สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่น่ารักทุกคนเลย (◍•ᴗ•◍)❤ช่วงนี้อะไรๆ ก็ดูน่าหดหู่ไปหมดเลยเนอะ ทั้งชีวิตส่วนตัว เศรษฐกิจ สถานการณ์บ้านเมือง ถนนหนทางน้ำท่วม ฝนตกรถติด คนที่ยังเรียนก็เรียนไปวันๆ ไม่รู้จะจบออกมาทำอะไร คนทำงานก็ไม่รู้จะหาความก้าวหน้ายังไงบางคนโชคร้ายถูกให้ออกจากงาน บริษัทล้มละลาย เหมือนโลกหยุดหมุน เคว้ง มืดแปดด้านสุดๆ ว่าจะก้าวไปทางไหนต่อ ชีวิตไม่มีจุดมุ่งหมายเอาซะเลย คิดแล้วก็เซ็ง -..-ไม่ว่าเธอจะกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ เมื่อเข้ามาอ่านบทความนี้ เราขอจับมือให้กำลังใจและมอบพลังบวกให้นะคะ!แม้ช่วงนี้จะมองเรื่องต่างๆ ในแง่ดีได้ยาก แต่เราเชื่อว่าชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง แม้จะล้ม จะเคว้ง ก็ยังมีทางลุกขึ้นมาได้เสมอ หากตอนนี้ไม่มีเป้าหมาย เราก็ลองสร้างมันขึ้นมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้เรายังมีความสุขในการดำเนินชีวิตถ้าเธอไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เราขอแนะนำ ' 7 ขั้นตอนทำง่ายๆ เพื่อกระตุ้นแรงใจ เพิ่มเอเนอร์จี้ ให้ชีวิตสดใสมากขึ้น'แม้นิดหน่อยก็ยังดี แค่ทำตามนี้ เธอจะรู้สึก Happy มากขึ้นอย่างแน่นอนพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยดีกว่า ♡(.◜ω◝.)♡

1. ค้นหาตัวเอง เพื่อตั้ง 'เป้าหมายระยะยาว' ให้ได้ก่อน ♡´・ᴗ・`♡

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ee9a261acbfa8536ee5a993dee74aee9.jpg

เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน หากเราไม่มีอะไรยึดมั่นเป็นหลักเลย เราก็เหมือนเรือเล็กท่ามกลางพายุ ที่จะลอยไปติดตรงไหนก็ได้ แล่นไปที่ไหนก็ได้ หรือบางคนโชคร้ายก็ล่มกลางทาง ดังนั้นการมีปลายทางให้รอคอยจึงค่อนข้างสำคัญ เหมือนที่บางคนบอกว่า ' เรามีชีวิตอยู่ได้ด้วยความหวัง ' ซึ่งความหวังนั้นก็มาจากการทำเป้าหมายให้สำเร็จนั่นเอง

แต่อยู่ดีๆ จะให้ตั้ง ' เป้าหมายระยะยาว ' ในชีวิตเลยก็คงยาก เพราะแต่ละคนก็มีความปรารถนาต่างกัน เราไม่รู้ว่าใครผ่านประสบการณ์ชีวิตยังไงมาบ้าง

เราจึงอยากแนะนำให้สาวๆ ทุกคนไป ' ค้นหาตัวเอง ' มาก่อน ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องแบ็คแพ็คไปเที่ยวรอบโลก หรือลงเงินทำธุรกิจเกินตัวจนไปไม่รอด เธอสามารถเริ่มได้จากก้าวเล็กๆ เช่น ลงเรียนคอร์สออนไลน์ฟรีตามอินเตอร์เน็ต ชอบอันไหนก็ลงอันนั้น เพื่อตัดช้อยส์ว่าเธอสนใจอะไร ไม่สนใจอะไร หรือเข้าเวิร์คช็อปสั้นๆ วันเดียวจบ

ซึ่งเดี๋ยวนี้ในไทยก็มีมากมาย เช่น สอนเขียนตัวอักษร สอนทำขนม สอนตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นต้น

หรือแม้แต่การอ่านหนังสือ ดูสารคดี ออกไปเที่ยวถ่ายรูปข้างนอกตามสถานที่ต่างๆ ก็เป็นการเปิดโลกและค้นหาตัวเองทางอ้อมเหมือนกัน

อย่าเพิ่งหวังว่าจะเจอตัวเองใน 2-3 วัน สำหรับบางคน การค้นหาตัวเองใช้เวลาหลายปี แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่ากับระหว่างทางที่เราได้ลองผิดลองถูกมาแน่นอน

