มัทรีเช็ดทำความสะอาดกระบอกพลาสติกรูปทรงเหมือนเข็มฉีดยาภายหลังเธอเพิ่งให้อาหารทางจมูกของลูกน้อย แล้วคนกินอิ่มก็หลับพริ้มไปอย่างง่ายดาย

"อ้าว หลานยายหลับซะแล้ว"

หญิงสาวหันมองมารดาที่เพิ่งเข้ามา ท่านโน้มตัวไปหอมแก้มเด็กน้อยในเตียงซึ่งมีคอกกั้น เธอยิ้มออกมาทุกครั้งที่เห็นใครต่อใครรักและเอ็นดูบุตรสาวตน

"นี่เพิ่งกินนมไปหรือมัท"

"จ้ะแม่ เดี๋ยวอาทิตย์นี้มัทจะไปเรียนวิธีทำอาหารปั่นที่โรงพยาบาลด้วย หมอบอกว่าลองเริ่มให้อาหารเหลวยายปลายได้แล้วจ้ะ"

โธ่เอ๋ย คนเป็นแม่ก็ช่างเล่าเหมือนลูกน้อยจะได้ลิ้มรสชาติอาหารฝีมือแม่สักครั้ง แต่เปล่าเลย แกก็ยังคงต้องกินอาหารผ่านสายยางทางจมูกเช่นนี้อยู่ดี หัวใจของอัมพรสงสารทั้งลูกและหลานทีเดียว

"หมอบอกหรือเปล่านะว่าจะถอดสายยางนี่ได้เมื่อไร ถ้าถอดออกไปบ้าง ยัยปลายก็คงสบายตัวกว่านี้นะมัท"

"เปล่าจ้ะ หมอไม่แนะนำน่ะแม่ แล้วมัทก็ไม่อยากเสี่ยงให้แกสำลักอีกแล้ว แม่ก็รู้ ตอนนั้นหัวใจมัทแทบสลายเลยนะ"

อัมพรพยักหน้าพลางลูบไหล่ลูกอย่างปลอบประโลม เธอพยายามจะเข้าใจอะไร ๆ ให้มาก แต่ก็คงไม่เท่ามัทรี

"แล้วนี่เขามาหามัททำไมหรือ"

'เขา' คนที่แม่พูดถึงจะเป็นใครถ้าไม่ใช่อดีตคนรักของเธอ หากมัทรีก็ไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดเช่นกัน

"เขามาคุยเรื่องข่าว มีข่าวว่าเขาซุกลูกเมียน่ะแม่ เขามาขอให้มัทไปงานแถลงข่าวด้วยกัน"

"หมายความว่าเขาจะยอมรับหรือมัท"

อัมพรเขย่าแขนบุตรสาวด้วยความดีใจ ถ้านั่นจะช่วยลดภาระของลูกลงได้บ้าง คนเป็นแม่ก็พร้อมยอมรับคนที่กลับตัวกลับใจ

"มัทก็ไม่รู้ ยังคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่องเลยจ้ะ ถ้าเขาอยากให้มัทไปแถลงข่าวมัทก็ไป แต่เราคงไม่กลับไปเป็นอย่างที่แม่คิดหรอก มัทไม่ได้รักเขาน่ะแม่"

มัทรียิ้มน้อย ๆ ให้มารดาที่คลายมือจากท่อนแขนเธอ หญิงสาวหันไปเก็บสมุดนิทานภาพบนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมชุดนอนผลัดหลังอาบน้ำ

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องเล็กลำพังจึงได้ทบทวนความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง น่าแปลก มันย้อนกลับไปเหมือนความรู้สึกเมื่อวันแรกเจอดาราหนุ่มคนนั้น เธอออกจะรำคาญใจในความมีชื่อเสียงของเขามากกว่าหลงใหลไปกับมัน


สี่ปีก่อน

มัทรีหยุดรถหน้าเขตก่อสร้างตามที่อยู่ที่พระเอกหนุ่มให้มา เธอมองผ่านเข้าไปยังบ้านซึ่งไม่มีรั้ว มีเพียงกำแพงหนาสีขาวที่ก่อสร้างแล้วเสร็จบ่งบอกอาณาเขตของบ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น ล้อมรอบด้วยกระจกเสียเป็นส่วนใหญ่ คงจะสวยงามทีเดียวหากดึงกระดาษซึ่งติดกระจกเหล่านั้นออกเสียเมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์

