สวัสดีค่ะสาวๆ ซิสต้าสายความงามทุกคน ผู้หญิงคนไหนก็อยากมีผิวขาวเนียน ใสกิ๊งไร้รูขุมขนเหมือนดาราหรือเน็ตไอดอลกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ
ก็แหม... 'งานผิว' ดีๆ น่ะ ช่วยทำให้บุคลิกโดยรวมของเราดูดีขึ้นนี่นาใครจะอยากมีผิวหมองคล้ำ ผื่นขึ้น เกิดฝ้า จุดด่างดำ หรือมีสิวเม็ดใหญ่ล่ะ จากหน้าสวยเป็นหน้าพังเลยนะตัวเธอ TT^TT
เพราะอย่างนั้น...เทรนด์การทำ " Detox ผิว " เพื่อล้างพิษจากมลภาวะ สารเคมีจากเครื่องสำอาง ฝุ่นควันและสารเคมีต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันจึงถือกำเนิดขึ้น
มีตั้งแต่สูตรธรรมชาติอย่างพอกหน้าจากไข่ขาว ไปจนถึงใช้ครีมหรือเจลที่ผู้ผลิตแบรนด์ต่างๆ คิดค้นขึ้น แต่บางครั้งก็แอบคิดว่า ทำไปแล้วผิวจะใสขึ้นจริงหรือ เขาหลอกขายเอาเงินลูกค้าฟรีๆ หรือเปล่าเนี่ย -.-
เฉลยคือ....เพราะยูวีจากแสงแดดทำร้ายผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและดูแก่ก่อนวัย การดีท็อกซ์ผิวก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนให้ผิวดื่มน้ำผลไม้สดๆ นั่นแหละ!
มาหาคำตอบว่าทำไมเราต้อง Detox ผิวให้เนียนใสในบทความนี้กันเถอะ Let's Go!
ความจริงเกี่ยวกับ 'สารพิษ'
'การอยู่กลางแจ้ง' ทำให้ผิวแก่กว่าวัย

สาวๆ อาจคิดว่าสิ่งที่ทำร้ายผิวยามต้องออกนอกบ้าน / ทำกิจกรรมกลางแจ้งคือ "แสงแดด" เท่านั้น แต่ความเป็นจริงมีปัจจัยหลายอย่างมาก เช่น ฝุ่น ควัน มลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ เหล่านี้ล้วนทำให้พิกเมนต์สีผิวเปลี่ยนไป และเกิดริ้วรอย
สิ่งที่ทำร้ายผิวมากที่สุดคือ "เขม่าดำจากควันรถ" และ "ไอเสียจากน้ำมันดีเซล" เพราะสารสองอย่างนี้ปกคลุมด้วยไฮโดรคาร์บอนแบบ Polyaromatic ซึ่งผิวหนังดูดซับง่ายมาก เมื่อซึมไปถึงเซลล์ผิวหนังแล้ว จะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ( oxidative stress ) กระตุ้นยีนให้ผิวเหี่ยวก่อนวัย ทำให้ยีนสร้างริ้วรอย ผดผื่นต่างๆ และการแพร่กระจายของเมลาโนไซต์ ทำให้เม็ดสีผิวไม่สม่ำเสมอกันนั่นเองค่ะ
ผลเสียมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับ 'ความเข้มข้นของยูวี'

แก๊สโอโซนทำให้ผิวเสียสุดๆ ด้วยการทำลายสารต้านอนุมูลอิสระในผิวหนัง ผิวจะยิ่งเหี่ยวและมีริ้วรอยมากขึ้นในวันแดดแรงที่มีรังสี UV เยอะๆ หรือวันที่มีฝุ่นละอองเยอะๆ ค่ะ
สารพิษทำร้ายชั้นผิวที่เรียกว่า 'Squalene'

'สควอลลีน ( squalene )' เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวโดยเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่มักถูกทำลายโดยฝุ่นละออง ควันและท่อไอเสีย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอเป็นสาว 'ผิวแห้ง' ผิวหนังจะอ่อนแอและได้รับผลกระทบจากมลพิษเหล่านี้มากกว่าเดิมค่ะ
'ครีมบำรุงผิว' ช่วยปกป้องผิวจากมลพิษได้

ถ้าเธอทาครีม / เจล / โลชั่นบำรุงเคลือบผิวไว้ยามต้องออกกลางแจ้ง มลพิษเหล่านั้นจะติดกับครีมหรือเมคอัพเหมือนแมลงวันติดกาวเลยทีเดียว นั่นหมายความว่า 'สารพิษซึมเข้าสู่ผิวหนังน้อยลง' นั่นเอง
แต่ทั้งนี้ เพราะสารพิษ 'เกาะติดผิว' ก็อาจมีผลสะท้อนกลับได้เช่นกัน อย่าใช้มือสัมผัสผิวหน้าที่ลงรองพื้นหรือแป้งไว้โดยไม่ทำความสะอาดเสียก่อน เพราะการสัมผัสอาจทำให้สารพิษซึมสู่ผิวหนังเร็วขึ้น
อย่าขี้เกียจ ต้องล้างหน้าก่อนนอนทุกครั้ง เพราะเธอคงไม่อยากให้อนุภาคเล็กๆ ของสารพิษเหล่านี้เกาะติดบนผิวเธอไปตลอดคืนหรอกใช่ไหมล่ะ
การ 'ดีท็อกซ์ผิว'
ขอเน้นตัวโตๆ ว่า" การขจัดสารพิษจากผิวหน้าที่ดีที่สุดคือ 'ล้างหน้าทุกคืน' "เพื่อไม่ให้เจ้าฝุ่นละออง ควัน สารเคมีจากเครื่องสำอางซึมเข้าสู่ผิวหนังค่ะ
โฟมล้างหน้าเนื้อครีม ( Creamy cleansers )


