สวัสดีค่าสาวๆ ไหนใครที่มีปัญหาผิวไม่แข็งแรงกันบ้างช่วงนี้เราก็ใช้ช่วงกักตัวให้เป็นประโยชน์ใครที่ผิวพังอยู่ก็ใช้ช่วงเวลาตรงนี้ในการกอบกู้ผิวของเราให้กลับมาสดใสกันเลยค่า ซึ่งไอเทมเด็ดของวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก"น้ำตบเห็ด"จากแบรนด์ Originsที่เลื่องชื่อมานานแสนนานเค้าว่ากันว่าเป็นน้ำตบครอบจักวาลที่ช่วยกอบกู้ผิวของเราได้เกือบทุกรูปแบบให้กลับมาปังได้ในขวดเดียว และเจ้าน้ำตบตัวนี้สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบจะตบๆ เข้าผิวหรือจะเทใส่สำลีเช็ดเป็นโทนเนอร์ก็สามารถทำได้ และที่เหนือไปกว่านั้นคือสามารถทำเป็นมาส์กหน้าได้ด้วยบอกเลยว่าคุณภาพเค้าเกินราคาจริงๆสาวๆ ก็เริ่มสงสัยกันแล้วใช่มั้ยคะว่าทำไมน้องเค้าถึงโด่งดังขนาดนี้ ไม่ว่าจะสายเกา หรือ สายฝอก็มีน้ำตบขวดนี้ติดบ้านกันแทบทุกคน อีกทั้งเหล่าบิวตี้บล็อกเกอร์ยกเจ้าน้ำตบเห็ดให้เป็น Favorite ในดวงใจอีกด้วยซึ่งแน่นอนค่าทางเราหลังจากได้ยินหลายๆ เสียงบอกว่านางดีจริงก็เลยไปตำมาในที่สุดจนกลายเป็นลูกรักไปโดยปริยายบอกเลยว่าตอนนี้ขาดน้องเค้าไม่ได้แล้วค่าหมดก็ซื้อใหม่ตลอด และหลังจากใช้มาจนเข้าขวดที่ 4 บอกเลยว่านางเลิศจริง! ดีจริง! สมคำล่ำลือ! นางจะดีแค่ไหนเราไปอ่านรายละเอียดกันเลยดีกว่าค่ะ~
ORIGINS Mega-Mushroom Relief & Resilience Soothing Treatment Lotion
พูดถึงตัวแพ็กเกจกันก่อนเลยบอกเลยนางมาในรูปแบบขวดพลาสติกสีเขียวเข้ม ลักษณะสี่เหลี่ยมทรงสูงที่แสนจะทนทานถามว่ารู้ได้ยังไงน่ะหรอ ก็เพราะว่าทางเราทำตกบ่อยค่ะเลยทำให้ชอบเจ้าตัวนี้เข้าไปใหญ่และที่เหนือกว่ารูปร่างของเจ้าตัวนี้ก็คือสรรพคุณนั่นเองเจ้าตัวนี้เค้าเลิศตรงที่ว่าช่วยฟื้นฟูผิวของเราให้กลับมาแข็งแรง ต้องบอกเลยว่าการมีผิวที่แข็งแรงคือพื้นฐานผิวที่ดีเลยแหละค่า เพราะถ้าผิวเราแข็งแรงแล้วการเกิดสิวก็จะลดน้อยลง ริ้วรอยก็ไม่ถามหาซึ่งส่วนผสมหลักก็มาจากเห็ดนานาชนิดไม่ว่าจะเป็น เห็ดชาก้า, เห็ดหลินจือ, เห็ดถั่งเช่า รวมถึงสาร Sea Buckthorn และ Lactobacillus ทั้งหมดนี่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง ปลอบประโลมผิวที่ดูเหนื่อยล้าให้มีชีวิตชีวาและลดการระคายเคืองผิวอีกด้วย
ส่วนผสมเด็ด! จากเห็ดนานาชนิด
ใครรักสกินแคร์สายเขียว สายออร์แกนิคต้องชอบแน่นอนเพราะส่วนผสมหลักของเค้ามาจากเห็ดธรรมชาติ 3 ชนิด
เห็ดหลินจือ (Reishi) :