ยิ่งลองทำมาเยอะ ก็ยิ่งเจอตัวตนที่แท้จริงได้มากขึ้น เมื่อเรารู้ว่าตัวเองเป็นใคร ( ซึ่งคนรุ่นใหม่สะดุดตรงนี้เยอะมาก เพราะอยู่แต่ในห้องเรียนจนไม่ได้ใช้ชีวิต ) เราจะรู้เองว่าเราอยากเดินไปทางไหนค่ะ

2. หาเป้าหมายย่อยๆ ที่บรรลุได้ใน 'ทุกๆ วัน'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/1a228295c81d22944fb636909448e52b.jpg

นอกจากเป้าหมายระยะยาวที่ควรมีแล้ว ' เป้าหมายระยะสั้น ' ก็ควรมีด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้รู้สึกท้อกับเป้าหมายใหญ่ที่อาจใช้เวลานานหลายปี เช่น มีเงินเก็บ 10 ล้าน, มีบ้านมีรถของตัวเอง, ผอมกว่านี้ 10 กิโล etc

.

หากชีวิตมีแค่เรื่องที่ต้องรอ เธอจะเหี่ยวเฉาไปเสียก่อน เราแนะนำให้ตั้งเป้าหมายง่ายๆ ที่ทำเสร็จได้แต่ละวัน เพื่อกระตุ้นตัวเองในทุกๆ เช้า จะเป็นเป้าหมายแยกออกมาเลย หรือเป็นเป้าหมายที่ซ้อนข้างในเป้าหมายใหญ่อีกทีก็ได้ค่ะ

ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นลดน้ำหนัก ถ้าเธอคิดว่าจะลด 10 กิโลในหนึ่งปี จะดูเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่และจับต้องไม่ได้ ดูยาวนานเหลือเกินกว่าจะไปถึง ลองปรับใหม่เป็นการซ้อนเป้าหมายสั้นๆ เข้าไป แต่ปลายทางเหมือนกันสิ!

เช่น หนึ่งเดือนต้องลดได้ 2 กิโลกรัม เป้าหมายจะดูง่าย เข้าถึงได้มากขึ้น หรือถ้าโอเคกับเป้าหมายใหญ่แล้ว ไม่อยากไปยุ่งกับมัน แค่เรื่อง to do list ง่ายๆ เช่น วันนี้ต้องตื่นมาพาหมาไปเดินเล่น พรุ่งนี้ต้องรดน้ำต้นไม้ มะรืนนี้ต้องไปกินกาแฟร้านโปรด ก็เป็นเรื่องเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เรามีความสุขที่จะตื่นขึ้นมาแล้วล่ะ

3. บางเป้าหมายที่ต้องพยายาม ก็ควร 'ให้รางวัล' ตัวเองบ้างนะ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a73d37ac304ff3306f0fab431a5b2585.jpg

ขอยกตัวอย่างเดิมคือการลดน้ำหนัก เมื่อเราบรรลุเป้าหมายสั้นๆ ถึงระดับหนึ่ง ( ซึ่งต้องผ่านความพยายามมาพอสมควร ) ' การให้รางวัลตัวเอง ' ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อกระตุ้นให้อยากทำเป้าหมายนั้นต่อไป ไม่ล้มเหลวกลางทาง


อารมณ์เหมือนโรงเรียนที่เวลานักเรียนได้คะแนนเต็ม คุณครูจะให้ของรางวัล หรือมีสติ๊กเกอร์สวยๆ แปะที่กระดาษข้อสอบให้ใจพองฟู เราก็นำวิธีนั้นมาใช้กับตัวเองได้นะ

สมมุติเราลดน้ำหนักมาได้ 4 เดือน น้ำหนักลดไปแล้ว 6-7 กิโล ตัวเริ่มบางลงจนสังเกตได้ชัด เสื้อผ้าหลวม ก็ให้รางวัลตัวเองสักหน่อย อาจเป็นชุดสวยๆ ที่พอดีตัว ( เพื่อดักไม่ให้กลับไปอ้วนอีก ) หรือเป็นเครื่องสำอาง สกินแคร์เซ็ตใหญ่ จะได้ทั้งหน้าสวย หุ่นดีแบบทูอินวันแม้จะเป็นการใช้เงินตัวเองก็เถอะ แต่มันก็คือ self-love อย่างหนึ่ง ที่ทำให้เรามีกำลังใจ พร้อมที่จะสู้กับเป้าหมายขั้นต่อไป ( ที่น่าจะยากขึ้นเรื่อยๆ ) โดยสุขภาพจิตยังไม่พังไปเสียก่อนค่ะ

4. ประกาศเป้าหมายให้ 'คนอื่น' รู้ ช่วยทำให้มีแรงใจมากขึ้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/dfce3caacf14b7049f4d74e652f57c50.jpg

ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มทำ หรือทำมาแล้วระยะหนึ่ง หากมั่นใจกับเป้าหมายนี้จริงๆ เราแนะนำให้ ' บอกเป็นสาธารณะ ' ไปเลย! ยิ่งคนรู้เยอะยิ่งดี เพราะมันจะเป็นวิธีทางจิตวิทยากดดันกลายๆ ว่าเราต้องห้ามถอย ถอนตัวยากแล้วนะ ห้ามเฟล มีแต่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น!

