1. SistaCafe
  2. Help Me! I am a shopaholic. ช่วยฉันที ฉันหยุดช้อปปิ้งไม่ได้!!

เราคิดว่าโรคทรัพย์จางกับงานเทศกาลเป็นของคู่กัน อย่างปีใหม่แบบนี้...ใครๆ ก็ต้องออกไปซื้อของขวัญรับต้นปีกันทั้งนั้น ยิ่งช่วงนี้มีนโยบายสามารถนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย งานนี้ใครจะไม่จัดล่ะจริงมั้ย ?!? เพราะไหนๆ เงินจำนวนนั้นก็้ต้องปลิวหายไปให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว สู้เอามาจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่เราต้องการย่อมดีกว่า แถมยังช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีเงินเดินสะพัดในตลาดอีกด้วย


เพราะอย่างนี้เราจึงมีเหตุผลดีๆ ที่จะออกไปช้อปปิ้ง ซึ่งของแต่ละอย่างที่เราซื้อก็จำเป็นทั้งนั้น


ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง น้ำหอม ของอย่างนี้ไม่มีไม่ได้



ก็ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป เสื้อผ้าในตู้บางตัวก็เก่า และเชยเกินกว่าที่จะเอามาใส่ได้อีกแล้ว เพราะอย่างนั้น ของที่เราซื้อเนี่ยมันจำเป็นจริงๆ นะ



ตอนแรกก็ซื้ออย่างละชิ้น / สองชิ้น พอให้มีของใหม่เป็นรางวัลกับตัวเองที่เหนื่อยมาตลอดทั้งปี แต่พอพนักงานบอกว่า มีโปรโมชั่นพิเศษเท่านั้นแหละ ต่อมนักช้อปฯ ของเราก็เริ่มทำงานอีกครั้ง


พอดีตอนนี้ที่ห้างฯ มีการจัดการรายการพิเศษ ซื้อครบ 500 บาท แล้วให้หมุนวงล้อนำโชค



ไอ้เราก็จัดเต็มไปเลยทีเดียว ได้หมุนหลายครั้งจนจำแทบไม่ได้ แต่ของที่ได้มาก็เป็นพวกน้ำเปล่าซะเยอะ ยังดีที่หมุนที่บัตรส่วนลด 100 บาท มาใบนึง



อันที่จริงแล้วมูลค่าของพวกนี้ ทางห้างฯ เค้าก็บวกรวมไปในราคาสินค้าแล้วล่ะ...แต่เอามาเฉลี่ยกัน ก็ยังดีนะ วันนี้แบกน้ำกลับมาเพียบเลย ได้ผิวสวยฉลองปีใหม่เบาๆ


ที่เป็นอย่างนี้ เพราะเราเห็นของมันลดราคา เลยรู้สึกว่า อันนี้ก็คุ้ม อันนี้ก็ได้ใช้ ถ้ารอช่วงอื่นมันไม่ลดราคาอย่างนี้หรอกนะ เราก็เลยตะบี้ตะบันซื้อ จนเงินเดือนเหลือแทบไม่พอใช้ ยังดีที่มีเงินฝากในธนาคารอยู่บ้าง ก็ได้โอกาสไปถอนเงินเก็บออกมาใช้เสียเลย...เดือนนี้ เพราะซื้อของแต่ละอย่างเกือบสิบชิ้นได้



สิ่งที่เราทำลงไปในวันนี้ ทำให้เรานึกถึงหนังฝรั่งเรื่อง

Shopaholic

ที่นางเอกเป็นคนชอบช้อปปิ้งเอามากๆ เช่นกัน เธอซื้อของเยอะมากกกกกก จนเป็นหนี้บัตรเครติดแบบไม่มีปัญญาจ่าย เรายังโชคดีที่ใช้เฉพาะเงินสดที่มี แต่นั่นก็ทำให้เราเงินเหลือน้อย ไม่ดีต่ออนาคตแน่ๆ เราก็เลยคิดว่า จะทำยังไงกับความที่ซื้อมา แค่เครื่องสำอางก็หลายหมื่นแล้ว ที่ซื้อๆ นี่เห็นว่า คนอื่นมี บางทีก็ดูรีวิวจากบล็อกเกอร์ว่า มันเริ่ดอย่างนั้นอย่างนี้ พอหันกลับมาดูจริงๆ แล้ว ก็มีแค่ของบางอย่างที่เหมาะกับเรา ของบางอย่างเราก็ว่า ไม่เวิร์คเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับน้ำหอม ซื้อมาทำไมตั้งสิบขวด สงสัยจะได้อาบแทนฉีดล่ะมั้งเนี่ย ?!! -_-


พอเรารู้แล้วว่า ยังไงเงินไม่พอใช้แน่ จะให้ไปขอพ่อแม่ก็น่าอายเกินไป เพราะปกติที่บ้านก็ให้เงินพิเศษรายเดือนอยู่แล้ว ก็เลยลองทำตามนางเอกดูบ้าง ( แอบมโนว่าตัวเองเป็นนางเอกนิดนึง ) เราก็เลยตัดสินใจขายของที่ซื้อมาค่ะ ตอนแรกก็ประกาศบนไทม์ไลน์ แต่ก็ขายไม่ค่อยได้หรอกนะ



