ตอนที่ 4.1 :  เธออยากให้เขา แต่ฉันเจ็บ

ไม่กี่วันผ่านไปไบค์ก็มาหาฉันอยู่ที่หน้าหอตั้งแต่หกโมงเย็น เขาบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาด่วน ซึ่งถ้าให้เดาก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง... ของขวัญวันครบรอบของยัยพู่กัน! ฉันรู้สึกอยากจะบ้าตายกับการต้องมานั่งฟังเขาพล่ามบ่นต่างๆ นานา แต่ก็นะ หน้าที่ของเพื่อนที่ดีก็คือทนเจ็บฟังเขาเล่า

เฮ้อ~ คิดแล้วก็เซ็ง อดทนไว้ค่ะยัยเกล หนู่ต้องทำตัวสวยค่ะ สวย... เก่งค่ะ เก่ง... ดีมาก... STRONG!!!

ฉันเดินลงมาถึงหน้าหอก็เห็นหน้าเขายิ้มหน้าบานเป็นกระด้งตั้งแต่ไกล ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันอยากจะยิ้มตอบหรอกนะ ถ้าไม่ได้ยินความคิดที่เขากำลังตื่นเต้นเรื่องซื้อของขวัญให้พู่กันไม่หาย

ให้ตายเหอะ ฉันล่ะอยากถอดความสามารถในการอ่านความคิดคนเสียจริง บางทีการที่ไม่รู้ว่าเขามีความสุขเรื่องพู่กัน ฉันอาจจะดีใจก็ได้ และที่สำคัญ ยิ่งรู้ว่าพู่กันเปลี่ยนเป้าหมายเป็นแมธธิวแล้ว ยิ่งทำใจลำบาก

ถึงแม้ว่าฉันอาจจะดีใจอยู่ลึกๆ ว่าฉันอาจจะได้เสียบแทนที่ยัยนั่นก็เถอะ แต่กลัวเขาเสียใจมากกว่าหูยยย พูดแล้วดูเป็นคนดีขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ แฮ่ๆ“แกๆ วันนี้เรารีบออกจากที่ทำงานเร็วเพราะอยากจะปรึกษาแกเรื่องของขวัญวันครบรอบของเรากับพู่กัน”

นั่นไง ฉันว่าแล้ว“อ่อ แกอยากให้อะไรอ่ะ” ฉันพยายามฉีกยิ้มให้เขา“เราอยากซื้อเสื้อคู่ว่ะ แบบฟรุ้งฟริ้งๆ จะได้พาพู่กันใส่เสื้อคู่ไปขี่มอไซค์รอบเกาะเสม็ด” แล้วนายไบค์ก็ทำท่าเขินใส่ฉัน

ส่วนฉันก็ได้แต่พยายามฉีกยิ้มต่อแล้วตอบ “เอ่อฉัน...”ฉันกำลังจะหาทางปฏิเสธ แต่“นะแก ไปกับเราหน่อย” เขาส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ฉัน แล้วกระพริบตารัวๆ ใส่

หึ่ย ให้มันได้อย่างนี้สิ

“เออ”

“แกพาเราไปนะ”

“หือ” ฉันหันไปมองมันอย่างงุนงง “แกจะซื้อของให้แฟน ยังจะใช้ฉันขับรถไปให้อีกเหรอ”“ฮี่ๆ แกอ่ะ นะๆๆๆ แกก็รู้นี่ว่าเราไม่มีรถ แกมีรถก็ขับให้หน่อย เดี๋ยวเรายอมจ่ายตังค์ค่าน้ำมันให้เลย ไปตลาดรถไฟกัน”

“...” ฉันยังคงเม้มปากพลางมองหน้าเขาอย่างเจ็บปวดใจเขามาหาฉันก็แค่อยากจะให้ช่วยเรื่องแฟน ไม่ได้อยากจะไปเที่ยวกับฉันจริงๆ โอ๊ยยย ถึงจะรู้ความคิดเขาตั้งแต่แรก ยังไงเกลก็ทรมานใจค่ะท่านผู้ชม

