" เราควรใช้เงินซื้อความสุขในวันนี้ หรือ เก็บเงินไว้สร้างความสุขในอนาคต "

คำถามที่หลายๆ คนยังถกเถียงกันไม่ตกว่าแท้จริงแล้วเราควรใช้เงินซื้อความสุขในช่วงไหนของชีวิตกันแน่ ?

หากย้อนกลับไปตั้งคำถามนี้ในยุคของคุณพ่อคุณแม่หรือจะเรียกว่าเจนเนอเรชั่น เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) แน่นอนว่าคำตอบย่อมเป็นอย่างหลัง ออมเงินเพื่อเก็บไว้ใช้สอยในยามแก่ชรา ทางกลับกันในมุมมองของเด็กรุ่นหลังอย่างเราๆ ก็ยังแอบตั้งคำถามเจือความสงสัยไว้ในใจว่า

ถ้ารอจนถึงวันนั้นเราจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้เพื่ออะไร ? ใช้เพื่อตัวเองหรือเปล่า ? หรือแม้แต่ร่างกายของเรายังจะแข็งแรงพอเพื่อรอให้ใช้เงินที่เก็บมาทั้งชีวิตหรือไม่ ?

สิ่งเหล่านี้เป็นข้อยืนยันว่ายุคสมัยเปลี่ยน เจนเนอเรชั่นเปลี่ยน ความคิดก็เปลี่ยนตามไปด้วย เป็นไปได้ว่าความสุขของคนในยุคนี้อาจไม่ใช่การนั่งมองจำนวนตัวเลขที่เพิ่มขึ้นสมุดบัญชีอีกต่อไป หรืออาจจะเป็นเพราะผลตอบแทนที่ได้จากการออมเงินในปัจจุบันไม่ได้คุ้มค่ามากพอที่จะเก็บเงินไว้รอซื้อความสุขในวันข้างหน้า และปฏิเสธไม่ได้ว่าในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ประสบการณ์ และ การได้ออกไปใช้ชีวิต

อาจสำคัญมากกว่าการมีเงินล้นบัญชี

รูปภาพ:

" เงินไม่ได้ซื้อความสุขให้เราโดยตรงแต่ความรู้สึกต่างหากที่สร้างความสุขให้กับเรา "

นี่อาจจะเป็นสิ่งยืนยันได้ว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ค่ากับ

" ประสบการณ์ "

ในช่วงที่ยังสัมผัสได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกเดินทางท่องเที่ยว หลายๆ คนยินดีจ่ายเพื่อประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ เช่นเดียวกับธุรกิจการบินที่ปรับตัวเพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์นี้ไม่ต่างกัน เราจะเห็นได้ว่า ตั๋วเครื่องบินในปัจุบันมีให้เลือกหลายเส้นทาง หลากสายการบิน และที่สำคัญราคาไม่ได้แพงหูฉี่เหมือนเมื่อก่อน ทุกวันนี้เรามีสายการบิน Low-cost ที่ราคาเอื้อมถึง ทำให้การไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ ถ้าไม่เน้นนอนหรู อยู่สบายจนเกินไป เงินแค่หลักหมื่นเบาๆ ก็พาคุณโบยบินออกไปพบเจอสิ่งใหม่ๆ ในโลกกว้างได้แล้ว

รูปภาพ:

" ออมก่อนเที่ยว "  หรือ " เที่ยวก่อนออม "

คำถามขบคิดในประเด็นนี้ แท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้มีกฎตายตัวที่สามารถใช้ได้กับทุกคน และการเลือกวิธีใดก็ไม่ได้แปลว่าอีกวิธีจะผิดเสมอไป บางคนอาจจะเลือก ออม และ เที่ยว ไปพร้อมๆ กันทั้งคู่โดยไม่ต้องตัดสิ่งใดทิ้งไป เรามองว่าคำถามโลกแตกที่ว่า

จะเที่ยวก่อนออมเลือกซื้อความสุขในวันนี้ หรือจะออมก่อนเที่ยวอดเปรี้ยวไว้กินหวานใช้ความสุขในวันข้างหน้า

อาจจะหาขอสรุปได้ หากทุกคนเริ่มต้นด้วยการ

รู้จักวางแผนการเงินที่ดี

ออมเงินยังไง ? ให้ Money, Life, Balance !

การออมเงินให้ Money, Life, Balance ก็คือ การวางแผนการเงินที่ดี

มีเงินใช้ในชีวิตประจำวัน , มีเงินออม และมีเงินไว้สำหรับซื้อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ได้ หากเราสามารถบริหารเงินที่มีให้ครอบคลุมได้ทั้งหมดก็จะสามารถ Balance ความสุขและอนาคตไปได้พร้อมๆ กันค่ะ โดยเริ่มจาก

