มันเป็นเรื่องที่ดีหากเราจะรักกันโดยไม่สนฐานะของแต่ละฝ่าย แต่เป็นเรื่องที่เพ้อฝันเกินไปที่จะรักโดยไม่สนเรื่องเงินทอง เพราะโลกแห่งความเป็นจริง ต่อให้เราจะเป็นคนรวยหรือจนก็ตาม จะกินจะใช้ก็ต้องใช้เงินซื้อไปซะหมด แม้แต่ของฟรีที่เราไปแลกมา เบื้องหลังของแต้มสะสมนั้นก็มาจากการใช้เงินของเราอยู่ดี

เป็นไปไม่ได้เลยหากเราจะคบกันโดยไม่เสียเงินสักบาท อย่างน้อยช่วงเวลาสำคัญ เช่น การออกเดทครั้งแรก เลือกของขวัญวันเกิด เดินทางไปหากัน (ไม่ว่าจะรถรับจ้างหรือค่าน้ำมันรถส่วนตัว) ก็ต้องมีควักจ่ายกันบ้างแหละ เพื่อให้ความรักขับเคลื่อนกันได้ ไม่ออกสักบาทมันก็กระไรอยู่


แต่จะควักจ่ายยังไงไม่ให้เดือดร้อนตัวเอง ไม่ให้รู้สึกว่าเป็นความรักที่ทำร้ายตัวเรา มันต้องมีทริคในการเลือกจ่ายสักหน่อย

#1 ควรจะช่วยหารจ่ายตั้งแต่เดทแรก

รูปภาพ:http://cdn.sheknows.com/articles/2011/07/first-date-at-cafe.jpg

ในโลกความเป็นจริง ใช่ว่าผู้ชายทุกคนจะปากตรงกับใจเสมอไปบางคนฐานะไม่พร้อมแต่ก็อยากจะโชว์ป๋าให้เราประทับใจ บางคนก็อยากอวดเพื่อน อวดเรา โชว์ฟอร์มว่าตัวเขารวยจริง บางคนก็ต้องการให้โอกาสนี้เป็นสิทธิพิเศษในการร้องขออะไรจากเรา โดยอ้างว่า

' ผมอุตส่าห์เลี้ยงคุณนะ '

บางคนก็อยากทดสอบเราเล่นๆ ว่าเราจะมีน้ำใจกับเขารึเปล่า

เพื่อตัดปัญหาประการทั้งปวง สาวๆ ควรออกตัวทันทีเลยว่าจะช่วยกันออกค่าใช้จ่ายแบบหารครึ่งกัน หรือรับผิดชอบเฉพาะในส่วนที่ตัวเราสั่งแค่นั้นนอกจากเป็นการเซฟทั้งตัวเรา และตัวผู้ชาย มันยังเป็นการสร้างความประทับใจครั้งแรกเจอให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเราก็เห็นอกเห็นใจคนอื่นเป็นนะ

***ถ้าเดทแรกเรามีเหตุให้ไม่พร้อมจะช่วยแชร์ค่าใช้จ่าย เราควรหาโอกาสครั้งต่อไปในการตอบแทนเขาบ้าง เป็นของขวัญเล็กน้อย หรือการให้ความช่วยเหลือในเรื่องที่พอจะช่วยได้ เพื่อป้องกันการอ้างว่าเราก็แค่ผู้หญิงมาขอกินฟรีแล้วจากไป ( แหม .. เจอกันครั้งแรก รู้หน้าไม่รู้ใจเนาะ เซฟตัวเองไว้ก่อนก็ดี )


#2 ต่อให้เป็นแฟนกันแล้วก็ยังต้องติดนิสัยแยกกันจ่าย

รูปภาพ:https://expertbeacon.com/sites/default/files/eliminate_the_money_problems_causing_fights_in_your_relationship.jpg