อย่างที่ทราบกันดีว่าเห็ดหลินจือเป็นสมุนไพรชั้นยอดที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก นอกจากจำบำรุงร่างกายได้แล้ว ยังสามารถบำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูสดใสเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา ช่วยล้างสารพิษและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง เพราะในเห็ดหลินจือมีสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดเลยทีเดียว
เห็ดถั่งเช่า (Cordyceps) :
หรือที่เรียกกันว่า "หญ้าหนอน" เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่อยู่ในตำรายาจีนโบราณมากกว่า 2000 ปีที่ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังใครที่ผิวอักเสบ แดง ลอกถือว่าตอบโจทย์มากๆ เลยแหละค่ะ
เห็ดชาก้า (Chaga) :
เป็นเห็ดที่ใช้เป็นยามานานนับพันปี ผ่านกระบวนการหมักอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ได้สูตรที่ดีที่สุดต่อผิวของเรา
ซีบัคธอร์น (Sea Buckthorn) :
ซีบัคธอร์นมีวิตามินซีสูงมากกว่าผลไม้ทุกๆชนิด มากกว่าส้มถึง 15 เท่า และมีวิตามินอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของผิวอีกทั้งยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นของผิวได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
เนื้อผลิตภัณฑ์บางเบาได้กลิ่นอายร้านสปา!
มาพูดถึงเนื้อผลิตภัณฑ์กันบ้างบอกเลยว่าน้ำตบเห็ดนั้นเนื้อบางเบาและซึมไวมาก แต่ยังคงทิ้งความชุ่มชื่นไว้ที่ผิวทำให้ลำดับการทาสกินแคร์ตัวต่อไปเห็นผลชัดขึ้นกว่าเดิมซึ่งโลชั่นเนื้อน้ำตัวนี้เป็นสีใสๆ และค่อนข้างเหลวทำให้เราสามารถลงน้ำตบได้หลายเลเยอร์โดยที่ไม่หนักหน้าเลยส่วนเรื่องของกลิ่นต้องบอกก่อนเลยว่าครั้งแรกที่เปิดขวดหลงรักเจ้าน้องตัวนี้ในทันทีเลยค่ะ ด้วยความที่ทางเราชอบกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติอยู่แล้วเลยทำให้ยิ่งชอบน้ำตบเห็ดขวดนี้เข้าไปใหญ่ใครที่ชอบฟีลอยู่ในร้านสปาผิวต้องลองเจ้าน้ำตบตัวนี้เล้ย กลิ่นผ่อนคลายสุดๆ~
น้ำตบเห็ดครอบจักรวาลกับวิธีใช้หลากหลายรูปแป๊บ
น้ำตบเห็ดตัวนี้บอกเลยว่าเป็นได้หลายอย่างมากจะเป็นโทนเนอร์ก็ได้ จะเป็นน้ำตบก็ได้ หรือจะเป็นมาส์กก็ยังได้ค่ะบอกเลยว่าวิธีใช้น้ำตบเห็ดขวดนี้นี่หลากหลายรูปแบบมากเวอร์สมกับคำว่าน้ำตบครอบจักรวาลจริงๆ ซึ่งทางเราได้ลองมาทุกรูปแบบแล้วทั้ง
ตบลงบนผิวเป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงวิธีแรกเป็นวิธีที่เบสิคสุดๆ เพียงแค่หยดน้ำตบเห็ดลงบนฝ่ามือสัก 4-5 หยดโดยประมาณแล้วทำการวอร์มบนมือหลังจากนั้นก็ตบๆ ลงบนผิวอย่างเบามือนวดให้เนื้อผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิว แต่ทางเราชอบการลงหลายเลเยอร์เพิ่มปริมาณในการใช้เป็น 3 เลเยอร์แล้วนวดลงบนผิวเพราะรู้สึกว่าผิวดูอิ่มฟูมากกว่าการใช้แค่เลเยอร์เดียว( อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะ )
ใช้เป็นโทนเนอร์เพื่อเช็ดผิวหน้าให้สะอาดหยดน้ำตบเห็ดลงบนสำลีโดยใช้สำลีที่ใช้กับโทนเนอร์โดยเฉพาะเพื่อเป็นการประหยัดน้ำตบเราด้วย เพียงหยดแค่เพียงนิดเดียวก็สามารถใช้ได้ทั่วใบหน้าแล้ว หลังจากนั้นให้เช็ดเบาๆ ทีละครึ่งหน้าและเช็ดจากล่างขึ้นบนเพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน ทำให้น้ำตบเห็ดของเราซึมลงใต้ผิวหนังและเห็นผลมากขึ้นด้วย
ใช้เป็นมาส์กหน้าบำรุงผิวขั้นสุดวิธีใช้แบบสุดท้ายบอกเลยว่าเลิศมากเป็นการ DIY มาส์กโดยไม่ต้องเปลืองเงินซื้อแผ่นมาส์กแต่ใช้น้ำตบที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ โดยการเทน้ำตบเห็ดลงบนมาส์กหน้าอัดเม็ดหากใครไม่มีก็เทใส่สำลีที่ใช้กับโทนเนอร์ ให้ชุ่มๆ แล้วนำมาโปะไว้บนใบหน้าทิ้งไว้ 5-10 นาทีแค่นี้เราก็ได้มาส์กหน้า DIY ฝีมือของเราเอง
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้น้ำตบเห็ดตัวดัง!
เรามาพูดถึงผลลัพธ์กันบ้างดีกว่าว่าจะเป็นยังไงหลังจากที่ทดลองมากันอย่างยาวนานถึง 3 ขวดจนตอนนี้ขาดไม่ได้ไปแล้วที่ชอบสุดเลยคือเรื่องของส่วนผสมที่สุดแสนจะธรรมชาตินี่แหละค่ะ ที่สำคัญนางไม่มีแอลกอฮอล์ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวเลย แม้แต่ผิวบอบบางหรือแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ที่เห็นชัดที่สุดเลยก็คงจะเป็นเรื่องผิวที่เป็นรอยแดงหายสนิท พวกสิวผดก็เริ่มดีขึ้นเหมือนน้องเค้าช่วยปลอบประโลมผิวของเรา รู้สึกอุ่นใจเวลามีน้องเค้าอยู่จริงๆ ค่ะ พอผิวเริ่มแข็งแรงสิวก็ไม่ค่อยบุกเหมือนแต่ก่อนแล้วค่ะ เวลาไปต่างประเทศทีเจออากาศเปลี่ยนแปลงผิวก้ไม่แดง ไม่ลอกเหมือนแต่ก่อนเลยเชื่อเลยว่าการมีผิวที่แข็งคือพื้นฐานของผิวที่ดีจริงๆ~
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยสำหรับการรีวิวน้ำตบเห็ดครอบจักรวาล บอกเลยว่าใช้จริงรีวิวจริงจ้าแม่ถ้าไม่ชอบคือไม่เอามาบอกต่อแน่นอน หลายๆ คนมักชอบข้ามขั้นตอนการเตรียมผิวจะบอกว่าขั้นตอนนี้ก็สำคัญนะเออเพราะฉะนั้นเราต้องใส่ใจทุกขั้นตอนเพื่อผิวที่ดีของเราใครที่สนใจน้ำตบเห็ดเค้าก็มีหลายไซส์นะเออ อาจจะลองซื้อขวดจิ๋วมาลองเทสดูก่อนว่าแพ้มั้ยแล้วค่อยซื้อไซส์จริงก็ได้น้าสำหรับวันนี้ทางเราก็ขอจบการรีวิวไปก่อนแล้วครั้งหน้าจะมีไอเทมเด็ดอะไรมาบอกต่อสาวๆ อีกก็รอติดตามกันได้เลยนะคะ