การช้อปปิ้งถือเป็นกิจกรรมที่สาวๆ ทั้งหลายโปรดปราน ยิ่งเดี๋ยวนี้ก็มีวิธีการที่สะดวกสบายมากขึ้น อย่างการช้อปปิ้งออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะผู้ซื้อไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางฝ่ารถติดเพื่อไปซื้อสินค้า แถมยังไม่ต้องเสียเงินค่ารถ ค่าน้ำมันอีกด้วย แต่การช้อปปิ้งออนไลน์ก็มีความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน นั่นคือ เสี่ยงที่จะถูกหลอกจากผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการจะขโมยเงินหรือข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเราไป ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย สบายใจในการเลือกซื้อสินค้า ลองอ่านเทคนิคที่จะช่วยให้เราปลอดภัยดู โดยเทคนิคที่ว่านี้จะมีอะไรกันบ้าง ตามมาดูกันค่ะ
1. ช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว
หลีกเลี่ยงทำรายการช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์สาธารณะ ยิ่งปัจจุบันนี้การทำธุรกรรมต่างๆ สามารถทำได้ง่ายขึ้น โดยการใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนส่วนตัว หรืออุปการณ์เสริมอื่นๆ แม้แต่การช้อปปิ้งออนไลน์ก็เช่นกัน เพราะเว็บไซต์ร้านขายสินค้าชั้นนำได้ออกแบบเว็บเพจให้รองรับการแสดงผลบนหน้าจออุปกรณ์ไอทีต่างๆ แล้ว ( Responsive Website )
2. หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะ
สาวๆ ขาช้อปฯ ทั้งหลายจ๋า ถ้าตั้งใจจะช้อปปิ้งออนไลน์ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ให้บริการฟรีกันนะ เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกดักจับหรือขโมยข้อมูลส่วนตัวของเราไปใช้ในทางไม่ดีได้ อาจทำให้ทรัพย์สินมีค่าของเราสูญหายไปค่ะ ทางที่ดีคือใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะแน่นอน
3. เลือกซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ
ก่อนเลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างๆ อยากให้ตรวจสอบประวัติของร้านค้าที่จะซื้อเสียหน่อย ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือน่าไว้ใจมากน้อยแค่ไหน เป็นร้านค้าที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ ประวัติการซื้อขายสินค้าเป็นอย่างไร โดยอาจจะหาข้อมูลร้านค้าจากผู้ที่เคยซื้อสินค้าหรือใช้บริการมาก่อนว่า ได้รับสินค้าจริงหรือเปล่า หรือมีคนเคยถูกหลอกไหม การบริการเป็นอย่างไร ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเอง และก่อให้เกิดความปลอดภัยและมั่นใจมากยิ่งขึ้น
4. ดูรายละเอียดให้ถี่ถ้วนแน่ใจก่อนคลิกซื้อ
นักช้อปฯ ออนไลน์มืออาชีพต้องไม่ลืมที่จะเลื่อนเมาส์ลงมาอ่านข้อมูลสินค้าอย่างถี่ถ้วนก่อนคลิกสั่งซื้อ นอกเหนือจากราคาสินค้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ชื่อรุ่น สี ไซส์ น้ำหนัก คุณสมบัติ ฯลฯ ตลอดจนการรับประกันและแหล่งที่มาของสินค้า อาทิ มีประกันครอบคลุมศูนย์บริการในเมืองไทยหรือไม่ หรือดูวันหมดอายุและวันที่ผลิตสำหรับสินค้าเพื่อการบริโภค หากเป็นไปได้ ควรมองหาช่องทางการซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ E-Commerce ที่มีนโยบายการันตีคืนเงินกรณีไม่ได้รับสินค้า หรือกรณีสินค้าที่ได้รับบกพร่องด้านคุณภาพ เขียนไว้บนเว็บไซต์อย่างชัดเจน เพื่อมอบความเชื่อมั่นและความคุ้มครองแก่ผู้บริโภค
5. มองหาสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความปลอดภัย
เมื่อได้สินค้าที่ต้องการแล้ว ก่อนจะสั่งซื้อสินค้าหรือใส่ข้อมูลส่วนตัวใดๆ ลงไป ให้มองหาสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความปลอดภัย โดยสังเกตที่ตัวอักษร
