หากพูดถึงเทพนิยายสาวๆ หลายคน ก็คงจะนึกถึงภาพบรรยากาศของดินแดนที่มีปราสาทหลังใหญ่สีขาว ขึ้นเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยมีแสงแดดที่เปล่งรังสีออร่า สาดลงมาจากฟ้า ดูราวกับมีอุณหภูมิเกิน 30 องศาเซลเซียสอยู่เป็นแน่ สาวๆ บางคนอาจถึงขั้นจินตนาการเพิ่มเติม ไปถึงเจ้าชาย และเจ้าหญิง นางฟ้า เทวดา รวมถึงสัตว์ต่างๆ ที่มีความแปลกประหลาด และดูมหัศจรรย์ อย่าง มังกร ม้ายูนิคอร์น นางเงือก ไปจนถึงเหล่าภูติแคระตัวจิ๋วที่มีปีกเป็นผีเสื้อดูสวยงามแน่นอนค่ะ เด็กสาวหลายคนก็คงต้องเคยฝันถึงดินแดนที่สวยงามอย่างนี้มาแล้ว แต่ในโลกของตำนาน และเทพนิยาย กลับไม่ได้มีเฉพาะแค่สัตว์ที่แสนสวยเหล่านี้เท่านั้น ทว่ายังมีสัตว์ที่เป็นอันตราย และน่ากลัวอาศัยอยู่ด้วย เพราะฉะนั้น บทความนี้มาดามก็เลยรวบรวมเหล่าบรรดาสัตว์ในเทพนิยาย ที่มีทั้งความน่ารัก สดใส ฟรุ้งฟริ้ง และอันตรายน่ากลัว มาให้สาวๆ ได้รู้จักกัน เผื่อวันไหน พวกเธอหลงเข้าไปอยู่ในโลกนั้น อาจจะต้องดูแลตัวเอง และพยายามเอาตัวรอดให้ได้ จำไว้นะคะ" มโน คือชนะ! "
มังกร ( Dragon )
ขึ้นชื่อว่ามังกรนับเป็นสัตว์ที่จัดว่าอันตรายที่สุด ในบรรดาสัตว์ทุกชนิด ชื่อของมัน มาจากภาษาละตินว่าDracoเป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันดีในตำนาน และนิยายปรัมปรา และเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในทุกๆ มุมโลก มังกรเป็นสัตว์อันต
ราย และน่าสะพรึงกลัว จึงมักเป็นศัตรูตัวฉกาจของเหล่ามนุษย์ และวีรบุรุษ อัศวินทั้งหลาย การฆ่ามังกรนั้นมีปรากฏในตำนานของฝั่งยุโรป โดยเกี่ยวข้องกับการขึ้นเถลิงอำนาจเป็นกษัตริย์ ดังนั้น มังกรจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ทั้งที่มีตัวตนจริงๆ และกษัตริย์ในตำนาน
ในโลกของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้กล่าวว่ามังกรเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญ และอวัยวะของมันก็มีประโยชน์อย่างมากในการทำวัตถุเวทย์มนต์ และการปรุงยา โดยเฉพาะหนัง เลือด ตับ หัวใจ และเขา แต่ไข่มังกรก็จัดอยู่ในสินค้าที่ห้ามซื้อขายนอกจากนี้มังกรยังมีทั้งหมด10 สายพันธุ์กระจายอาศัยกันไปทั่วโลกด้วย
นกฟีนิกซ์ ( Phoenix )
ถ้าหากพูดถึงมังกร ก็ต้องพูดถึงนกฟีนิกซ์เพราะเป็นสิ่งที่ปรากฏเคียงคู่กัน ซึ่ง
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%81
ชนิดนี้ จัดว่า เป็นนกที่ศักดิ์สิทธิ์ เปรียบดั่งเป็นแรร์ไอเทมที่ปรากฏอยู่ในตำนานของหลายๆ ชนชาติ ในลักษณะที่คล้าย และแตกต่างกันในบางรายละเอียด
ในความเชื่อของอียิปต์โบราณ และอารยธรรมกรีก ยกย่องให้นกชนิดนี้อยู่ในฐานะของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งคู่ควรแก่การบูชา และเกี่ยวข้องกับเทพแห่งไฟ เพราะขนของมันเป็นประกายสีเหลืองทองคล้ายกับเปลวไฟ บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัว
ส่วนทางด้านเอเชียก็มีปรากฏในด้านของตำนาน นิทานปรัมปรา รวมไปถึงทางด้านประติมากรรม ซึ่งเชื่อว่า นกฟีนิกซ์ หรือหงส์ไฟ เป็นตัวแทนของความโชคดี ยามที่แผ่นดิน หรือบ้านเมืองสงบสุข ก็จะเห็นนกชนิดนี้บินผ่าน
นอกจากนี้ในหลายๆ วัฒนธรรม ยังกล่าวว่านกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ มีชีวิตยั่งยืน เป็นนิรันดร์เพราะสามารถฟื้นคืนชีพได้ด้วยตัวเอง เมื่อร่างกายสิ้นอายุขัย ( 500 ปี หรือ 1,461 ปี ) ตัวจะลุกเป็นไฟ จากนั้นก็จะฟื้นจากกองขี้เถ้ามาเป็นนกตัวใหม่//น่าอัศจรรย์มั้ยล่ะ ?!!