1.) กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน

สิ่งแรกควรเริ่มสำรวจตัวเองซะก่อนค่ะว่า เรามีเป้าหมายทางการเงินอย่างไร ? อยากซื้อบ้าน , รถ เป็นของตัวเอง , อยากมีเงินออมมากหน่อย หรืออยากเที่ยวและมีเงินเก็บไปด้วยพร้อมๆ กัน เมื่อเรารู้เป้าหมายทางการเงินแล้ว เราก็จะสามารถจัดสรรการออมเงินแต่ละส่วนให้มากน้อยตามเป้าหมายตั้งต้นของเราได้ค่ะ เช่น ถ้าเราอยากมีเงินออมมากกว่าเงินซื้อความสุขในปัจจุบัน ก็ควรเก็บในส่วนของเงินออมให้มากกว่า เป็นต้น

2.) แบ่งเงินให้เป็นสัดส่วน

หลายคนพังมานักต่อนักแล้วค่ะกับการใช้เงินกองเดียว ถึงแม้เราจะมองว่าเราเอาอยู่ แต่จริงๆ แล้วอาจจะมีค่าใช้จ่ายไม่คาดฝันต่างๆ มาทำให้เราสับสนและใช้เงินปนกันมั่วไปหมด ท้ายสุดอาจจะไม่มีทั้งเงินเก็บ เงินเที่ยว หรือแม้แต่เงินใช้ในชีวิตประจำเลยทีเดียว

ระเบียบวินัยในการใช้เงินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

วิธีที่เราอยากแนะนำทุกคนก็คือ

การแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ อาจจะเปิดบัญชีแยกไปเลยก็ได้ค่ะ เงินเดือนออกเมื่อไรก็ทำการแยกเงินออกจากกันให้ชัดเจนไปเลย

ส่วนนี้คือค่าใช้จ่ายทั่วไป , ส่วนนี้คือเงินออมเพื่ออนาคต , ส่วนนี้คือเงินออมไว้ซื้อความสุข การแบ่งเงินลักษณะนี้จะทำให้รู้ได้ว่าเรามีเงินแต่ละส่วนอยู่เท่าไร และช่วยให้ใช้จ่ายได้อย่างไม่เกินตัวค่ะ แต่ข้อสำคัญเลยก็คือเพื่อนๆ ต้องเคร่งครัดกับตัวเอง ห้ามใช้เงินออมผิดประเภทเด็ดขาด แค่นี้เราก็จะมีทั้งเงินออม และเงินเที่ยวไปพร้อมๆ กันได้แล้ว


รูปภาพ:

3.) ประมาณการเที่ยวให้เหมาะกับตนเอง

หากอยากจะซื้อประสบการณ์ให้ความสุขกับตัวเองด้วยการเที่ยว ก็ต้องรู้จักประมาณตนเองด้วยเช่นกันค่ะ เราออมเงินไว้สำหรับเที่ยวเท่านี้ ก็ควรเลือกจุดหมายปลายทางให้เหมาะกับเงินที่มีอยู่ จำไว้ว่าการไปเที่ยวให้มีความสุขนั้นกลับมาแล้วจะต้องไม่มีเรื่องให้ทุกข์ใจตามมา หากมีน้อยก็ลองมองที่เที่ยวในประเทศ หรือประเทศที่ค่าใช้จ่ายไม่แพง ที่สำคัญเลยคืออย่ารีบร้อนควรวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างที่บอกไปข้างต้นไว้ว่าเดี๋ยวนี้ ตั๋วเครื่องบินราคาถูกมีอยู่เยอะมาก แค่เรารู้จักหาโปรฯ ให้เป็น ก็จะช่วยทุ่นค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มากแล้วค่ะ

( แนะนำว่าให้เกาะติดเพจตั๋วเครื่องบินไว้ดีๆ เช่น ar-pae.com , changtrixget , ติดโปร - pro addict เป็นต้น )

อีกสิ่งในการเที่ยวแบบประหยัดก็คือต้องหา Lifestyle การเที่ยวของตัวเองให้เจอ ถ้ารู้ตัวว่าอยากเที่ยวดี พักดี กินดี แบบไปทั้งทีไม่อยากมากลั้นใจ แบบนี้ควรเที่ยวให้น้อยแต่หนัก เน้นเก็บเงินยาวๆ สักก้อนแล้วค่อยเที่ยวทีเดียว แต่หากเพื่อนๆ คนไหนเป็นสายอยู่ง่ายกินง่ายสไตล์ backpacker ก็อาจจะเที่ยวได้หลายที่มากกว่าในจำนวนเงินพอๆ กัน จุดนี้ก็ต้องลองวางแผนตามความชอบของแต่ละคนดูค่ะ

4.) อย่าสร้างหนี้โดยไม่จำเป็น

การจะซื้ออะไรสักสิ่งให้ตัวเอง ก่อนซื้ออยากให้เพื่อนๆ ลองทบทวน ตั้งคำถามกับตัวเองดูซะก่อนว่าของสิ่งนี้ จำเป็นมากน้อยแค่ไหน และเงินที่มีอยู่นั้นสามารถซื้อได้หรือเปล่า

ลองให้เวลากับความอยากของตัวเองดู หากผ่านไปแล้วความอยากลดลง อาจแปลว่าของสิ่งนั้นเป็นแค่ของที่เราอยากได้ ไม่ใช่ของที่จำเป็นต้องมี

