คุณชื่นชอบเรื่องของแวมไพร์รึเปล่า?


ในเรื่องของแวมไพร์น่ะ เขาเป็นทั้งพระเอกที่เก่งกาจ และตัวร้ายมาดเท่ที่ยากจะสงบใจ


ส่วนแวร์วูล์ฟก็เป็นพวกขี้แพ้ที่ได้แต่เป็นมวยรองของแวมไพร์เรื่อยไป


เผ่าพันธุ์ที่แม้แต่ในนิยายรักยังเป็นได้แค่พระรองแบบนั้นน่ะ....


ไม่ควรค่าที่จะให้ความสนใจนักหรอก


คุณเองก็คิดแบบเดียวกับผมใช่ไหม?


===========================================================


ตอนที่ 1 : open the gate


ผมกำลังอยู่ในส้วม....  นั่งจับเจ่าอยู่บนชักโครกที่ขาวสะอาดโดยไม่แม้แต่จะถอดกางเกงของผมออก


ไม่... ผมไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก ในเมื่อสถานที่แห่งนี้อาจจะเป็น 'ห้องน้ำ' ก็จริงอยู่ แต่สำหรับผมแล้วมันเป็นมากกว่านั้นเยอะเชียว


นิ้วมือผมขยับเคาะลงบนแผ่นเปลือกกระเบื้องสีขาวด้านข้างตัวผมเป็นจังหวะกลองของดนตรีร็อควงที่ชื่นชอบ มองเผินๆคล้ายกับคนประกอบกิจฆ่าเวลาในห้องน้ำ แต่ก็เปล่า แสงสีฟ้าฉายวาบขึ้นที่ตัวกระเบื้องหลังจากการเคาะไม่นานเป็นลักษณะเหมือนแผงปุ่มมากมาย  พร้อมกับมือซ้ายของผมวาดมือออกไปเป็นแนวยาวปรากฏเป็นคีย์บอร์ดสีใสล่องลอยอยู่บนหน้าตักของผมเอง พร้อมจอมอนิเตอร์แบบโฮโลแกรมก็เปิดขึ้นมาตรงหน้าด้วย


ใช่แล้วล่ะ! เจ้าสิ่งนี้ก็คือ "ห้องทดลอง" ของผมไงล่ะ!!


ในสถานที่ซึ่งไม่มีใครมากวนผมได้โดยง่ายอย่างในห้องน้ำนี้  คือสถานที่ที่เหมาะสมต่อการจะสร้างห้องทดลองลับมากที่สุด! แม้มันจะทำให้ใครหลายคนเข้าใจว่าผมเป็นพวกท้องอ่อน ต้องคอยเข้าห้องน้ำบ่อยๆก็เถอะ ซึ่งผมคงไปห้ามไม่ให้พวกเขาคิดแบบนั้นไม่ได้หรอก อยากคิดอะไรก็คิดไปแล้วกัน เมื่อถึงเวลา...เดี๋ยวพวกเขาก็รู้เอง


ผมขยับยิ้ม ดันแว่นทรงกลมสีน้ำเงินของตนขึ้นขณะโปรยข้อมูลลงไปบนคีย์บอร์ดด้วยท่วงท่าประหนึ่งโชแปงกำลังบรรเลงบทเพลงโซนาต้าหมายเลข 3 เพลิดเพลินไปกับตัวอักษรมากมายพร่างพรูขึ้นมาบนหน้าจอ พร้อมกับผิวน้ำของอ่างล้างตัวซึ่งอยู่ห่างจากชักโครกของผมไปเล็กน้อยพลันมีแสงเรืองรองขึ้นมาอย่างที่การทดลองครั้งก่อนๆของผมไม่เคยทำมันได้มาก่อน


“สำเร็จ!!!”  ผมกำหมัดชกลม ดีใจจนตัวโยนแทบจะลอยเหนือชักโครกที่นั่งอยู่ ในที่สุดผลงานที่ผมเฝ้าทุ่มเทกับมันมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนก็เป็นจริงขึ้นมาแล้ว! ผมทำไมมันสำเร็จแล้ว!!!