ยูนิคอร์น ( Unicorn )
ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ในตำนานชนิดหนึ่งของยุโรป ซึ่งเชื่อว่า สามารถพบได้ตามป่าทางตอนเหนือของทวีป มีลักษณะเป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ ดูสง่างาม มีเขาหนึ่งเขาที่เป็นลักษณะเกลียว อยู่กลางหน้าผาก ลูกยูนิคอร์นเเรกเกิดมีขนเป็นสีทอง และจะเปลี่ยนเป็นสีเงินก่อนที่จะโตเต็มวัย ทางด้านเวทย์มนต์ศาสตร์เชื่อว่า เขา เลือด เเละขนของยูนิคอร์นมีคุณสมบัติทางด้านการปรุงยา
ยูนิคอร์นมักปรากฏตัวอยู่ในตำนาน และเทพนิยายต่างๆ มากมาย โดยทั่วไปจัดว่า เป็นสัตว์ที่ดุร้าย และรักสันโดษ หากใครที่คิดจะจับขึ้นมา ว่ากันว่าต้องใช้สาวพรหมจรรย์ในการจับเท่านั้น ซึ่งยูนิคอร์นจะลืมสัญชาตญาณที่ป่าเถื่อน และจะเชื่องราวกับเป็นม้าธรรมดา แต่ในประเทศจีน( รู้จักกันดีในชื่อของกิเลน ( Qilin ))ยูนิคอร์นจะเป็นสัตว์ที่มีความสุภาพ อ่อนโยน และรักสงบ
หลักฐานที่ค้นพบว่า ยูนิคอร์นอาจเคยมีตัวตนอยู่จริงนั้น ปรากฏขึ้นครั้งแรกในหนังสือของอินเดีย ซึ่งเขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เมื่อประมาณ พ.ศ. 14 บรรยายไว้ตอนหนึ่งว่า" ในประเทศอินเดีย มีลาป่าชนิดหนึ่ง มีขนาดใหญ่เท่าๆ กับม้า ลำตัวของพวกมันมีสีขาว ศีรษะมีสีแดงเข้ม และมีดวงตาสีน้ำเงิน พวกมันมีเขาอยู่บนหน้าผากเขาหนึ่ง ซึ่งมีความยาวประมาณครึ่งเมตร "กล่าวกันว่า ยูนิคอร์นเป็นสัตว์ผสมระหว่างแรด ละมั่งหิมาลัย และลาป่า เขาของมันมีความแหลมคมมาก โดยมีพื้นสีขาวตรงกลางสีดำ และตรงยอดเป็นสีแดงเลือดหมู
เลี้ยงแมวกันผี ! ส่องตำนานเรื่อง "แมว" ในมุมของทาสจากทั่วโลก ! | บทความของ Tenshi Yuri | SistaCafe ครบเครื่องเรื่องบิวตี้
https://sistacafe.com/summaries/cat-legend-around-the-world-202584
เพกาซัส ( Pegasus )
เพกาซัสเป็นสัตว์ในเทพนิยายของกรีก มีลักษณะเป็นม้าที่มีร่างกายกำยำสวยงาม ลำตัวสีขาวบริสุทธิ์ และมีปีกที่กว้างสง่างามเหมือนปีกของนกพิราบตามตำนานเล่าว่า เพกาซัสเกิดมาจากเลือดของนางเมดูซ่าที่ถูกวีรบุรุษเพอร์ซีอุสฟันคอขาด แต่ในขณะที่นางกำลังสิ้นใจนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง และบินทะยานขึ้นสู่ฟ้า โดยไม่มีใครสามารถจับมันได้ แต่ในที่สุดเจ้าม้าพยศตัวนี้ก็ถูกปราบโดยเบลเลอโรฟอนโอรสของพระเจ้ากลอคุสกษัตริย์แห่งเมืองโครินธ์ ซึ่งต่อมาเบลเลอโรฟอนคนนี้ ก็ได้ขี่เพกาซัสเพื่อออกปราบตัวไคเมร่า
ไคเมร่า ( Chimera )
ในกวีของเทวปกรณัมกรีก บรรยายถึงไคเมร่าไว้ว่า"เธอเป็นสายพันธุ์ของเทพ ไม่ใช่ของมนุษย์ ในส่วนหน้ามีลักษณะเป็นสิงโต ในส่วนหลังเป็นงู และในส่วนกลางลำตัวเป็นแพะ หายใจออกมาในลักษณะที่ร้ายแรง เป็นพลังของไฟที่โชติช่วง และเบลเลอโรฟอนได้ปราบเธอ โดยเชื่อมั่นในเครื่องหมายของพระเจ้า "
