ำเช็ดเครื่องสำอางก่อน
แล้วใช้ตัวนี้ล้างอีกรอบ เพื่อความมั่นใจว่าหน้าสะอาดแน่นอน
เพราะมันเป็นโฟมที่มีเมคอัพรีมูฟเวอร์ผสมอยู่ด้วยนั่นเอง

มาพูดถึงสูตรใหม่กันบ้าง
Biore Speedy Micellar Cleansing
มีด้วยกันทั้งหมด 3 สูตรเลยทีเดียว
สูตรสีชมพู Moisture Soft ( เนื้อครีม ผิวนุ่มชุ่มชื้น )
สูตรสีเขียว Acne Care ( เนื้อเจล ผิวใสไม่มีสิว )
สูตรสีม่วง Bright Up ( เนื้อเจลสครับ ผิวกระจ่างใส )
และเราเลือกสูตรสีม่วง Bright Up มาลองค่ะ
เพราะเราแอบดูแล้ว สูตรสีชมพู ตัวบำรุงหลักๆ เค้าเหมือนสูตรเก่าเลยค่ะ
คือ Hyaluronic Acid และ Royal Jelly
เอาจริงตอนแรกที่เลือกมา ก็กังวลนะว่าเม็ดสครับมันจะใหญ่ไหม
จะบาดหน้าหรือเปล่า แต่เอาวะ ลองดูก็ได้ 5555

จากที่เราลองใช้กับหน้า เรารู้สึกว่าสูตรใหม่ล้างเครื่องสำอางได้ดีกว่า
ซึ่งเราลองโดยการล้างหน้าฝั่งนึงด้วยสูตรเก่า ( 2 in 1 )และล้างอีกฝั่งด้วยสูตรใหม่ ( Micellar )
เรื่องการล้างแป้ง บลัชออน มันออกเหมือนกันหมดนะคะ
แต่สูตรใหม่ล้างที่เขียนคิ้วแบบน้ำที่เราใช้ออกได้ดีกว่า
( เราใช้ Browit By Nongchat ค่ะ )
และที่เรากังวลว่าสครับจะใหญ่ หรือบาดผิวไหม
จากที่ลองมา ไม่เป็นเลยค่ะ เนื้อมันละเอียดมาก
ละเอียดจนบางทีสงสัยว่านี่มีสครับจริงป่าวเนี่ย 555
ซึ่งเราลองโดยการล้างหน้าฝั่งนึงด้วยสูตรเก่า ( 2 in 1 )และล้างอีกฝั่งด้วยสูตรใหม่ ( Micellar )
เรื่องการล้างแป้ง บลัชออน มันออกเหมือนกันหมดนะคะ
แต่สูตรใหม่ล้างที่เขียนคิ้วแบบน้ำที่เราใช้ออกได้ดีกว่า
( เราใช้ Browit By Nongchat ค่ะ )
และที่เรากังวลว่าสครับจะใหญ่ หรือบาดผิวไหม
จากที่ลองมา ไม่เป็นเลยค่ะ เนื้อมันละเอียดมาก
ละเอียดจนบางทีสงสัยว่านี่มีสครับจริงป่าวเนี่ย 555

สูตรเก่า ( 2 in 1 ) กับสูตรใหม่ ( Micellar ) ปริมาณสุทธิเท่ากันนะคะ ที่ 90 กรัม
ขนาดหลอดก็เท่ากัน แพ็กเกจจิ้งเหมือนกันหมด ต่างกันแค่เปลี่ยนฉลากแค่นั้นเอง

เราจะให้ดูพลังการทำความสะอาดโดยถ่ายจากหน้าเราก็ไม่ถนัด
ขอทดสอบให้ดูที่แขนแล้วกันนะคะ
โดยเราจะทดสอบด้วย รองพื้น แป้งผสมรองพื้น อายไลเนอร์ และที่เขียนคิ้วค่ะ
ซึ่งทุกชิ้นที่เราเลือกมานั้นกันน้ำทั้งหมดนะคะ
รายการที่เลือกมามีดังนี้
- Make Up Forever Ultra HD Foundation
- Flawless Me Foundation Powder
- Flawless Me Liquid Eyeliner
- Maybelline Super Stay Matte Ink

โดยเราจะลงเมคอัพทั้งหมดไว้ที่แขน แล้วแบ่งเป็นฝั่งสูตรเก่า ( 2 in 1 ) และสูตรใหม่ ( Micellar ) นะคะ


เราจะทดสอบโดยการล้างทีละฝั่ง และจับเวลากันค่ะว่าใช้เวลาเท่าไหร่
ซึ่งจากที่เราลอง เราล้างฝั่งสูตร 2 in 1 ก่อน โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที 29 วินาทีในการล้าง
ในส่วนของสูตร Micellar เราใช้เวลาล้าง 1 นาที 16 วินาที
พบว่าสามารถล้างเครื่องสำอางออกได้เท่าๆ กัน และดีกว่านิดหน่อย
ซึ่งจากที่เราลอง เราล้างฝั่งสูตร 2 in 1 ก่อน โดยใช้เวลาประมาณ 1 นาที 29 วินาทีในการล้าง
ในส่วนของสูตร Micellar เราใช้เวลาล้าง 1 นาที 16 วินาที
พบว่าสามารถล้างเครื่องสำอางออกได้เท่าๆ กัน และดีกว่านิดหน่อย


จากการทดสอบ แป้งและรองพื้นเริ่มละลายออกมาในช่วง 10-20 วินาทีแรก
ตามด้วยอายไลเนอร์ ช่วงประมาณ 30 วินาที
ในส่วนของที่เขียนคิ้ว และลิปใช้เวลานานมากเลยค่ะ
แต่เรายังไม่ได้ลองกับที่เขียนคิ้วแบบดินสอธรรมดานะคะ มันอาจจะล้างออกเร็วกว่า
เพราะแบบที่เราใช้ คือเขียนไปดำน้ำยังไม่หลุดเลย 5555
ส่วนลิปอันนี้คือลิปจูบไม่หลุด มันก็เลยทนมากๆ ด้วยแหละค่ะ
เราขอสรุปการทดสอบไว้ตรงนี้แล้วกันนะคะ
ระหว่างสูตร 2 in 1 และสูตร Micellar
เรื่องของการทำความสะอาด ค่อนข้างสูสีกันค่ะ ให้ Micellar ชนะไปนิดนึง
แต่ในส่วนของความหลากหลายนี่ก็ต้องสูตรใหม่ Micellar อีกนั่นแหละ
เพราะเค้ามีให้เลือกมากถึง 3 สูตรแล้วแต่ที่เราต้องการเลย
ใครที่ยังมีสูตร 2 in 1 อยู่ ใช้ให้หมดก่อนนะคะไม่ต้องรีบ
เพราะมันดีพอๆ กันเลยค่ะ ^^
เราเองก็ยังมีตุนไว้อีก 3 หลอด ไม่รู้เมื่อไหร่จะใช้หมดเลยเนี่ย 555
หวังว่าทุกคนจะชอบบทความนี้ของเรานะคะ
ส่วนครั้งหน้าจะเขียนเรื่องอะไร อย่าลืมติดตามกันน้า ♥

Comments