ร่างเพรียวก้าวผ่านกองวัสดุก่อสร้างพร้อมกับถ่ายภาพสถานที่ไปพลาง แต่เมื่อลดกล้องลงหน้าบ้านหลังนั้นก็พบกับเจ้าของบ้านคนดังออกมาต้อนรับเธอด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด หญิงสาวหัวเราะเบาในลำคอ นึกย้อนไปถึงคำบอกเล่าของบุรินทร์ที่บอกว่าธีธัชสนใจโทร. มาสอบถามเกี่ยวกับตัวเธอหลังจากแรกพบกัน แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ที่ดาราคิวทองอย่างเขาปลีกตัวมาได้ในวันนี้ ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องมา

"มาช้าจัง" เขาต่อว่าแทนคำทักทาย

มัทรีเลิกคิ้วพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือแววขบขัน

"คะ ก็ฉันไม่ได้บอกไว้ว่าจะเข้ามากี่โมง และถ้าจำไม่ผิด ฉันไม่ได้นัดคุณนี่คะ"

ชายหนุ่มเกาคิ้วเก้อ ๆ ก่อนจะหัวเราะขันออกมาเช่นกัน ความเครียดขึ้ง วิตกกังวลก่อนหน้านี้ว่าอาจไม่ได้พบเธอคลี่คลายไปง่ายดาย

"เข้าไปดูข้างในเถอะค่ะ ฉันต้องขออนุญาตถ่ายรูปนะคะ"

ธีธัชผายมือเชิญ หนุ่มสาวโต้ตอบระหว่างเดินไปด้วยกัน

"ถ่ายรูปผมหรือรูปบ้านล่ะ"

"รูปบ้านก็พอค่ะ"

"งั้นถ่ายรูปบ้านแถมรูปเจ้าของบ้าน"

"ไม่เป็นไรค่ะ บริษัทเรามีนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า" มัทรีตอบพร้อมกับยกกล้องวาดเป็นมุมกว้างเพื่อบันทึกภาพห้องแรกที่เข้าไป

แต่แล้วงานก็มาสะดุดเมื่อใครอีกคนดูจะไม่ลดความพยายามเป็นดาราหน้ากล้อง ภาพผนังห้องจึงถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มซึ่งยืนขวางพอดี หญิงสาวโคลงศีรษะพร้อมรอยยิ้มอ่อนใจ

"ฉันถ่ายคุณแล้ว โอเคไหมคะ"

ธีธัชหัวเราะชอบใจและก้าวหลีกทางให้อีกฝ่ายทำงานต่อ โดยตนเองคอยสังเกตการณ์เงียบ ๆ และเดินตามเจ้าหล่อนไปยังห้องต่อไป

ถึงอากาศจะร้อนจนเหงื่อกาฬซึมชื้นเสื้อผ้า แต่ชายหนุ่มกลับเพลิดเพลินมากกว่าจนลืมความไม่สบายตัว และยิ่งครึ้มอกครึ้มใจมากขึ้นเมื่อได้รู้จากเพื่อนสนิทว่ามัทรีไม่ได้คบหาดูใจกับใครหลังจบจากรั้วมหาวิทยาลัย แม้นั่นจะไม่เกี่ยวกับเรื่องงานก็เถอะนะ

ทว่าเวลาช่างสั้นนัก เสียงโทรศัพท์เรียกสายตามัณฑนากรสาวให้หันมอง เธอยิ้มน้อย ๆ เหมือนรู้ว่าจากนี้ไปเขาจะไม่ได้อยู่กวนสมาธิเธออีก ก่อนร่างระหงจะก้าวขึ้นไปดูห้องข้างบน ไม่นานธีธัชก็ตามขึ้นไปเห็นเจ้าหล่อนกำลังถ่ายภาพห้องเปล่าซึ่งเขาตั้งใจใช้เป็นห้องนอนใหญ่ของตน