จนมีรุ่นพี่คนหนึ่งแนะนำว่า ของอย่างนี้ต้องโพสต์ขายในกลุ่มเฉพาะมันถึงจะขายได้ แล้วพี่เค้าก็เลยลากเราเข้ากลุ่มให้


หลังจากที่แอดมินรับเข้ากลุ่ม แล้วเราลงโพสต์ประกาศขาย ก็มีคนสนใจทักเข้ามาบ้างเหมือนกัน ด้วยความเป็นแม่ค้ามือใหม่ก็เลยยังทำอะไรไม่ค่อยถูก ของชิ้นแรกก็เลยขายไปด้วยราคาที่เกือบขาดทุน กำไรหลักสิบบาท แต่ก็บอกกับตัวเองว่า ช่างมัน อย่างน้อยปีใหม่นี้ก็มีตังค์กินข้าวล่ะน่า


พอของชิ้นต่อมา เราก็เริ่มมีประสบกาณ์แล้วว่าต้องตั้งราคาเผื่อเอาไว้ให้เค้าต่อด้วย ไม่อย่างนั้นเวลาเค้าต่อลงมาอีก มันจะเข้าเนื้อเอา นี่ยังไม่รวมค่าส่งที่เราต้องจ่าย เราเองไม่ได้ขายส่งเป็นอาชีพ ก็ยังไม่มีกล่องแบบราคาถูกเหมือนร้านที่เราชอบซื้อของออนไลน์เค้าใช้กัน แถมยังต้องส่งอีเอ็มเอสอีกต่างหาก ซึ่งน้ำหอมก็ไม่ใช่เบาๆ เลย บางคนสั่งสองขวดพัสดุก็หนักเกือบกิโลเข้าไปแล้ว แต่มันก็ช่วยระบายของเราไปได้มาก มันทำให้เรารู้ว่า ของบางอย่างเราแค่อยากได้ แต่ไม่ได้ต้องการมันจริงๆ ไม่มีก็ไม่เป็นไร ที่ซื้อไปนี่เพราะตัณหาในใจล้วนๆ


ก็เลยอยากฝากสาวๆ ชาวซิสต้ากันเอาไว้นะคะว่า จะซื้อของก็ซื้อแต่พอดีแล้วกัน อย่าให้มันมากเกินไป ซื้อมาเยอะบางทีก็ใช้ไม่หมด ของบางอย่างก็หมดอายุได้ ไม่ใช่แค่เครื่องสำอาง กระเป๋ามันก็มีอายุการใช้งานเหมือนกัน มีเงินเก็บไว้ใช้นี่อุ่นใจกว่า แต่ใครจะเอาเงินที่มีไปลงทุนให้งอกเงยก็ดีเหมือนกัน เพราะเราจะได้เอาเงินไปต่อเงินเป็นการบริหารเงินที่ดี แบบนี้เราแนะนำนะ แต่อยากจะบอกเอาไว้ก่อนว่า



" ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง เราไม่รู้ว่า ผลที่จะตามมาคือกำไรหรือขาดทุน แต่อย่างน้อยที่สุด เราจะได้ประสบการณ์ "



ตอนที่ขายของช่วงแรกเราก็มีเงินพอใช้ทั้งเดือนแล้วแหละ แต่ความบ้าช้อปฯ มันก็ยังไม่หาย พอไปเช็คเงินในบัญชีก็มีขึ้นมาหน่อย เราก็เอาไปซื้อของต่ออีก จนตอนนี้กลับมาทรัพย์จางอีกรอบ ก็เลยมาเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ ฟัง เผื่อจะได้นำเอาไปใช้เป็นข้อคิดในการดำเนินชีวิตได้



สิ่งที่ดีอย่างเช่นพอมีปัญหา ก็หาทางแก้อย่างเป็นขั้นตอน อันนี้โอเค แต่การกลับไปมีพฤติกรรมแบบเดิมอีกนี่...ขอให้แอบหลับตาทำเป็นมองไม่เห็น แล้วไม่เอาเยี่ยงอย่างก็แล้วกัน



จะว่าไปเราก็รู้สึกว่า เวลาเครียดเมื่อไหร่ก็อยากซื้อของ ( เหมือนนางเอกอีกแล้ว ) เห็นของเซลล์เป็นไม่ได้ต้องแวะเข้าไปดู ยิ่งติดป้ายว่าลด 70% เมื่อไหร่นะ มันชอบมีของติดไม้ติดมือกลับมาบ้านด้วยทุกที



อันที่จริงเราว่า ก็ซื้อได้ แต่ก็ควรดูเงินในกระเป๋า แล้วก็ช้อปฯ อย่างมีสติด้วย แล้วเพื่อนๆ ล่ะค่ะ ช้อปฯ กระจายแบบเราบ้างรึเปล่า ??


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1