เจ้าสัตว์ชนิดนี้ จัดเป็นสัตว์ที่อันตราย และโหดร้ายเอามากๆ ซึ่งตามตำนานเล่าว่า เจ้าตัวอะไรก็ไม่รู้นี้เป็นลูกของ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%B2และhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%99 อสูรกายสองผัวเมีย โดยมันได้ออกอาละวาด และทำความเสียหายให้กับเมืองลีเซีย ดังนั้นพระราชาจึงหาคนที่จะกำจัดมัน และในที่สุดก็ได้เบลเลอโรฟอน เป็นผู้รับภารกิจ โดยขี่ม้าเพกาซัสบินขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วใช้หอกที่ติดปลายด้วยก้อนตะกั่ว ขว้างเข้าไปในปากของมัน เมื่อมันพ่นไฟออกมา ตะกั่วจึงละลาย แล้วไหลลงคอ ส่งผลให้มันตายในที่สุด
ปัจจุบันคำว่าไคเมร่าจึงเป็นชื่อเรียกสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดหลายชนิด เช่นปลาทะเลน้ำลึกhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99 จำพวกหนึ่ง
กริฟฟิน ( Griffin )
ตามตำนานกล่าวว่ากริฟฟินเป็นสัตว์ในเทพนิยาย มีร่างกายเป็นครึ่งนกอินทรี ครึ่งสิงโตโดยส่วนหัว ขาคู่หน้า และปีก เป็นนกอินทรี แต่ส่วนลำตัว ไปจนถึงขาคู่หลัง และหาง เป็นสิงโตอาศัยอยู่ในถ้ำตามภูเขา ตำนานยังกล่าวอีกว่า เจ้ากริฟฟิน เป็นสัตว์เทพผู้พิทักษ์เหมืองทองคำ และทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่เป็นทอง และเป็นผู้ลากรถม้าของเทพอะพอลโลด้วย
โดยส่วนตัวแล้ว กริฟฟินเป็นสัตว์ที่มีนิสัยดุร้าย แต่จะเชื่องมากกับเจ้าของ ส่วนเรื่องพละกำลัง และความไวก็ไม่เป็นสองรองใคร
ในยุคแรกของคริสตศาสนากริฟฟินถูกเปรียบเทียบให้เป็นเหมือนกับสัญลักษณ์ของซาตาน ที่คอยล่อลวงวิญญานของมนุษย์ให้ติดกับ แต่ต่อมาก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของทวยเทพ และมนุษย์ โดยเฉพาะกับเทวทูตของพระผู้เป็นเจ้า เพราะถือว่า เป็นเจ้าแห่งพิภพ และเวหา อีกทั้งยังมีรังสีแห่งแสงอาทิตย์ด้วย ศัตรูของกริฟฟินคือบาซิลิสก์ซึ่งเปรียบได้กับรูปจำลองของซาตาน
ปัจจุบัน เรามักจะเห็นรูปกริฟฟินได้ทั่วไปจากงานศิลปะในหลายๆ วัฒนธรรม และพบได้ในตราประจำตระกูล
บาซิลิสก์ ( Basilisk )
บาซิลิสก์ เป็นงูใหญ่ที่น่ากลัว และอันตรายที่สุดของตำนานกรีก และยุโรป ซึ่งเพียงแค่มันมองผ่านเหยื่อ ก็ทำให้เหยื่อตายได้ มีนักเล่านิทานคนหนึ่งได้อธิบายว่า บาซิลิสก์เป็นงูที่มีมงกุฎสีทองเล็กๆ บนหัว
ในยุคกลางมีผู้เชื่อว่า มันเป็นเพียงงูที่มีหัวเหมือนไก่