ผิวน้ำภายในอ่างส่องสว่างเรืองแรงด้วยไฟสีฟ้าราวกับมีใครจงใจติดนีออนลงไปข้างใต้มันช่างดูเหมือนกับหนังนิยายไซไฟผจญภัยที่ผมเคยดูมาตั้งแต่เกิด  ผิดกันก็แต่นี่คือของจริงและผมคือผู้สร้างมันขึ้นมาโดยไม่ต้องทุ่มเทแรงกายทั้งชีวิตจนหงำเหงอะก่อนถึงจะได้เจอมันอย่างในภาพยนตร์เคยกล่าว ใช่แล้ว! เจ้าสิ่งนี้ก็คือ ‘ประตูไปสู่โลกของจินตนาการ’ ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างลงความเห็นกันว่ามันไม่สามารถทำได้จริงยังไงล่ะ! หึ.... มันทำไม่ได้ หรือพวกเขาแค่สติปัญญาไม่ปราดเปรื่องเท่าผมกันแน่นะ ช่างน่าขันเสียจริงเชียว


ภาพโฮโลแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องหน้าของผมปิดวูบไปเมื่อผมลุกขึ้นยืนจากที่มั่น ดวงตาสีน้ำตาลชายมองไปยังผลงานชิ้นโบว์แดงของตนอย่างพึงพอใจ เมื่อในที่สุด ฝันซึ่งใครก็มองว่าแสนจะไร้สาระของผมก็กำลังจะกลายเป็นจริง


ผมกำลังจะได้ไปเจอกับเหล่าแวมไพร์สุดเท่ดังความฝันวัยเด็กเคยวาดไว้แล้วยังไงล่ะ!!


อ่ะ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวกับพวกคุณสินะ? ผมชื่อว่าเจสัน ซัมเมอร์ส์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ชื่นชอบเรื่องราวการต่อสู้ของแวมไพร์เป็นที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตผมเฝ้าใฝ่ฝันว่าซักวันจะได้เป็นแวมไพร์และสู้รบกับเจ้าพวกแวร์วูล์ฟหน้าโง่ดังในภาพยนตร์ชื่อดัง เป็นขุนนางใส่ชุดโก้เก๋อยู่ในปราสาทใหญ่ๆ จิบเครื่องดื่มสีแดงจากแก้วทำจากทองใบหรูช่างดูเป็นชีวิตที่เหนือเกินจะฝันไว้จริงๆ อันที่จริงแล้ว... ผมชอบเรื่องราวของแวมไพร์มากจนซะจนติดตามดูตั้งแต่เมื่อครั้งชื่อแวมไพร์ยังถูกจารึกให้ติดหูไว้ด้วยชื่อ ‘แดร้กคูล่า’ เป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งล่วงเลยมาจนยุคสมัยหนึ่งที่แนวการปะทะกับระหว่างแวมไพร์ แวร์วูล์ฟและฮันเตอร์กำลังนิยม ผมก็ยิ่งติดตามคลั่งไคล้จนถอนตัวไม่ขึ้นเลย


หลายครั้งเลือกวิธีที่จะแสดงความคลั่งไคล้แตกต่างกันไป ทั้งเอาความชอบมาต่อเสริมให้กลายเป็นนิยายเรื่องใหม่  สร้างภาพยนตร์เรื่องใหม่ขึ้นมาอีกเรื่อง คอสเพลย์ หรืออะไรแบบนั้น แต่ โอ้.. ไม่หรอก ไม่สำหรับอัจฉริยะอย่างผมแน่


ในเมื่อพระเจ้าเลือกที่จะประทานความฉลาดเฉลียวมาให้เด็กชายเจสัน ซัมเมอร์ส์แต่วัยเยาว์เช่นนี้ ผมก็เลยต้องคิดการณ์ใหญ่กว่าคนอื่นๆเขา ซึ่งนั่นก็คือ.... ‘สร้างโลกในจินตนาการ’ ที่เราเข้าไปโลดแล่นได้จริง ไม่ใช่แค่เพียงดูหรืออ่านยังไงล่ะ


แม้จะดูเหมือนว่าจะคว้าน้ำเหลว แต่สุดท้ายแล้ว มันก็เป็นจริงขึ้นมาแล้วไม่ใช่หรือ?