จำเอาไว้ว่า' ก่อนจะยืมเงินใคร ให้พึ่งพาตัวเองให้ถึงที่สุดก่อน 'อย่ายุ่มย่ามกระเป๋าตังค์กันเป็นว่าเล่น เพราะแต่ละคนก็มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน เดี๋ยวมันจะยุ่งเหยิงกว่าเดิม ก่อนเป็นแฟนกันเราใช้จ่ายตัวคนเดียวได้ เขาใช้จ่ายตัวคนเดียวได้ ตอนเป็นแฟนกันก็ควรทำแบบนั้นเหมือนเดิม


#3 สร้างเงินกองกลางไว้ก็ดี

รูปภาพ:http://buzzworthy.s3.amazonaws.com/wp-content/uploads/2014/09/money-couple.jpg

เทคนิคนี้ประยุกต์จากคู่ที่แต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันที่พ่อบ้านและแม่บ้านต่างก็มีกระเป๋าส่วนตัวไป แล้วต้องช่วยกันออมเงินไว้เป็นเงินกองกลางเพื่ออนาคตของลูก แต่สำหรับคู่แฟนกันนั้นจะต่างที่ว่าเงินกองกลางนี้มีไว้เพื่อเหตุฉุกเฉินเช่น กู้ยืมในกรณีที่เงินส่วนตัวเริ่มช็อต เบิกไปแล้วต้องรีบหามาเติมให้เหมือนเดิมหรือมีไว้เพื่อออกทริปกินเที่ยวด้วยกันในกรณีที่เงินกองกลางนี้สะสมเป็นจำนวนมากแล้ว

ข้อดีของเทคนิคนี้คือไม่ก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของกระเป๋าตังค์แต่ละคน เมื่อเลิกกันก็แค่หารครึ่งกัน แต่มันเหมาะสำหรับคู่ที่มีวินัยทางการเงินมากๆ ในแบบที่มีความสม่ำเสมอพอที่จะส่งเงินเข้ากองกลางบ่อยๆ ไม่เหมาะสำหรับคู่ที่เงินชนเดือนบ่อยๆ หรือมีค่าใช้จ่ายรายเดือนเยอะอยู่แล้ว เพราะมันจะทำให้รายรับรายจ่ายของแต่ละคนเสียสมดุล


#4 ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงอะไรมาก ผลัดกันเลี้ยงไปเถอะ

รูปภาพ:http://s3.favim.com/orig/39/cinema-couple-cute-pop-corn-zooey-deschanel-Favim.com-320598.jpg

ค่ากิน ค่าตั๋วหนัง ค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ไม่กี่สิบไม่กี่ร้อยก็ผลัดกันเลี้ยงไปเถอะ

แต่ ....

- อย่าลืมเช็คกระเป๋าตัวเองด้วยว่ามีรายจ่ายอะไรที่จำเป็นรออยู่รึเปล่า

- เฉลี่ยๆ ให้เท่ากัน อย่าให้ใครคนนึงต้องเลี้ยงบ่อยไป

ใจป้ำต้นเดือน แต่ปลายเดือนไม่มีกิน ก็ไม่ไหวนะเธอ


#5 อย่าให้แฟนยืมเงินเพราะรัก แต่ควรให้เพราะเขาและเรามีวินัยพอ

รูปภาพ:https://www.ukhomeandpersonalloans.co.uk/images/happy-couple.jpg

หลายคนที่ไม่ได้เงินคืนจากแฟน/แฟนเก่า นั่นก็เพราะ' ให้โดยเสน่หา 'เห็นแก่คนรักกันเลยให้ไปซะ แต่ลืมนึกไปว่าในความเป็นจริงแล้ว นิสัยการใช้เงินของเขาน่าเชื่อถือแค่ไหน มีวินัยเพียงใด

ถ้าเรากล้าพอที่จะให้เขายืมเงินเราก็ต้องมั่นใจว่าเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น และในขณะเดียวกัน เราก็ต้องมั่นใจตัวเองด้วยว่า กล้าพอที่จะทวงเมื่อเดือดร้อนจริงๆโดยไม่เอาฐานะคนรักกับลูกหนี้มาปนกัน