"ห้องนี้เป็นห้องนอนใช่ไหมคะ"

"ครับ แล้วก็อีกสองห้องที่เหลือเป็นห้องนอนแขก ผมอยากได้แบบน้อยแต่มาก"

"ค่ะ" มัทรีรับคำ

แต่เมื่อจะหันกลับไปทำงานต่อ ร่างสูงของพระเอกหนุ่มก็ก้าวมาดักตรงหน้า เธอยิ้มน้อย ๆ รอฟังว่าลูกค้าต้องการสิ่งใดอีก

"เสร็จแล้วโทร. มาได้หรือเปล่า"

"แน่นอนค่ะ ฉันต้องให้คุณดูกราฟฟิกจำลองก่อน"

"ไม่ ๆ ผมหมายถึงวันนี้ เสร็จจากที่นี่โทร. หาผมนะ"

"มีอะไรหรือเปล่าคะ"

รอยยิ้มจางไปจากใบหน้า จริง ๆ เธอไม่ได้ไม่ชอบเขาเป็นการส่วนตัว และรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำที่ธีธัชแสดงความเป็นกันเองต่อเธอ แต่หากจะให้ติดต่อเขาโดยไม่มีธุระใด มัทรีคิดว่านั่นไม่จำเป็นนัก

"แค่อยากรู้ว่าคุณไม่โดนคนงานผมฆ่าโบกปูนน่ะ โอเค้" ชายหนุ่มประชดอย่างหงุดหงิดที่เธอพยายามบ่ายเบี่ยง

มัทรีกลอกตาพร้อมกับหลุดหัวเราะขันออกมา เธอพยักหน้ารับคำเขา ร่างสูงจึงได้ยอมผละไป

ทว่าบ่ายแก่วันนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้โทร. ไปตามที่ดาราหนุ่มต้องการ


ห้องเช่ารายเดือนขนาดเล็กพอซุกหัวนอนคือที่พักของมัทรี นอกจากความคับแคบซึ่งเป็นข้อเสียแล้ว เธอก็พอใจกับที่นี่เพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าและที่ทำงาน สะดวกพอที่จะจอดรถทิ้งไว้ที่ทำงานและโดยสารรถไฟฟ้ากลับมาเพียงสองสถานี

สุดสัปดาห์นี้มัทรีไม่ได้กลับบ้านไปหามารดา เธออยากทำงานชิ้นล่าสุดให้คืบหน้าจึงได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้อง และปฏิเสธคำชวนของเพื่อนออกไปดูหนังดังเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้าฉายในโรงภาพยนตร์

"มัท เปิดประตูหน่อย"

มัทรีแทบสะดุ้งโหยง เธอละสายตาจากคอมพิวเตอร์และรีบลุกไปเปิดประตู โยษิตากับบุรินทร์ยืนอยู่ข้างนอกนั้น ในมือถือถุงที่เธอแน่ใจว่าคงเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวและอาหารขยะที่พวกตนโปรดปราน

"ซื้อไรมาเยอะแยะเนี่ย ประชดที่ฉันไม่ไปเป็นกอขอคอดูหนังกับพวกแกเหรอ"

"ฉันก็ไม่อยากรบกวนเวลาจำศีลแกนะไอ้มัท แต่มีคนสั่งมา" บุรินทร์ตอบพร้อมกับหลิ่วตาอย่างมีเลศนัย

มัทรีชี้นิ้วใส่เพื่อนชาย ท่าทางข่มขู่ให้บอกมาเสียดี ๆ

"ใครยะ"

"ก็คนที่แกไม่โทร. หาเขาไง"

หัวใจสาวกระตุกเสียศูนย์ไปวูบหนึ่ง ลมในท้องคล้ายตีวนขึ้นมา เธอรีบหันไปกดปิดงานเมื่อคิดว่าเลยเวลามื้อเย็นมาพอสมควร

"มันผิดปกติตรงไอ้มัทเฉไฉนี่แหละโบ้" โยษิตากระซิบพอได้ยิน

"อ้าว หยก"

มัทรีแบมือหมดท่า แทนที่เพื่อนสนิทที่สุดจะช่วยพาเธอออกจากเรื่องน่าอึดอัดนี้ดันมาผลักกันเสียได้