บางครั้งก็มีหัวเป็นคน( สรุปเอาไงกันแน่!! -_-'' )ต้นกำเนิดของมันเกิดจากไข่ที่ออกมาจากพ่อไก่ ( หืมมม... )ระหว่างที่กลุ่มดาวสุนัขใหญ่ปรากฏบนท้องฟ้า และได้คางคกตัวเมียเป็นผู้กกไข่นั้นอีก( โฮ้ยยย ซับซ้อนหลายขนาน!! )
วิธีเดียวที่จะฆ่ามันได้ก็คือ ต้องถือกระจกไว้ข้างหน้าตัวมัน ก่อนที่มันจะมองผ่านมา เมื่อมันมองมาในกระจกนั้น มันก็จะเห็นเงาของตัวมันเองในกระจก และตายในทันที( หรือบางทีอาจไม่เคยมีใครรอดมาเล่าเรื่อง การได้เห็นตัวเป็นๆ ของบาซิลิสก์ เลยก็ได้นะ!!! o_O'' )
ในยุโรปสมัยกลาง บาซิลิสก์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย โดยคู่กับกริฟฟิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดี และบางครั้งก็ถูกนำไปใช้หลายครั้งตามนิยายแฟนตาซีต่างๆ และเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ
ฮิปโปกริฟฟ์ ( Hippogriff )
ถึงแม้จะมีชื่อว่าฮิปโปก็ใช่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮิปโปโปเตมัสแต่อย่างใด เพราะคำว่าฮิปโปในภาษากรีกนั้น แปลว่าม้าซึ่งเจ้าสัตว์ชนิดนี้ เป็นสัตว์ครึ่งกริฟฟิน ครึ่งม้า โดยส่วนหัว ปีก และขาหน้าจะเหมือนนกอินทรี แต่ท่อนลำตัวไปจนถึงขาหลังกลับเป็นม้าฮิปโปกริฟฟ์มีความสามารถ คือ บินระยะทางไกลที่ระดับสูงๆ ได้
โดยธรรมชาติกริฟฟิน และม้าจะเป็นศัตรูกัน ซึ่งฮิปโปกริฟฟ์จะเป็นลูกผสมระหว่างสัตว์ทั้งสอง และเป็นสัญลักษณ์ของการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ ดังนั้น จึงมีสำนวนโบราณที่เกี่ยวกับฮิปโปกริฟฟ์ว่า
ข้ามหลังกริฟฟินด้วยม้าซึ่งหมายถึง ภารกิจที่ไม่น่าเป็นไปได้
คนส่วนใหญ่เริ่มรู้จักเจ้าสัตว์วิเศษชนิดนี้ จากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบันในฐานะสัตว์เลี้ยงของแฮกริด
ฮิปโปแคมปัส ( Hippocampus )
มาถึงฮิปโป ( ม้า )อีกประเภทหนึ่ง นั่นก็คือฮิปโปแคมปัสนั่นเอง ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักเจ้า
สัตว์ชนิดนี้ดีเท่าไรนัก พวกมันเป็นสัตว์ในตำนานของชาวโฟนีเชียน ตั้งแต่สมัยเทพนิยายกรีก ไปจนถึงเทพนิยายอิทรูเรีย ซึ่งได้พรรณาไว้ว่าม้าทะเลตัวนี้มีครึ่งบนเป็นม้า ครึ่งท่อนล่างเป็นปลา มีเกล็ด และหางโค้งเหมือนหางของนางเงือกและเป็นพาหนะให้เทพโพไซดอน เพื่อใช้เทียมกับราชรถอีกด้วย หากใครได้ดูภาพยนตร์เรื่องเพอร์ซีย์ แจ็กสัน กับอาถรรพ์ทะเลปีศาจจะเห็นฮิปโปแคมปัสโผล่ขึ้นมาจากทะเล เพื่อเป็นพาหนะให้กับเพอร์ซี่และเพื่อน
นอกจากนั้น ในหนังสือ
สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่อาศัย
ซึ่งเป็นหนังสือเรียนในโลกเวทย์มนต์จากวรรณกรรมชิ้นเอกอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ได้กล่าวถึงฮิปโปแคมปัสไว้ว่า