“งั้น ฉันยอมจ่ายค่าข้าวให้ด้วยเลยอ่ะ ไปมั้ย” มันว่าพลางชี้หน้าฉัน“อือๆ ” ฉันพยักหน้า ก่อนจะห่อปากใส่ ใจจริงค่าข้าวฟรีไม่ได้มีผลกับฉันเท่าไรหรอกนะ แต่แค่เห็นลูกอ้อนของมันก็ทำให้ฉันแทบบ้าแล้ว

ฉันขับรถพาไบค์ไปเรื่อยๆ จนถึงตลาด รายนั้นก็มัวแต่พล่ามว่าตื่นเต้นเรื่องของขวัญตลอดทางจนฉันประสาทแทบกินจะพูดทำไมนัก ฉันรู้สึกเหมือนแกกำลังหักอกฉันอยู่เลย ฮืออ STRONG ไว้นะยัยเกล STRONG!!!

และโชคดีนะที่ฉัน STRONG พอที่จะแสดงละคร เลยพูดคุยกับมันได้อย่าปกติ เหมือนคนไม่มีอะไร

ขอรางวัลสุพรรณหงค์หน่อยค่าาา แฟนคลับของเกลทั้งหลาย

“อ้าวถึงแล้วๆ ” ฉันบอกไบค์ที่ยังเม้าท์ไม่เลิก

ฉันและเขาลงจากรถ แล้วมองตลาดอันกว้างใหญ่ที่ไม่รู้จะเริ่มจากไหนดี แต่ฉันคิดว่าบางทีเราอาจจะต้องหาอะไรกินเป็นอย่างแรก เผื่อจะช่วยให้ไบค์หยุดพูดเรื่องของขวัญบ้าง“ไปซื้อของขวัญกัน” ไบค์บอกพลางเตรียมมุ่งหน้าไปในตลาดทันที แต่ฉันต้องรีบคว้าแขนเขาให้หยุดเดิน

“ของแบบนี้มันต้องยื่นหมูยื่นแมวสิแก ฉันอุตส่าห์ขับมา แกก็ต้องเลี้ยงข้าวฉันก่อนสิ” เขามองที่มือฉันที่จับแขนเขาค้างอยู่นิดหน่อย ก่อนจะสบสายตาฉันด้วยท่าทางใสซื่อหัวใจของฉันเริ่มเต้นผิดจังหวะ ถ้าเทียบแบบในหนังหรือเอ็มวีมันก็คงเป็นแบบภาพสโลว์โมชั่น แล้วก็มีเพลงรักดังขึ้น สายตาของเขากำลังทำให้ฉันหวั่นไหว