"พวกแกนี่นะ ไปเที่ยวไหนก็ไปสิยะ แวะมาเพื่อแซะฉันเรื่องนี้น่ะเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าเพื่อนเป็นห่วง จะมาช่วยทำงาน"

"โน...โน...โน..." โยษิตาปฏิเสธเสียงหลง "ของฉันอีกสองจ็อบแน่ะแก แก้แล้วแก้อีก แกอย่าพูดสิ คิดแล้วดูหนังไม่สนุก กินข้าวไม่อร่อยนะแก"

มัทรีหัวเราะขันเมื่อเพื่อนโบกมือเหมือนจะเป็นลม เธอตบลงบนเตียงให้เพื่อนสาวนั่งก่อน ขณะที่บุรินทร์นั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน

คนคร่ำเคร่งกับงานได้ผ่อนคลายด้วยการฟังเพื่อนเล่าเรื่องภาพยนตร์ที่ไปดูมา ก่อนจะวกไปถึงเรื่องเพื่อนเก่าสมัยเรียนและอาจารย์ที่เคารพนับถือกันมา ลากยาวไปกระทั่งการเมือง

"ตกลงแกจะโทร. หาไอ้ธีร์ได้ยัง"

มัทรีสำลักน้ำเมื่อเพื่อนเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ทั้งที่ไม่ถึงนาทีก่อนพวกตนกำลังคุยกันเรื่องนโยบายของพรรคการเมืองแท้ ๆ เทียว

"ไอ้หยก พาแฟนแกกลับไปเหอะ ฉันเกือบสำลักน้ำตาย"

"แหม แกก็อย่าเฉไฉสิ ฉันก็อยากรู้ไง"

หญิงสาวทำท่าจะขย้ำคอเพื่อนทั้งสอง แต่เมื่อคู่รักพร้อมใจกันส่งเสียงจิ๊จ๊ะ หลิ่วตา และชี้นิ้วกวนประสาทเธอ มัทรีก็แน่ใจว่าค่ำคืนนี้ของตนคงไม่สงบสุขถ้าสองคนนี้ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ

"ฉันจะโทร. ไปกู๊ดไนต์เขาเลย พอใจไหม"

บุรินทร์ดีดนิ้วก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คนปากเก่งตกใจและขยับจะแย่งโทรศัพท์ ทว่าโยษิตาก็ร่วมมือกับคนรักด้วยการรั้งเธอไว้อีกแรง

"เฮ้ยไอ้ธีร์ มีคนอยากกู๊ดไนต์แกว่ะ"

มัทรีชะงักกึกเมื่อเพื่อนชายกรอกเสียงลงไป ก่อนแขนยาวนั่นจะยื่นโทรศัพท์มาแนบหูเธอ ได้ยินเสียงอ่อนระโหยเหมือนเพิ่งตื่นนอนตอบกลับมา

หญิงสาวสะบัดตัวหลุดจากเพื่อน เธอถือโทรศัพท์ไว้พลางมองค้อน ก่อนจะเดินออกไปคุยที่ระเบียง

"ขอโทษค่ะ โบ้มันเมาน่ะ งั้นไม่รบกวนแล้วนะคะ"

"เดี๋ยว! มัท... มัท..." น้ำเสียงสะลึมสะลือในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจ "ไม่คิดเลยว่าคุณโทร. มา หลังจากใจร้ายกับผมขนาดนั้น"

"คือฉันไม่ได้โทร. ค่ะ โบ้... เพื่อนของคุณเป็นคนโทร." เธอเอ่ยแก้ไม่ให้เขาเข้าใจผิด

แต่ราวกับธีธัชไม่สนใจเรื่องนั้น เขาชวนเธอคุยต่อทั้งที่บทสนทนาควรสิ้นสุดลงแค่ประโยคแรกก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

"ได้ข่าวว่ามัทกำลังตั้งใจทำงานให้ผม แบบที่ผมบอกคงไม่ยากไปใช่ไหมครับ ผมไม่อยากให้ใครลือกันว่าเป็นดาราเรื่องมาก"