แต่ช้าก่อน ... อย่าเพิ่งให้ยืมในทันที ต้องพิจารณาข้อต่อไปเป็นเหตุผลประกอบกันด้วย


#6 จำนวนเงินก้อนที่ให้ยืม ไม่ควรเกิน15% ของรายได้ของเราแต่ละเดือน

รูปภาพ:http://s3.favim.com/orig/39/cinema-couple-cute-pop-corn-zooey-deschanel-Favim.com-320598.jpg

แต่ละคนย่อมมีค่าใช้จ่ายรายเดือนกันทั้งนั้น ยิ่งผู้หญิงเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลตัวเองเพิ่มมาอีก อย่างน้อยก็ผ้าอนามัยทุกเดือน บางเดือนก็ครีมหมด เครื่องสำอางหมด เพราะฉะนั้นถ้าแฟนเราจะขอยืมเงินก้อน ควรให้ไม่เกิน 15% ของค่าขนมที่เราได้แต่ละเดือน

สมมติว่า เราได้เงินเดือนละ 3,000 บาท ให้ยืมไม่เกิน 15% = ไม่เกิน 450 บาท แค่นี้ก็เยอะแล้วนะคะ เพราะอย่าลืมนึกถึงว่าเรากินรายวันเท่าไหร่ ต้องเดินทางอีกเท่าไหร่ คูณรวมกันเป็นรายจ่ายต่อเดือนก็เยอะแล้วนะ


#7 สิ่งที่ไม่จำเป็น ไม่ควรให้ยืมเงินจ่าย

รูปภาพ:http://s3.favim.com/orig/39/cinema-couple-cute-pop-corn-zooey-deschanel-Favim.com-320598.jpg

อะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ไม่เร่งด่วน อย่าใจกว้างควักให้อย่างไม่คิด เชื่อสิว่าให้เขาเก็บตังค์ซื้อเอง หรือเราเก็บตังค์ซื้อไว้เซอร์ไพรส์เขายังไงก็ดีกว่าแน่ๆ เพราะของขวัญ ยิ่งได้มายาก ยิ่งมีคุณค่าแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเราก็อย่าติดนิสัยเป็นแต่ฝ่ายให้ฝ่ายเดียว ผลัดกันให้ ผลัดกันรับบ้างเพื่อความแฟร์ต่อกัน


#8 อย่าเสียสละสมบัติส่วนตัวเพื่อความรัก

รูปภาพ:http://s3.favim.com/orig/39/cinema-couple-cute-pop-corn-zooey-deschanel-Favim.com-320598.jpg

ถ้าเงินไม่มีให้ยืม หรือไม่พอจ่ายไปกับความสุขสองเรา อย่าดึงคนอื่นมาช่วยด้วย เช่น ขอยืมเงินเพื่อน, ขอยืมพ่อแม่ หรือยอมแม้กระทั่งเอาสมบัติไปจำนำ

ถึงแม้สมบัติจะเป็นของนอกกายก็จริง แต่เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะคบกับแฟนได้นานเท่าไหร่ เกิดเลิกกันขึ้นมา แล้วสมบัติก็ไม่ได้คืน อย่างงี้ก็แย่สิ

ให้แต่พอดี รักอย่างมีขอบเขต อะไรที่รู้สึกว่ามันมากไปแล้ว ควรบอกเขาตรงๆ และอย่าอายที่จะยอมรับว่ายังไม่พร้อมให้ความช่วยเหลือในเรื่องเงินนะ แต่พร้อมจะให้กำลังใจและช่วยคิดนะว่าจะเธอควรหมุนเงินยังไง ถ้าสามารถดูแลกันได้ดีตั้งแต่เป็นแฟนกัน พอแต่งงาน มีครอบครัว จะรู้สึกสบายๆ เลยแหละ :)

บทความที่เกี่ยวข้อง