ฉันรีบปล่อยแขนเขาออกแล้วเสมองทางอื่นแทน“เฮ้ยเป็นไรวะ หน้าแดง ไม่สบายอ่อ” เขาพยายามสำรวจหน้าฉัน “เออๆ ถ้าหิวขนาดหน้าแดงแบบนี้ เราพาไปกินข้าวก็ได้”ห๊ะ! เดี๋ยวๆๆๆๆ มันมีแต่หิวจนหน้าซีดไม่ใช่เหรอ อะไรของนายไบค์มันวะ หิวจนหน้าแดง นี่มันซื่อ หรือซื่อบื้อจริงๆ กันแน่เนี่ย นี่เมื่อกี้ฉันเขินเว้ย โอ้ มาย ก็อด! เขาเป็นแฟนกับพู่กันได้ยังไง ฉันอยากจะพาเขาไปพบจิตแพทย์ รักษาโรคเอ๋อ ตายๆๆ เข่าอ่อนแป๊บ“เอ่อ กินๆ ”ฉันส่ายสะบัดเรียกสติตัวเองก่อนจะเอ๋อตามเขาแล้วเดินนำเขาไปที่โซนขายอาหารส่วนเขาก็ได้แต่เดินส่งสายตามองของขายในตลาดจนฉันต้องลากให้เขาเดินตามมา แต่พอเขาเดินมาเท่านั้นแหละ...“แก เสื้อตัวนั้นเราว่ามันน่ารักมาก เป็นแก แกว่าพู่กันจะชอบมั้ย”อืม...ยังมีแต่เรื่องนี้สินะ ฉันล่ะอยากทิ้งมันไว้ตรงนี้ แล้วให้หาแท็กซี่กลับเองจริงๆฉันตัดสินใจไม่ตอบแล้วแวะซื้อไข่หมึกทอดจากร้านแถวหัวมุมตลาด ก่อนจะรีบยัดใส่ปากมันให้หยุดพูด“อ่ะ กินเข้าไปจะได้มีพลังเดิน”และหลังจากเขากินเข้าไปคำนึงเท่านั้นแหละ เขาก็ส่งสายตาเป็นประกายมาให้ฉันทันที“เฮ้ย อร่อยอ่ะ เอาอีกๆ ป้อนอีกๆ ” เขาโยกหัวไปมาอย่างมีความสุขก่อนจะอ้าปากรอเห็นท่าทางนั้นฉันก็อดขำไม่ได้ จึงต้องรีบจิ้มไข่หมึกแล้วป้อนเขาไปอีกคำภาพความน่ารักของเขาที่เห็นตอนนี้ ทำให้ฉันยิ่งหวังว่าซักวันนึง เราจะได้อยู่ในอีกฐานะนึงที่ไม่ใช่เพื่อนฉันมองไบค์ที่เคี้ยวไข่หมึกทอดตุ้ยๆ ก่อนจะหันซ้ายหันขวามองร้านอาหารอื่น “แกตรงนั้นมีส้มตำถาดด้วยอ่ะ อยากลองกินว่าแล้วเขาก็ลากฉันไปที่ร้านนั้นแล้วสั่งส้มตำถาดทันทีหลังจากที่ส้มตำถาดมา เขาก็รีบโซ้ยกินอย่างมีความสุข แม้โต๊ะที่ร้านอาหารในตลาดนี้จะแคบๆ และติดกับร้านข้างๆ จนนั่งลำบาก แต่เวลาเห็นเขามีความสุขแล้ว ฉันก็มีความสุขด้วยฉันเผลอยิ้มให้กับเพื่อนที่สนิทมากว่าสองปีฉันอยากให้แกอยู่กับฉันตลอดไปจังเลยไบค์“อร่อยว่ะ นานๆ ทีเราจะมีเวลาออกมาเดินเล่นแบบนี้ ทำงานแม่งน่าเบื่อ แต่ก็ทำไงได้ ต้องช่วยแม่หาเงิน” ไบค์ก้มหน้าบ่นพลางจิ้มแคบหมูในส้มตำถาดกิน“ก็พักบ้างดิแก จริงๆ หน้าอย่างแก ไปสมัครเป็นดาราก็สบายเลยนะ เงินน่าจะดีกว่าด้วย” ฉันเสนอความคิดเห็น ฉันคิดแบบนี้มานานแล้วแหละ เขาหน้าตาดี แถมยังหุ่นดีด้วย เป็นดารา คงดังเป็นพลุแตก“เราแสดงละครไม่เก่งว่ะ” เขาบ่นพลางห่อปาก“นายแบบก็ได้อ่ะ เดี๋ยวฉันช่วยส่งโปรไฟล์แกให้โมเดลลิ่งที่รู้จักให้ก็ได้นะ”“จริงดิ มีแกช่วยคงดีอ่ะ”“สบายอยู่แล้ว” ฉันยิ้มให้ก่อนจะแอบเอาโทรศัพท์ถ่ายรูปเขาตอนกิน เอาน่า ขอแอบถ่ายหน่อยก็แล้วกัน นานๆ ทีจะเห็นเขาในสภาพแบบนี้และจังหวะนั้นเอง...“ทำไมคุณไม่ซื้อสัตย์กับผมเลย” เสียงผู้ชายร้านอาหารตามสั่งข้างๆ ดังขึ้นจนฉันกับไบค์ต้องหันไปมอง“เปล่านะ เราก็มีเธอคนเดียว” ผู้หญิงตอบ“แล้วนี่อะไร” ฝ่ายชายตะคอกแล้วโชว์อะไรบางอย่างผ่านหน้าจอโทรศัพท์ มันดูเหมือนจะไม่เป็นเรื่องที่เราจะต้องใส่ใจหรอกนะ แต่ฉันก็อินกับเรื่องนี้มาก เพราะคล้ายกับเรื่องของใครบางคนที่ใกล้ตัว... จนต้องหันไปจ้องอย่างสนใจว่าเรื่องจะจบลงยังไง


#โปรดติดตามตอนต่อไป