สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารักน่าเลิฟทุกคน (•‾⌣‾•)و ̑̑♡' ผิวหน้า-ผิวตัว 'ถือเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของผู้หญิง เพราะเป็นส่วนเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดรองจากดวงตา ริมฝีปาก หรือเพิ่มความ ' สวย ' นั่นเอง สังเกตว่าใครที่ผิวดี ผิวเนียนมักได้รับคำชม คำยกย่องแต่ที่จริงผิวไม่ได้ทำให้เราสวยเท่านั้น แต่ยังกุมความลับไว้อีกหลายอย่างที่สาวๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อนค่ะผิวหนังเป็นแหล่งรวมของเซลล์ผิวหนัง ต่อมไขมัน หลอดเลือดและเส้นประสาทนับร้อยนับพัน ดังนั้นสภาพผิวที่เราเห็นด้วยตาเปล่า มักหมายถึงสัญญาณอะไรบางอย่างในร่างกายเสมอ อยู่ที่เธอจะสังเกตเห็นหรือเปล่าเท่านั้นผิวยังมีความเชื่อมโยงกับสุขภาพโดยตรงอีกด้วย เพราะเซลล์ภูมิคุ้มกันแบบพิเศษก็มีหน้าที่ต้านอาการภูมิแพ้ผิวหนังเอาง่ายๆ คือผิวเท่ากับกระจกส่องสุขภาพภายในของเราใครที่สงสัยว่าผิวที่เราลูบ สัมผัสอยู่ทุกวัน มีส่วนอะไรกับสุขภาพและความงามของเราบ้าง เพื่อดูแลผิวของตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลยค่ะ (๑・ω-)~♥”

1. ผิวหนังของเรา มี 'ความเสียหายจากแสงแดด' ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/328f96ad7d55ba54c4ad0f53c5b83015.jpg

ทุกครั้งเวลาสาวๆ ออกจากบ้าน หรือแม้แต่อยู่ในบ้านแล้วมีแสงแดดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ล้วนส่งผลเสียกับผิวทั้งสิ้น หากไม่ทาครีมกันแดด SPF สูงๆ ปล่อยผิวให้โดนรังสียูวีตรงๆ เป็นเวลานาน โครงสร้างผิวภายในจะเริ่มเปลี่ยนไป


มองจากตาเปล่าอาจจะเห็นไม่ชัดเจน แต่ถ้าถ่ายรูปแบบพิเศษ คือถ่ายด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ( UV Photos ) จะเห็นชัดเจนเลยว่า แสงแดดทำลายชั้นผิวข้างในไปเยอะขนาดไหน ที่คิดว่ากันแดดดีแล้ว ถ่ายรูปแนวนี้ไปอาจจะช็อกไปเลยก็ได้!

หากยังไม่ป้องกันผิวให้ดี การทำลายกัดกร่อนของแดดก็จะทะลุจากชั้นในสู่ชั้นนอก จากที่เห็นแค่ในรูปถ่ายก็จะเริ่มเห็นด้วยตาเปล่า นั่นคือผิวคล้ำเสียจากแดด ผิวไหม้ที่เราเรียกกันนั่นเอง

หมอผิวหนังแนะนำว่า ถ้าไม่อยากผิวพังก็ให้ทากันแดดทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน! เพื่อชะลอและยับยั้งรังสียูวีไม่ให้เข้าถึงชั้นผิว และใช้ผลิตภัณฑ์ retinoid ในช่วงกลางคืน เพราะเรตินอยด์มีคุณสมบัติรักษาสิว ลดริ้วรอย และเยียวยาผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดค่ะ

2. ผิวหนังมีส่วนสำคัญในการ 'กำหนดอุณหภูมิของร่างกาย'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a0c8e4329b250e5de2f89fc11b5cbef0.jpg

นอกจากผิวหนังจะมีบทบาทเกี่ยวกับการทำงานของภูมิคุ้มกันในร่างกายแล้ว ยังทำหน้าที่เหมือน ' ปรอทวัดไข้ที่สัมผัสได้ด้วยมือเปล่า ' เรียกกระบวนการนี้ว่า thermoregulation

ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่นไปเล่นกีฬาจนร่างกายร้อนจัด เหงื่อที่ไหลออกมาก็เป็นการปรับให้อุณหภูมิร่างกายสมดุลนั่นเองค่ะ โดยเหงื่อที่ออกตามปกติ อาจปริมาณเยอะสุดได้เกือบๆ 1 ลิตร เพราะผิวหนังของเรามีต่อมเหงื่อเยอะถึง 2-4 ล้านต่อมเลยล่ะค่ะ

นอกจากเหงื่อแล้ว อีกวิธีที่ร่างกายปรับสมดุลอุณหภูมิคือ ' ขยายหลอดเลือด ' เมื่อร่างกายของเราอุ่นเกินปกติ จะเกิดการขยายหลอดเลือดใต้ผิว ส่งผลให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น กระจายความร้อนทั่วตัวให้ร่างกายเย็นลง


ในทางกลับกัน หากอยู่ในที่อากาศหนาว ผิวก็จะทำให้ตัวเองอุ่นด้วยการ ' หลอดเลือดบีบตัว ' เพื่อเพิ่มความดันในเลือดด้วยเช่นกัน ส่งผลให้รูขุมขนกระชับขึ้น เล็กลง

จึงไม่แปลกที่คนเมืองหนาวจะดูผิวดีกว่าคนเมืองร้อน แต่หากหนาวไปผิวก็จะบีบตัวมากเกินไปจนเป็นรอยช้ำแดง

ดังนั้นอยู่ที่อากาศเย็นนิดๆ หรืออุ่นหน่อยๆ น่าจะดีกับผิวมากที่สุดค่ะ

3. กว่าผิวจะผลัดเซลล์ผิวเก่า 'ทั้งหมด' เสร็จสิ้น ใช้เวลาทั้งสิ้นถึง 28 วัน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e97f35fdc400686d7f170af0202947e4.jpg

หนังกำพร้า ( epidermis ) เป็นหนังบางๆ ชั้นนอกสุดของผิวหนัง มีเซลล์ผิวหนังเก่าที่ตายแล้วสะสมอยู่มากมาย ดังนั้นผิวจะมีการผลัดเซลล์ใหม่ทั้งหมดทั่วร่างในทุกๆ 28 วันค่ะโดยปกติเซลล์ผิวหนังจะสร้างที่ส่วนล่างสุดของหนังกำพร้า จึงต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ เพื่อขึ้นมาถึงชั้นนอกสุด ที่กลายเป็น ' ขี้ไคล ' นั่นเอง  กระบวนการนี้เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในขณะหลับ ผิวก็ยังผลัดเซลล์ต่ออย่างไม่หยุดยั้ง ง่ายๆ คือผิว ' สครับตัวเอง ' ตลอดเวลาค่ะแต่ถ้าต้องรอร่างกายผลัดเซลล์ผิวเองอย่างเดียว ผิวอาจไม่กระจ่างใสเท่าที่ควร ถ้าอยากมีผิวใสๆ อยู่เสมอ ก็ต้องขัดผิวเองด้วยเลือกใช้สครับจากธรรมชาติ ไม่ผสมสี น้ำหอม และสารเคมีอันตราย สครับควรมีค่าเป็นกรดอ่อนๆ จะขัดได้ผลดีที่สุด ขัดเบาๆ อย่าแรงมาก ผิวจะระคายเคืองได้ แค่ 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เกินพอ แต่คนที่มีสิว ผิวผสมหรือผิวมัน ควรเพิ่มเป็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เลือก texture นุ่มๆ อย่าใช้สครับที่แข็งหรือแหลม เพราะอาจเกิดรอยฉีกขาดเล็กๆ ในชั้นผิวได้ค่ะ

4. 'ความเครียดในจิตใจ' ส่งผลต่อสภาพผิวหนังจริงๆ ไม่จ้อจี้!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/41b53e26175a6d303355a2c04e6f486b.jpg

ผิวหนังมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับสภาพจิตใจ! ลองสังเกตว่าเวลาเครียดๆ อารมณ์ไม่ดี หรือเศร้าต่อเนื่องติดกันหลายวัน สิวอักเสบก็มา หน้าก็หมอง เครียดทีไรหน้าเละทุกทีไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะความเครียดกระตุ้นให้คอร์ติซอลและโมเลกุลที่ก่อให้เกิดการอักเสบออกมาทั่วร่างกาย


ส่งผลให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย เมื่อคอลลาเจนที่ทำให้ผิวสวย อ่อนเยาว์ ยืดหยุ่นหายไป ผิวก็แห้งกร้าน สิวก็มาเยี่ยมเยียนค่ะ TT

คนที่มีสิวอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะไม่ได้มาจากเรื่องนอยด์เล็กๆ น้อยๆ ประจำวัน แต่เป็นความเครียดสะสมมาหลายเดือน หลายปี


ควรต้องแก้ที่ต้นเหตุ ปรับไลฟ์สไตล์ ชีวิตประจำวันให้ดีขึ้นด้วยการ' ลดความเครียด ' วิธีที่ดีสุดคือ ออกกำลังกาย โดยเฉพาะโยคะทุกเช้าจะช่วยลดอาการเครียด วิตกกังวล และทำให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นค่ะ

5. 'สภาพผิวที่เปลี่ยนไป' อาจส่งสัญญาณถึง ปัญหาสุขภาพภายใน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/cd08f212e3222dc4fd7389a714b38b26.jpg

นอกจากความเครียดที่ส่งผลให้ผิวเสีย สิวบุกแล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัย รวมถึงอาการติดเชื้อบางอย่างที่ทำให้สภาพผิวเปลี่ยนไปจากเดิมค่ะ อาการที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็เช่น ผื่นแดง อาการคัน รอยแดง ลมพิษ อาการบวม เป็นต้นยกตัวอย่างเช่น สิวในผู้ใหญ่ก็มาจากการที่ฮอร์โมนภายในร่างกายปั่นป่วน ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการตั้งครรภ์ หรือภาวะหมดประจำเดือน หรือโรคเกี่ยวกับรังไข่ได้ด้วย ซึ่งเป็นสุขภาพภายในที่มองไม่เห็น แต่ร่างกายฟ้องออกมาให้เราเห็นค่ะทั้งนี้ยังมีโรคอื่นๆ อีกมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคตับ โรคอ้วน โรคมะเร็ง หรือโรคขาดสารอาหาร  ที่มีสัญญาณบ่งชี้ทางผิวหนัง เช่น จุดดำ ไฝ หรือเนื้องอก หากหมอตรวจก็จะพอรู้คร่าวๆ เลยว่าเธอน่าจะป่วยเป็นโรคอะไรโดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านมที่จะเห็นชัดเจนผ่านสี รูปร่าง ลักษณะของเต้านมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นมะเร็งที่เห็นชัดที่สุดแล้ว ดังนั้นสาวๆ อย่าลืมเช็คเต้านมของตัวเองทุกเดือนว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หากเห็นท่าไม่ดีจะได้รีบไปหาหมอนะคะ

6. 'ผิวหนังที่หนาขึ้นผิดปกติ' อาจบ่งบอกถึงปัญหาผิวบางอย่าง

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/af721a2299b0732efc1cfdeacb0a9edf.jpg

บางครั้ง จุดแปลกๆ หรือลักษณะของผิวหนังที่หนาขึ้นอย่างผิดปกติในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ก็เป็นอาการบ่งชี้ว่าเธอมีปัญหาผิวบางอย่าง

เช่น ส่วนล่างของเท้าและส่วนส้นเท้า หากผิวหนาขึ้น หรือที่เรียกกันว่า ' ตาปลา ' ก็เพราะเธอเดินมากเกินไปจนผิวหนังต้องสร้างตัวเองให้หนาขึ้นเพื่อปกป้องไม่ให้ฉีกขาดค่ะ