มัทรีหัวเราะแผ่วเบาก่อนตอบ "ไม่หรอกค่ะ ฉันคงเริ่มบ่นถ้าต้องแก้ครั้งที่ห้าน่ะนะ ตอนนี้ยังโอเคดีค่ะ"

ตอบไปแล้วก็ได้ยินเสียงบุคคลที่สามแทรกเข้ามาจากปลายสาย นี่เขาไม่ได้กำลังพักผ่อนอยู่หรือ แต่คงนอนพักระหว่างพักกองนั่นเอง

"ผมต้องวางแล้วนะมัท คงไม่ได้ฟังคุณกู๊ดไนต์แล้ว" พระเอกหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ "อย่าลืมทานอะไรที่โบ้ซื้อไปด้วยล่ะ ผมบอกมันให้หาซื้ออะไรไปให้คุณ ว่าแต่มันซื้ออะไรไปล่ะนั่น"

มัทรีไม่ทันตอบ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่มีเวลาฟังคำตอบนั้นเช่นกันเมื่อเขาเอ่ยตัดบทรวดเร็วตามมา หญิงสาวกดวางสายก่อนกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง

บุรินทร์และโยษิตานั่งหน้าเป็นรออยู่ เธอกำหมัดต่อยท้องเพื่อนชายไปทีหนึ่ง แล้วจึงหยิกแก้มเพื่อนสาวอีกที ค่าที่รวมหัวกับคนอื่นมาปั่นป่วนหัวใจเธอ


ในที่สุดผลงานการตกแต่งภายในตามความต้องการของลูกค้าก็เสร็จสิ้นเป็นภาพกราฟฟิกจำลอง ทว่าสิ่งที่ยากยิ่งกว่ากลับเป็นการหาเวลาว่างในตารางงานอันแน่นเอี้ยดของพระเอกหนุ่มที่จะปลีกตัวให้เธอพบได้ กระทั่งล่วงเลยไปถึงกลางสัปดาห์

มัทรีวนรถมายังอาคารจอดรถของคอนโดมิเนียมย่านอโศกอันเป็นที่พักของธีธัชซึ่งเขานัดพบเธอ และเมื่อขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นบน หัวใจสาวก็เต้นตึกตักอย่างไรชอบกล

เขาคงไม่ลวงเธอมาปล้ำหรอกนะ หญิงสาวขบขันกับความคิดของตนเอง เธอยกมือเคาะประตูซึ่งตรงกับหมายเลขห้องที่บอก ไม่ทันลดมือลงเสียด้วยซ้ำบานประตูก็ถูกดึงเปิด

"รถติดไหม มาลำบากหรือเปล่า" เขาถามอย่างอาทร ผิดจากครั้งแรกเจอ "มัทสะดวกใจหรือเปล่าที่พี่นัดมาที่นี่"

มัทรีชะงักมือซึ่งปลดกระเป๋าสะพายจากไหล่ เธอนิ่วหน้าพร้อมกับอ้าปากเหวออย่างฉงนระคนขบขัน เขาเปลี่ยนสรรพนามมาแทนตัวเองว่าพี่ได้อย่างเข้าปากทีเดียว

ทว่าหญิงสาวก็ไม่ได้ทัก ที่จริงบุรินทร์ก็เป็นรุ่นพี่เธอสองปี เพียงแต่เขาย้ายมหาวิทยาลัยมาเรียนรุ่นเดียวกับพวกเธอจึงสนิทสนมเป็นเพื่อนกัน

"ได้หมดค่ะ มัทไม่มีปัญหาอะไร" เธอเปลี่ยนสรรพนามแทนตนเช่นกัน

แต่เมื่อเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอีกครั้ง มัทรีก็หลุดหัวเราะกิ๊กออกมากลบเกลื่อนความเขินอาย

"รู้แล้วทำไมถึงหัวเราะเก่งยิ้มเก่งนัก ที่แท้ก็ขี้อายสิเรา ทำเป็นกลบเกลื่อน"

มัณฑนากรสาวเฉไฉไปเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ก่อนจะนั่งลงด้านหนึ่งของโต๊ะอาหารเล็กข้างเคาน์เตอร์ครัว