การใช้ 'โฟมล้างหน้าเนื้อครีม' ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่ทำให้ผิวแห้งลงกว่าเดิม ในขณะที่หากใช้แบบสครับหรือสบู่ก้อน อาจทำให้ผิวเสียความชุ่มชื่นได้
แต่โฟมล้างหน้าชนิดนี้ก็มีข้อเสีย เพราะมันไม่สามารถขจัดอนุภาคเล็กๆ ของมลพิษทั้งหลายได้เช่นกัน หากใช้แปรงทำความสะอาดผิวหน้า ( cleansing brush ) ควบคู่ไปด้วยก็จะทำให้ผิวหน้าสะอาดขึ้นค่ะ
แผ่นเช็ดทำความสะอาดผิวหน้า ( Water-free cleansers )

คลีนซิ่งชนิดแผ่นหรือ face wipes ช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนใบหน้าได้โดยไม่ต้องใช้น้ำล้างออก เหมาะกับสาวๆ ที่เหนื่อยมาทั้งวันและขี้เกียจขัดถูเมคอัพหนักๆ ในห้องน้ำ -.-
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คลีนซิ่งชนิดนี้ทำความสะอาดไม่หมดจด 100% หากเธออยู่ในประเทศที่มีมลพิษเยอะ
( //ประเทศไทยเป็นกรณีศึกษาชั้นยอด ) ถ้าอยากให้ผิวใส เธอต้องล้างหน้าด้วยสบู่กับน้ำสะอาดอีกรอบ
อย่าเป็นสายฮาร์ดคอร์ด้วยความคิดประเภท "ใช้โฟมล้างหน้าแบบสครับทุกวันดีกว่า ขัดแล้วสะอาดดี" เพราะแพทย์ผิวหนังเตือนว่าคลีนซิ่งชนิดนี้ 'แรง' เกินจะใช้ทุกวัน ใช้บ้างเป็นครั้งคราวยามที่ผิวหน้าแข็งแรงดีกว่า ยิ่งขัดบ่อยผิวหน้ายิ่งบาง เผลอๆ เป็นแผลรอยแดงอีก!
น้ำมันทำความสะอาดผิวหน้า ( Oil cleansers )

'คลีนซิ่งชนิดออยล์' ช่วยขจัดคราบและสิ่งสกปรกจากเครื่องสำอางที่ละลายได้ในน้ำมัน หากต้องการให้ผิวหน้าสะอาดแน่นอน หลังจากใช้ออยล์ล้างแล้ว ใช้โฟมล้างหน้าเนื้อครีมแล้วปิดท้ายด้วยน้ำสะอาดค่ะ
ยี่ห้อคลีนซิ่งออยล์ที่สาวไทยนิยมใช้มีมากมาย เช่น DHC, Shu Uemura, Garnier, ฺBifesta, Bioderma, Biore, Shiseido, SK-II, ZA เป็นต้น แต่ละแบรนด์ก็มีสูตรสำหรับผิวมัน ผิวผสม และผิวแห้งแตกต่างกันไป อ่านฉลากส่วนผสมให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อนะคะ
มาส์กพอกหน้า ( Cleansing masks )

ผงถ่าน 'charcoal' มีความสามารถในการดูดซึมมากพอที่จะ 'ซับ' มลพิษ ฝุ่นละอองต่างๆ บนผิวหน้าได้ และไม่อุดตันรูขุมขนอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งที่ดีกว่า นั่นคือ มาส์กโคลน ( soft clay mask )
มาส์กโคลนดีต่อผิวแพ้ง่ายและผิวแห้งมากกว่า แต่ผงถ่านจะอุ้มน้ำมันมากกว่าจึงอาจเกิดการอุดตันได้ ยี่ห้อที่สาวไทยนิยมใช้ก็มี Etude, Laneige, Innisfree และ Origins ค่ะ
============================
การ 'ดีท็อกซ์ผิว' ไม่จำเป็นต้องไปเข้าคอร์สแพงๆ หรือทำทรีตเมนต์จากส่วนผสมประหลาดที่ไหน เพียงรู้ต้นตอการเกิดมลพิษผิว หาวิธีหลีกเลี่ยงและใช้คลีนซิ่งดีๆ ล้างหน้าทุกวันก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ขาว เนียนกระจ่างใสได้แล้ว =w=b!อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงแต่ละคนมีสภาพผิวหน้าที่แตกต่างกัน บางคนผิวมัน บางคนผิวแห้ง บางคนผิวผสม ( มันบริเวณ T-Zone แต่แห้งส่วนแก้มและคาง ) เลือกใช้คลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวตัวเองด้วย เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำงานเต็มประสิทธิภาพค่ะ ถ้าผิวมันแล้วใช้น้ำมันล้างหน้าอีกรอบ หรือผิวแห้งแล้วใช้สบู่ขัดหน้าปื๊ดๆก็คงไม่โอเคแน่ๆ =_=
อยากให้สาวซิสต้าทุกคนผิวสวยสุขภาพดีทุกคนเลย ^___^ แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ
============================
Cr. Do You Really Need to Detox Your Skin? [ Allure ]
http://www.allure.com/skin-care/2015/skin-detoxing