ถ้ามองแล้วว่าการได้มาซึ่งของสิ่งนี้จะเป็นการสร้างหนี้ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไปก่อน อย่าลืมว่ายิ่งเรามีหนี้ที่ไม่จำเป็นมากแค่ไหน รายจ่ายก็จะยิ่งมากขึ้น เงินออมที่พึงได้ก็จะลดลงตามไปด้วย ในสุดท้ายแล้วถ้าอยากได้จริงๆ แนะนำให้ฮึดสู้แล้วค่อยๆ เก็บซื้อเงินซื้อเงินสดเลยจะดีกว่าค่ะ ไม่ต้องเป็นภาระมานั่งผ่อน จ่ายแล้วจบสวยๆ ไปเลย

เช่นเดียวกับการใช้บริการบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสด ความสะดวกสบายที่ล่อตาล่อใจเหล่านี้มีค่าราคาจ่ายที่สูงหากเราไม่มีระเบียบวินัยในการใช้ หากใช้ดีก็เป็นข้อดีมีสิทธิประโยชน์มากมาย แต่ถ้าใช้โดยไม่ประมาณตนแล้วล่ะก็อาจจะทำให้เพื่อนๆ ล้มละลายไม่รู้ตัว ( ดอกเบี้ยบัตรเครดิตโหดมากนะจ๊ะบอกเลย )

5.) มองหาช่องทางเพิ่มเงินออม

ในยุคที่สิ่งเร้าทางสังคมสูงขนาดนี้ การหาเงินทางเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตให้มีความสุข นอกจากการออมเงินในบัญชีธนาคารที่ดอกเบี้ยน้อยนิดแล้ว เพื่อนๆ ควรจะมองหาช่องทางเพิ่มเงินออม หรือเพิ่มรายรับให้มากกว่าหนึ่งทาง เช่น คุณอาจจะนำเงินที่นอนนิ่งอยู่ในธนาคารไปซื้อสลากออมสิน เป็นการออมที่สามารถเพิ่มเงินขึ้นได้หากเราถูกสลากดีกว่าปล่อยให้เงินอยู่กับที่โดยไม่เพิ่มขึ้น หรืออาจจะแบ่งเงินไปลงทุน , เล่นหุ้น , ซื้อทองเก็งกำไร ฯลฯ ยังมีช่องทางเพิ่มเงินออมอีกหลากหลายทางที่เราอาจยังไม่รู้ เพียงแต่เพื่อนๆ คงจะต้องลองศึกษาประเมินความเสี่ยงให้เหมาะกับเงินที่มีอยู่ก่อนตัดสินใจลงทุน แต่อย่างที่บอกไปเบื้องต้นว่า บางทีการนอนมองตัวเลขเยอะๆ ในสมุดบัญชีอาจจะไม่ใช่คำตอบในการออมเงินเสมอไปนะคะ

รูปภาพ:

หรือทางสายกลางคือคำตอบ  " รวยช้า แต่หาความสุขได้มาก "

ในบางมุมบางคนอาจจะมองว่าวิธีการออมเงินแบบนี้มันทำให้คุณ

รวยช้า


แต่สิ่งที่คุณได้มาคือคุณค่าในการใช้ชีวิต

ถึงแม้จะรวยช้าในแง่ของร่ำรวยเงินเก็บ แต่สิ่งที่แลกมาได้คือความร่ำรวยในประสบการณ์ชีวิตรูปแบบหนึ่ง

เราเชื่อเหลือเกินว่า ความสุขสำหรับบางคนไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ลองเลือกดูว่าสำหรับตัวคุณแล้วอยากร่ำรวยในแบบไหน ไม่มีช้อยส์ที่ผิดมีแต่ทางเลือกที่คุณชอบ และอีกนัยหนึ่งเรายังแอบเชื่อว่าความสุขและประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้ออกไปพบเจอขณะเดินทางนั้น จะเป็นแรงผลักดันชั้นเยี่ยมที่ทำให้ทุกคนขยันหาเงินไปพร้อมๆ กับเก็บเงินมากขึ้นได้เอง

ในท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนไม่ได้ตีความคำว่าความสำเร็จเหมือนกันเสมอไป

ความสำเร็จของคนอื่นอาจเป็นเงินเก็บหลักล้าน แต่ความสำเร็จของคุณอาจจะเป็นแค่การได้ออกไปใช้ชีวิต

ใจความสำคัญอยู่ที่เป้าหมายหรือการหาทางสายกลางของคุณให้เจอ

ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรือมีชีวิตในฐานะอายุน้อยร้อยล้านก็ได้ แค่วันนี้ตัวคุณมีความสุขแบบพอเหมาะ ไม่เบียดเบียนคนอื่นและไม่เดือดร้อนตัวเอง ใช้เงินอยู่บนความไม่ประมาท รู้จักแบ่งกิน แบ่งเก็บ แบ่งออกไปเพิ่มความสุขให้ชีวิตก็เพียงพอแล้ว

สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะหาทางบริการจัดการเงินให้Money, Life, Balanceในรูปแบบของตัวเองเจอนะคะ :)