อีกอาการที่อาจเจอได้คือ ผิวหนังหนาขึ้นบริเวณข้อศอก เพราะชอบท้าวข้อศอกอยู่บ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นปี แรงเสียดทานระหว่างพื้นกับข้อศอกก็จะทำให้ศอกหนาขึ้นไปโดยปริยาย


หากสาวๆ ดันมีศอกหนาไปซะแล้ว แต่ก็กลัวจะดูไม่สวย ก็แก้ไขได้ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่มีฤทธิ์ลอกผิว เช่น กรดแลกติก เพื่อทำให้ผิวส่วนที่หนาบางลง สามารถใช้ได้ทั้งข้อศอก เข่าและข้อเท้า เพราะความแข็งแรงของผิวพอๆ กันค่ะ

7. หากใช้สกินแคร์เหมาะกับผิว ตัวเดียวก็ใช้ได้ 'หัวจรดเท้า' ไม่ต้องแยกส่วนทา!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7c0f3f2ea1f9a05785b3432a9e10e153.jpg

ผิวหนังจะรู้สึกดีที่สุด เมื่อเราใช้สกินแคร์ตัวเดียวที่ ' ถูกกับผิว ' ใช้ตั้งแต่หน้า ตัว แขน ขา ไม่ต้องซื้อมาหลายสูตร ใช้หลายอย่าง แต่ทั้งนี้หากผิวหน้าของเธอมีอาการผิดปกติ เช่น เป็นสิว หรือผิวแพ้ง่าย ก็อาจต้องแยกส่วนกันทา


แต่ถ้าผิวปกติทั่วไป แค่ใช้โลชั่นหรือครีมที่ไม่มีสี น้ำหอม สารเคมียี่ห้อที่เหมาะกับสภาพผิว จะทำให้สบายผิว ผิวดีมากกว่าประโคมหลายตัวรวมกันค่ะ

ดังนั้นสาวๆ ที่ไม่อยากเจ็บตัว เสียความรู้สึกกับการลองผลิตภัณฑ์ใหม่ กลัวหน้าแหก ผิวพัง ก็ควรใช้สกินแคร์ยี่ห้อเดิมที่ใช้แล้วแน่ใจว่าดีกับผิว โดยเฉพาะคลีนเซอร์ ครีมกันแดด และครีมบำรุงผิวหน้าที่ควรมียี่ห้อกันตายไว้ เพราะเป็นสิ่งที่ใช้ทุกวัน หากใช้แล้วไม่ดีกับผิว จะทำร้ายผิวได้รุนแรงกว่าสกินแคร์ชนิดอื่น

แนะนำให้ใช้ไม่กี่ขั้นตอน เรียบง่ายเข้าไว้ ตอนเช้าใช้แค่คลีนเซอร์กับกันแดด ส่วนตอนเย็นก็ใช้คลีนเซอร์กับครีมบำรุง เท่านี้ผิวก็ไม่ต้องรับภาระหนักเกินไป ทำให้ผิวดีในระยะยาว

----------------------------

ครบทั้งหมดแล้วกับทั้ง 8 ความลับของผิวที่สาวๆ อาจไม่เคยรู้ และวิธีดูแล บำรุงผิวจากปัญหาเหล่านั้นอาจจะสาระเยอะ วิชาการไปนิดนึง แต่อยากให้อ่านเพราะเป็นเนื้อหาที่สาวๆ สายบิวตี้ควรรู้ถ้าอยากรู้จักผิวตัวเอง รู้ว่าผิวมีส่วนประกอบคร่าวๆ ประมาณไหน มีหน้าที่ยังไงในร่างกาย มีหลักการยังไงในเรื่องสุขภาพและความงาม ซึ่งทั้งหมดก็เอาไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันเนอะเชื่อว่าอ่านจบบทความนี้ไป รูทีนสกินแคร์ เครื่องสำอางของเธอต้องเปลี่ยนไป สภาพผิวของเธอต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน (灬♥ω♥灬)อยากให้สาวซิสสวยๆ กันทุกคน วันนี้เราขอตัวลาไปก่อนน้า เจอกันใหม่บทความหน้าค่า