หากยังสองจิตสองใจ ก็บอกแค่ที่บ้านหรือเพื่อนสนิทก่อน แต่ถ้าอยากเปิดแบบอลังๆ แกรนด์ๆ ก็โพสต์ลงโซเชียลไปเล้ย! ไม่ว่าในโซเชียลจะมีเพื่อนน้อยหรือเยอะ แค่กล้าจะบอกในที่ไม่ส่วนตัว ก็ถือว่ากล้าหาญมากๆ แล้วค่ะ

ที่จริงการบอกคนอื่น ยิ่งทำให้เข้าถึงเป้าหมายเร็วขึ้นด้วยซ้ำ เช่น หากเป็นการไดเอท เพื่อนๆ หรือคนรอบข้างจะได้รู้ว่า เราลดความอ้วนอยู่ ไม่ต้องชวนกินบุฟเฟ่ต์บ่อย หรือถ้าอยากเก็บเงินซื้อของใหญ่ๆ อย่างบ้านหรือรถ ก็ไม่ต้องมาขอยืมเงิน หรือชวนลงทุนที่ต้องใช้เงินเยอะเราปฏิเสธก็ไม่แปลกด้วย เพราะถือว่าบอกไปแล้ว ตัวเราเองก็ได้เดินสู่เป้าหมายอย่างสบายใจขึ้น ปี 2020 แล้ว #จงใช้พลังโซเชียลให้เป็นประโยชน์!!

5. พบปะไอดอล บุคคลต้นแบบที่ช่วยกระตุ้น 'แรงบันดาลใจ'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d38c50846bd161ef8d0613724a93b077.jpg

ไอดอลในที่นี้ ก็คือคนที่มีเป้าหมายแบบเธอมาก่อน แต่ตอนนี้ประสบความสำเร้จไปแล้ว เช่น ดารา นักร้อง เน็ตไอดอล นักธุรกิจชื่อดัง นักกีฬา นักดนตรี นักวิทยาศาสตร์ ศิลปินระดับโลก ซึ่งการได้ไปพบเจอ หรือได้คุยกับบุคคลเหล่านี้ แน่นอนว่าจะช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจของเราได้มากโขทีเดียว!

เป็นจิตวิทยาประมาณว่า คนนี้เขาผ่านมาได้ ฉันก็ต้องทำได้

ถ้าไอดอลของเธอเป็นระดับโลก เข้าถึงยาก ก็ไม่ถึงกับต้องเสียสละเวลาเรียน ทำงาน เพื่อไปตามติดชีวิตไอดอลเหล่านี้ก็ได้ แค่ตามข่าว ฟังคลิปสัมภาษณ์ ติดตามผลงาน ก็ช่วยเพิ่มพลังชีวิตได้สบายๆ แล้ว


แต่ขอเตือนนิดนึงว่า อย่าพยายามยึดติดกับตัวบุคคลมาก เพราะถ้าเขาทำให้เราผิดหวัง เราจะเสียใจสุดๆ ชีวิตอาจจะเป๋ไปเลย ควรมีไอดอลมากกว่า 1 คนจะดีกว่า

อีกทริคหนึ่งที่เราเห็นคนรุ่นใหม่ วัยเรียนทำกันเยอะ คือติด Quote ประโยคที่ชอบ อ่านแล้วฮึดมีแรงใจ ติดไว้ตามโต๊ะทำงาน แปะคอมพิวเตอร์ มือถือ สมุดบันทึกไว้ ให้เห็นผ่านตาตลอด แบบนั้นก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ

6. ชักชวนเพื่อนๆ แฟน ครอบครัว มาร่วมบรรลุเป้าหมายนี้ 'ไปด้วยกัน'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a4d6451ea89f39310c8ad538b1ba4c81.jpg

หากเป้าหมายนี้สามารถ ' แชร์ ' ให้คนอื่นทำด้วยได้จะดีมาก เพราะเราจะได้มีเพื่อนก้าวเข้าสู่เส้นชัยได้ง่ายขึ้น! เช่น การลดความอ้วน การแบ็คแพ็คไปต่างประเทศที่ไม่เคยไป การสอบวัดระดับภาษาได้ระดับสูง etc.