"https"
ที่มีสัญลักษณ์แม่กุญแจสีเขียวบนแถบชื่อเว็บไซต์เสียหน่อย ถ้าพบก็แสดงว่าข้อมูลที่รับส่งระหว่างกันนั้นมีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยไว้เรียบร้อยแล้ว คนอื่นจะไม่สามารถรู้ข้อมูลของเราได้ค่ะ
4. เลือกรูปแบบการชำระเงินที่ตรงสไตล์คุณ
การช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์ E-Commerce เต็มรูปแบบนั้นมักจะมีบริการชำระเงินที่หลากหลาย รองรับความต้องการของลูกค้าอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ที่ช่วยให้สามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว การโอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ต ทั้ง Paysbuy , Paypal หรือบริการธนาคารทางอินเตอร์เน็ตของธนาคารต่างๆ การชำระเงินสดปลายทางเมื่อสินค้าส่งถึงมือ ( Cash on Delivery ) หรือ อาจเลือกชำระผ่านช่องทางออฟไลน์อย่างเครื่องเอทีเอ็ม หรือจุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสต่างๆ ด้วยการสั่งพิมพ์เอกสารแล้วนำไปชำระด้วยบาร์โค้ด
5. สมัครใช้บริการ Verified by Visa หรือ MasterCard Secure Code
หากเลือกช่องทางชำระเงินผ่านบัตรเครดิต แนะนำให้สมัครใช้บริการ Verified by Visa หรือ MasterCard Secure Code ซึ่งบริการนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการชำระค่าสินค้าและบริการผ่านบัตรเครดิตทางอินเตอร์เน็ตได้อีกทางหนึ่ง เนื่องจากมีการใช้รหัสผ่านแบบธรรมดา หรือรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวทุกครั้งที่เราทำรายการชำระเงิน
6. ไม่เปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิตกับคนอื่น
การช้อปปิ้งออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต ผู้ซื้อจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลบนบัตรเครดิต ไม่ว่าจะเป็นหมายเลขบัตรเครดิต หรือรหัส CVV2 / CVC2 ทั้ง 3 หลัก ที่อยู่ด้านหลังบัตรให้คนอื่นได้รู้ เนื่องจากข้อมูลสำคัญเหล่านี้สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ ดังนั้นควรเก็บข้อมูลไว้เป็นความลับ
7. สำรวจโปรโมชั่นให้ครบแบบนักช้อปมือโปร
อย่าลืมมองหาโปรโมชั่นเสริม ซึ่งโดยปกติแล้วเว็บไซต์ E-Commerce จะร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้า อาทิ โค้ดส่วนลดพิเศษ ของแถม หรือคูปองต่างๆ ตลอดจนทางเลือกในการผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตจากธนาคาร ซึ่งช่วยยิ่งตอกย้ำได้ดีว่าเหตุใดบัตรเครดิตจึงเป็นรูปแบบของการชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะไม่เพียงแค่มีสถาบันทางการเงินทำหน้าที่เป็นพยานยืนยันการชำระเงินเท่านั้น ยังรวมไปถึงการระบุวันและเวลาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งธนาคารมักจะมีโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ มาเสริมให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
สำหรับใครที่ชอบช้อปปิ้งออนไลน์ลองนำเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ไปใช้กันดู และควรเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้จ่ายเงินกับการช้อปปิ้งมากจนเกินไป รวมถึงหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ และระมัดระวังทุกครั้งที่จะเลือกซื้อสินค้า รวมถึงการชำระเงิน เพื่อความปลอดภัย และสบายใจของเราค่ะ
Tips
- จำกัดวงเงินบัตรเครดิตเพื่อช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดได้จากการช้อปปิ้งออนไลน์- เก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการทำรายการไว้ตรวจสอบความถูกต้องทุกครั้ง