ธีธัชเปิดกระป๋องน้ำอัดลมให้ ก่อนยกเก้าอี้จากอีกฝั่งมานั่งลงข้างกัน เขามองภาพกราฟฟิกของห้องที่ออกแบบได้ใกล้เคียงความคิด ทุกอย่างดูเรียบง่าย ทันสมัย เข้ากับตัวบ้านสไตล์โมเดิร์นซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จ

"สมแล้วที่โบ้แนะนำมัท" เขาเอ่ยชม

"โบ้แนะนำบริษัทให้พี่ธีร์ไม่ใช่หรือคะ พี่อาร์มต่างหากมอบหมายงานให้มัท" เธอตอบขณะก้มหน้าจดส่วนที่ลูกค้าต้องการแก้ไข

"งั้นต้องบอกว่าพรหมลิขิต"

มัทรีหัวเราะพรืด เธอพับปิดสมุดเก็บใส่กระเป๋าและเริ่มรู้สึกว่าพวกตนนั่งใกล้กันเกินไป ทั้งที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิม

"ไม่ต้องเขินพี่บ่อยก็ได้" เขาเย้ามาอีก

"ไม่ได้เขินค่ะ" เธอแย้งก่อนลงเสียงหนัก "ขำ"

ธีธัชหัวเราะในลำคอ ยิ่งเธอปากแข็งและทำเหมือนไม่สนใจเขาเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากแกล้ง มากกว่านั้นคืออยากคบหาผู้หญิงสักคนให้หัวใจได้หายเหนื่อยล้าจากงาน

เขาไม่เคยสนใจเพื่อนร่วมวงการฉันชู้สาว เบื่อหน้าขาว ๆ สวย ๆ พิมพ์เดียวกันที่เห็นจนชินตาเสียแล้ว แต่มัทรีมีบางสิ่งที่ดึงดูดเขา ไม่ว่าจะดวงตากลมสวยโดยไม่ต้องติดแต่งขนตาปลอม แม้กระทั่งผิวสีน้ำผึ้งของเธอ เมื่อรวมเข้ากับความเป็นตัวของตัวเองของเจ้าหล่อนก็ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถลบเธอจากใจไปได้เลย

"วันนี้ไม่มีถ่ายละครหรือคะ" มัทรีถาม หวังว่าจะได้ออกจากสถานการณ์น่าอึดอัดที่ถูกจ้องเอา ๆ

"นึกว่ามัทจะไม่ถาม" พระเอกหนุ่มแสร้งพ้อไม่จริงจัง "มีครับ วันนี้ถ่ายซีนดึก แล้วก็คงถึงเช้าแหละ"

หญิงสาวรูดซิปกระเป๋าหลังเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อย ได้โอกาสขอตัวกลับพอดี

"ถ้าอย่างนั้นมัทไม่รบกวนเวลาพักแล้วค่ะ ส่วนที่พี่ธีร์โอเคแล้วมัทจะทยอยสั่งของ ที่เหลือจะรีบแก้มาให้ดูนะคะ"

ธีธัชพยักหน้า เขาลุกไปส่งเธอหน้าประตูห้อง แต่กลับยืนขวางประตูไว้เหมือนยังมีบางสิ่งติดค้างใจ

"พี่โทร. หามัทได้หรือเปล่า"

"ได้สิคะ" เธอยิ้มกว้างอย่างบริสุทธิ์ใจ

"ไม่ได้คุยเรื่องงานก็โทร. ได้ใช่ไหม"

"โทร. มาเมาท์ไอ้โบ้ก็ได้ค่ะ" เธอตอบกลั้วหัวเราะ

ชายหนุ่มค่อยคลี่ยิ้มกว้างออกมา เขาถือว่านั่นคือคำอนุญาตให้พัฒนาความสัมพันธ์ได้เต็มที่ และจากนี้ตนจะเริ่มต้นจีบมัทรีอย่างจริงจัง

.............................

คู่นี้เขาเคยมุ้งมิ้งกันนะคะ นี่ถ้ามัทกับพี่ธีร์รีเทิร์นกันได้จะหวานขนาดไหน ต้องติดตามกันน้าาา