" ฮิปโปแคมปัสมีถิ่นกำเนิดในประเทศกรีซ หัวและลำตัวท่อนหน้าเป็นม้า แต่หาง และลำตัวท่อนหลังเหมือนปลายักษ์ แม้ว่าสัตว์ชนิดนี้มักจะพบอยู่แถบเมดิเตอร์เรเนียนแต่ก็เคยมีพันธุ์หนังสีฟ้าเข้มตัวหนึ่ง ถูกชาวเงือกจับได้นอกชายฝั่งสก็อตแลนด์เมื่อปี ค.ศ. 1949 และหลังจากนั้นชาวเงือกก็เลี้ยงมันไว้ฮิปโปแคมปัสจะออกไข่ใบใหญ่ลักษณะกึ่งโปร่งใส มองเห็นตัวอ่อนข้างในได้ "
ซึ่งจากบทความตรงที่ขีดเส้นใต้นี้เอง ทำให้มาดามคิดว่า เจ้าสัตว์ชนิดนี้มีส่วนเชื่อมโยงกับตัว
เคลปี้ ( Kelpie )
ปีศาจจำพวกพรายน้ำในนิทานพื้นบ้านของสก็อตแลนด์ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับเจ้าฮิปโปแคมปัสเหมือนกัน แต่มีข้อแตกต่างกันก็คือ
เจ้าพวกนี้จะมีนิสัยที่ดุร้าย โดยพวกมันจะล่อลวงคนที่หยุดพักที่ริมน้ำที่มันอาศัยอยู่ ขณะที่หยุดพักดื่มน้ำ มันจะปรากฏตัวเป็นม้าสีขาวที่สงบเสงี่ยม แต่เมื่อคนขึ้นขี่หลังมัน มันจะพาดำดิ่งสู่ก้นแม่น้ำทันที
จนบุคคลนั้นตายด้วยการจมน้ำ
นอกจากนี้พวกมันยังอาศัยอยู่ที่แม่น้ำ ทะเลสาบ บึง หรือแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ แต่ฮิปโปแคมปัสจะอาศัยอยู่ในทะเล หรือมหาสมุทร
ไฮดรา ( Hydra )
ไฮดรา เป็นลูก
ของ
อีคิดนา
และ
ไทฟอน
เช่นเดียวกับ
ไคเมร่า
//สองผัวเมีย จ้าวแห่งอสูรคู่นี้มีทายาทเยอะมากค่ะ ไว้คราวหลังมาดามจะทยอยเล่าให้ฟัง ซึ่งเจ้า
สัตว์ประหลาดตนนี้ มีชื่อปรากฏอยู่ในตำนานกรีก อาศัยอยู่ในทะเลสาบเลอร์นา ลักษณะของมัน
เป็นส่วนผสมของสัตว์หลายชนิด คือ มีลำตัวเป็นสุนัข ร่างกายปกคลุมด้วยเกล็ดปลาที่แข็งแกร่ง มีหางเหมือนมังกร ส่วนหัวนั้นเหมือนงูนอกจากนั้นลมหายใจของมันยังมีพิษร้ายขนาดทำให้คนที่เข้าใกล้ถึงแก่ความตาย แต่ผู้ที่ปราบมันได้ก็คือ ยอดวีรบุรุษเฮอร์คิวลิสนั่นเอง
ดังนั้น การที่จะปราบเจ้าอสูรกายตนนี้ได้ เฮอร์คิวลิสจำเป็นที่จะต้องสูดลมหายใจให้เต็มปอดแล้วค่อยวิ่งเข้าใส่ โดยเอาไม้กระบองฟาดเปรี้ยงเข้าที่หัวของมัน และด้วยแรงอันมหาศาลของเขา ทำให้หัวของเจ้าไฮดราขาดกระเด็นลงมาหนึ่งหัว แต่ความสามารถของมัน ก็กลับทำให้มีหัวใหม่งอกขึ้นมาเพิ่มอีกสองหัว สู้ไปสู้มา ดันกลับเพิ่มขึ้นเป็น100 หัวซะนี่!!แต่สุดท้ายวีรบุรุษจอมพลังของเรา ก็ปราบมันได้อย่างสิ้นซาก ด้วยการเอาไฟลนทุกครั้งที่ตัดหัวของมันขาด ป้องกันการงอกขึ้นมาใหม่
//เยี่ยมมั้ยล่ะ!!
ไว้คราวหน้า มาดามจะมีสัตว์ในเทพนิยายตัวไหนมาเล่าต่อนั้น สาวๆ ชาว SistaCafeทั้งหลายก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ สำหรับวันนี้คงต้องลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ บ๊ายบายยย ^^