กลับมา ณ ปัจจุบัน ประตูมิติได้เปิดออกแล้ว ผมมั่นใจมากกว่าภายใต้ผืนน้ำนี้จะต้องนำพาผมไปสู่โลกใหม่ได้แน่ ๆ แต่กระนั้นเพื่อความแน่ใจ ผมก็จำเป็นต้องตรวจสอบมันเสียก่อน


“มันต้องใช้ได้สิ.....”


ผมพึมพำพลางแหย่มือลงไปในน้ำด้วยความตื่นเต้น ปลายนิ้วชี้ค่อยๆจุ่มลง  ผิวน้ำใสกระเพื่อมเป็นวงกลมกว้างไม่รู้จบราวกับจะฉุดดึงให้สติอันเปิดเปิงของผมกลับเข้าที่  ผมกลั้นหายใจก่อนจะทิ้งตัวกระโดดลงไปในน้ำเพราะไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว


ซู่มมม........


น้ำในอ่างกระจายไปรอบทิศราวกับเครื่องเล่นในสวนสนุกทิ้งดิ่งลงไปบนน้ำ แสงสว่างดับวูบลงพร้อมกับร่างของผมซึ่งเปียกปอนจนจำสารรูปเดิมแทบไม่ได้


“เหลวงั้นเหรอ!!?”  ผมตะโกน พลางขยับแว่นให้เข้าที่


“บ้าที่สุด!! กะแล้วเชียวมันต้องไม่ง่ายขนาดนี้! ผิดพลาดที่ตรงไหนกันล่ะเนี่ย!!?”


ผมโวยวายอย่างหัวเสีย  บ่นกระฟัดกระเฟียดพลางผุดลุกผุดนั่งพยายามจะลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำแสนแคบอย่างยากลำบาก ให้ตายเถอะ! ผมควรรู้นะ ไม่มีอะไรได้มาง่ายดายขนาดนั้นหรอกจริงๆ แต่ผิดพลาดที่ตรงไหนกัน!?  ไปเช็ดตัวให้แห้งก่อนแล้วค่อยมาค้นหาต่อไปอีกหน่อยดีกว่าว่ามันพลาดที่ไหนตรงกันแน่!


เมื่อยืนขึ้นมาจากอ่างได้แล้ว ผมก็ไม่แม้แต่จะมองคราบน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นห้องน้ำอีกต่อไป ผมก้าวฉับ ๆ เพียงวูบเดียวก็ถึงบริเวณชักโครก ยกขาขึ้นถีบผนังกระเบื้องนั้นระบายอารมณ์ ก่อนจะเดินออกจากห้องๆนั้นไป


ทิ้งไว้เพียงร่องรอยที่คนปกติดูยังไงก็เหมือนกับห้องน้ำหลังใครซักคนอาบน้ำเสร็จไว้เบื้องหลัง  โดยไม่คิดจะทำความสะอาดใดๆอีกเลย


ไฟห้องน้ำดับลงเมื่อผมกดปิดมัน ต่อจากนี้คงต้องไปหาเอกสารบ้าบอมานั่งอ่าน นั่งทำความเข้าใจกันยกใหญ่เสียแล้วล่ะ  ถึงจะเกลียดไอ้การทำแบบนั้นมากก็ตามทีเหอะ


หรือไม่ก็ก่อนหน้านั้น.... ไปหาทางสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อนดีกว่าล่ะมั้ง?


พื้นห้องน้ำถูกผมทิ้งไว้เบื้องหลัง พร้อมกับตัวผมที่ออกไปทำธุระอะไรก็ได้ให้อารมณ์ของตนเย็นลงมากพอจะกลับมาวิจัยอะไรใดๆต่อได้


โดยที่ผมไม่เคยได้รู้เลยว่าหลังจากที่ผมออกไป


แสงสว่างบนผิวน้ำเจิ่งนองตามพื้นก็สะท้อนให้เห็นถึงเมืองๆหนึ่งอยู่ข้างในนั้น....

ตอนที่ 1 : open the gate