หากมีเพื่อนในวงการเดียวกันที่มีเป้าหมายคล้ายๆ กัน เธอจะมีเพื่อนไว้คอยแลกเปลี่ยนความคิด แชร์เคล็ดลับเพื่อไปถึงจุดหมายได้ง่ายกว่าคลำๆ ทางไปเองคนเดียว ถ้าเข้มแข็งพอก็ไปถึงแบบทุลักทุเล แต่บางคนก็ล้มกลางทาง ลุกไม่ขึ้นอีกเลยก็มี

หรือแม้เป้าหมายของเธอจะค่อนข้างเฉพาะตัว หาคนมาร่วมด้วยได้ยาก แค่มีแรงซัพพอร์ตที่ดีจากพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนสนิทที่เราไว้ใจ ( ถ้าไม่มีจริงๆ กลุ่มคนในโซเชียลก็พร้อมต้อนรับ ) ก็ย่อมมีความสุขกว่าลุยเองคนเดียวแน่ๆ


หลายคนที่ประสบความสำเร็จ ก็มักมีเบื้องหลังที่เป็นกำลังใจให้เขามาถึงจุดสูงสุด ดังนั้นอย่าละเลยกำลังใจจากคนข้างตัวนะคะ ^^

7. เตรียมรับมือกับ 'อุปสรรคระหว่างทาง' ที่จะได้เจออย่างแน่นอน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/97a1c5bf1f528f37f964d741ed03ca4b.jpg

แน่นอนว่า เป้าหมายที่หอมหวานมักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอต้องเตรียมใจรับกับ ' อุปสรรคระหว่างทาง ' ที่จะเข้ามาเยี่ยมเยียนแน่ๆ ไม่มากก็น้อย


เช่น การโหยหิวขนมหวาน ของมันของทอดในช่วงไดเอท หรือกำลังเก็บเงินซื้อรถ ซื้อบ้าน แต่ที่บ้านมีเรื่องต้องใช้เงิน พ่อแม่ป่วย เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียต้องซ่อม จะไปเรียนต่อต่างประเทศแต่ติดโควิด etc. ไม่ว่าเรื่องไหนก็มีการสะดุดให้ปวดหัวด้วยกันทั้งนั้นค่ะ

แต่อย่างที่ย้ำไปแล้วว่ามันเป็น ' เป้าหมายระยะยาว ' จึงไม่อาจสำเร็จได้โดยง่าย แต่หากอดทน ขยัน มีวินัยกับตัวเอง ไม่ย่อท้อไปเสียก่อน โอกาสที่จะไปถึงจุดหมายก็จะมาถึง หลายคนที่ก่อนประสบความสำเร็จก็ผ่านความล้มเหลวมาเยอะมากๆ ( ดูอย่างเจ้าของไก่ KFC ก็เพิ่งมารวยตอนอายุ 70 กว่า หรือแบรนด์เครื่องสำอางที่เพิ่งเจาะตลาดวัยรุ่นได้ ทั้งที่มีมานานหลายปีแล้ว )

ให้คิดซะว่าอุปสรรคเหล่านี้คือแบบทดสอบตัวเอง มันอาจยาก อาจเหนื่อย อาจเสียใจจนต้องร้องไห้ แต่ถ้ายังมั่นคงกับมัน หาทางแก้ไขปัญหาไปกับมัน โอกาสประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมค่ะ

-----------------------------------

จะมีความสุขไปได้ตลอดชีวิต การมีเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ ในวันที่เราหลงทาง เราจะได้รู้ว่าตัวเองอยู่ต่อเพื่ออะไรทั้งนี้ก็ไม่อยากให้สาวซิสกดดันตัวเองว่า ต้องมีเป้าหมายใหญ่โตมโหฬารเสมอไป หากเธอไม่ใช่คนที่ฝันจะมีเงินเป็นสิบๆ ล้าน มีบ้านเท่าคฤหาสน์ เป็นเจ้าของบริษัทระดับประเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดเลย สำหรับบางคน เป้าหมายของเขาคือไม่เจ็บป่วย ได้ทำงานอดิเรกนั่นนี่ ได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงและคนที่รักก็พอ ซึ่งทุกเป้าหมายก็มีความสำคัญเท่ากัน ไม่มีใครควรดูถูกความฝันใครสุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนเข้มแข็ง มีเป้าหมายในสิ่งดีๆ เติมพลังบวกให้ตัวเองเยอะๆ เพื่อก้าวผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ Fighting นะคะ!! (∗ᵒ̶̶̷̀ω˂̶́∗)੭₎₎̊₊♡