สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนน่ารัก มะมากอดที ♡´・ᴗ・`♡
ในโลกที่มีแต่การแข่งขัน เปรียบเทียบ หรือคนที่เกิดมาก็ต้องอยู่กับ Toxic Family Relationship หรือความสัมพันธ์เป็นพิษของคนในครอบครัว บอกเลยว่าน่าเห็นใจมากๆ!
เมื่อต้องโตมากับความคาดหวัง ต้องทำสิ่งที่บุพการีเรียกร้อง ถ้าทำไม่ได้ตามเกณฑ์ก็จะถูกคาดโทษ ด่าว่าเสียๆ หายๆ โดนดูถูกว่าโง่ แค่นี้ก็ทำไม่ได้ จนต้องกลับไปนอนร้องไห้ก็หลายครั้ง คิดอยู่เสมอว่า
' เราไม่ดีพอจริงๆ เหรอ งั้นจะให้เราเกิดมาทำไม ถ้าต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ แบบนี้ทำตัวเลวไปเลยดีไหม ยังไงฉันก็ไม่มีค่าพออยู่แล้วนี่นา ' //แงงงง
ที่จริงความรู้สึก' ไม่มีคุณค่าในตัวเอง 'สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกมิติในชีวิตเลยค่ะ บางคนก็เจอกับครอบครัว บางคนก็เจอกับคนรัก บางคนก็เจอกับอาชีพที่เลือกเดินแต่สังคมยังไม่ยอมรับ เรียกว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่ยังไม่มีใครเยียวยาอย่างจริงจัง
จนหลายคนเลือกทางที่น่าเศร้าอย่างจบชีวิตตัวเองไป
ซึ่งประเทศไทยก็ยังติดกับดักบาปบุญคุณโทษและค่านิยมเก่าๆ หลายอย่างอยู่ จะให้เปลี่ยนในสเกลใหญ่ก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่เราเริ่มจากการปรับที่ตัวเองได้นะคะ
เมื่อเราต้องเจอกับอุปสรรคอย่างคำก่นด่า ดูถูก ไม่ยอมรับ บางทีเราต้องปรับจากมุมมองลบ เป็นการหาแง่มุมดีๆ มาทำให้เราสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มยังไง ให้ลองอ่าน
' 7 วิธีเลิกคิดว่าเราไม่มีคุณค่า '
ในบทความนี้กัน เพื่อปรับมุมมองใหม่ ให้เราก้าวไปข้างหน้าแบบยิ้มได้มากกว่าเดิม ลุย!
1. ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง อย่าทำเพื่อคนอื่นไปซะทุกอย่าง

มันมีจริงๆ นะ คนที่เกิดมาก็แทบไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองเลย ต้องทำตามกรอบที่มีผู้ปกครองวางไว้ให้อยู่ตลอด หรือบางคนพอมีแฟน ก็ดันเจอแฟนเจ้าบงการ จะเอาแบบนี้ จะเอาอย่างนั้นตามใจตัวเอง ทำงานก็เจอบอสที่หลอกใช้ ทำโอที ทำงานเกินหน้าที่ต่างๆ เราก็ทำตามเพราะไม่อยากปะทะ ไม่อยากทะเลาะ อยากให้เขามีความสุข
สุดท้ายชีวิตล่วงเลยมาหลายปี เป้าหมายส่วนตัวไม่มีอะไรบรรลุสักอย่าง ไปทำฝันให้คนอื่นหมด จนหลงลืมความฝันของตัวเอง ที่แย่คือคนเหล่านั้นก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย เหมือนเราโง่เองที่ไปทำให้ เป็นต้นเหตุให้หลายๆ คนเสียสุขภาพจิตจนต้องพบแพทย์เลยล่ะค่ะ TT
หลังจากนี้เราอยากให้ปรับมุมมองว่า " ฉันเป็นคนดี ฉันอยากให้เขารัก ฉันเลยทำทุกอย่างเพื่อเขา " เพราะทุกคนต้องมีชีวิตของตัวเอง เราเกิดมาแค่ครั้งเดียว ไม่รู้จะมีชาติหน้าอีกมั้ยด้วยซ้ำ คุณจะมาเสียเวลาทั้งชีวิตเพื่อคนอื่นไม่ได้ ต้องรู้จักแบ่งเวลาไปหาความสุขให้ตัวเองบ้าง
ถ้าอะไรที่มันบั่นทอนมากเกินไป เราต้องกล้าที่จะ ' เดินออกมา ' หากเป็นแค่แฟนหรือหัวหน้าที่ทำงานคงไม่ยาก แต่ในครอบครัวอาจทำใจลำบากหน่อย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เธอดูแลตัวเองได้ แยกบ้านได้ หากรู้สึก toxic มากๆ เราแนะนำให้ย้ายออกดีกว่า เพื่อสุขภาพจิตที่ดีในระยะยาวค่ะ
2. เห็นคุณค่าตัวเอง เพราะเธอคือ limited edition มีคนเดียวในโลกใบนี้!

ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับสภาพจิตใจ หรือโรคซึมเศร้า ส่วนใหญ่จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ' ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ' ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ความสวยก็ธรรมดา ความเก่งก็ธรรมดา แข่งกับใครก็ไม่ชนะ ประเมินมาตรฐานและความสามารถของตัวเองไว้ต่ำเกินควร ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากปัญหาครอบครัวหรือแฟนที่ toxic นี่แหละ
หรือบางคนที่บ้านซัพพอร์ตดีมาก แต่อยู่ในสังคมที่มีแต่การแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น ยิ่งพยายามก็เหมือนถูกเตะตกลงมา ทำให้เห็นค่าของตัวเองน้อยไปใหญ่
ต่อไปนี้เราขอให้เธอเห็นคุณค่าตัวเองให้มากขึ้น ด้วยการให้รางวัลตัวเองบ่อยๆ เมื่อทำเป้าหมายที่วางไว้ได้สำเร็จ เช่น อ่านหนังสือสอบ ทำงานที่หัวหน้าสั่ง etc. ให้ชมตัวเองว่า ' ทำดีแล้ว เก่งมากนะ ' แล้วออกไปหาของอร่อยกิน เล่นเกมสักชั่วโมง หรือไปช้อปปิ้งเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่มีใครให้ของขวัญเรา ก็เรานี่แหละค่ะให้ตัวเอง ไม่ผิดกฎหมายข้อไหนสักหน่อย!
ถ้ามีเวลาว่าง เราอยากให้ไปเข้าค่ายอาสา เรียนคอร์สสั้นๆ พัฒนาตัวเอง เพื่อเจอกับผู้คนหลากหลาย แลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์กัน เธอจะรู้ว่าที่จริงเธอเก่งกว่าที่คิดมาก และไม่มีใครแทนที่เธอได้ เพราะเธอเป็น limited editon ที่มีแค่คนเดียวในโลกเท่านั้นค่ะ
3. อยากให้คนอื่นเห็นค่าเรา เราก็ต้อง 'เห็นค่าคนอื่น' ด้วยเช่นกัน

เรื่องนี้ก็เหมือน ' ทฤษฎีแรงดึงดูด ' นั่นแหละค่ะ ถ้าเรามัวแต่คิดว่าตัวเองไม่มีค่า ก็เหมือนส่งออร่าหม่นหมองแผ่กระจายให้คนรอบข้าง ซึ่งเชื่อเถอะว่าเขาสัมผัสได้ แม้เธอจะไม่ได้พูดสักคำก็ตาม!
ไม่มีใครอยากอยู่กับความเศร้า ดังนั้นคนที่มีพลังบวกจะค่อยๆ ห่างออกไป คนที่ดึงดูดเข้ามาก็คือพวกหม่นหมอง คิดลบเหมือนๆ กัน เมื่อมาอยู่รวมกันเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งปิดทางให้เจอแสงสว่างน้อยลงเท่านั้น ทำให้เธอติดลูป ไม่มีความสุขสักที
อยากได้พลังบวก เธอก็ต้องส่งพลังบวกให้คนอื่นก่อนนะ! เริ่มจากเข้าหาเพื่อนๆ ที่ดีกับเธอ ชวนคุย เอาขนมมาฝาก เขาชวนไปเที่ยวก็ลองไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ดูบ้าง เปิดโอกาสให้คนที่เคยอยากคุยกับเรา แบ่งอาหารให้น้องหมาจร ซื้อขนมฝากน้องฝากหลาน
แค่เผยแผ่ ' ความใจดี ' ให้คนอื่นสักหน่อย เธอจะได้สิ่งดีๆ กลับคืนมาหลายเท่าตัวอย่างแน่นอนค่ะ
4. เราไม่มีทางได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ทำใจไว้เลยว่า "โลกนี้มันไม่แฟร์"

โลกนี้มันไม่ได้ขาวสะอาด 100% หรอกค่ะ ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนก็ตาม! ชีวิตแค่เกิดมาก็มีการแบ่งแยกชนชั้น มีความต่างทางฐานะ สีผิว เชื้อชาติอยู่แล้ว เราไม่มีทางมีชีวิตเหมือนเศรษฐีพันล้านกันทุกคน
คนมีเงินย่อมมีโอกาสทางการศึกษาและเข้าถึงความรู้มากกว่าคนยากจน คนรูปลักษณ์หน้าตาดีย่อมมีคนดึงดูด สนใจเข้าหามากกว่าคนหน้าตาธรรมดา
ซึ่งเป็นเรื่องจริงของสังคมที่เราต้องทำใจยอมรับ โชคชะตาก็เช่นกัน เธอจะไม่มีทางได้ทุกสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้มาบางอย่าง ก็ต้องเสียไปบางอย่างอยู่ดี
สิ่งที่สาวๆ ทำได้ก็คือ ใช้ชีวิตในกรอบสังคมที่ถูกกฎหมายอย่างดีที่สุด ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเท่าที่จะทำได้ และจะยิ่งปรบมือให้ดังๆ หากพยายามเรียกร้อง ทวงสิทธิ์กับสิ่งที่ไม่ยุติธรรม เพื่อให้สังคมที่อยู่ได้พัฒนาไปในทางที่ดีกว่าเดิมเพราะแม้โลกจะไม่ยุติธรรม แต่เราก็ดึงกรอบความไม่แฟร์นั้นให้แคบลงได้ แค่อาจต้องใช้เวลา ดีกว่าทำเฉยแล้วปล่อยให้มันเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ
5. ไม่ว่าจะเจอเรื่องแย่ๆ แค่ไหน ให้พยายามหา 'แง่มุมดีๆ' ของมันด้วย

ในชีวิตของทุกคน จะต้องมีช่วงหนึ่งที่เจออุปสรรคอันใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องการศึกษา ชีวิตส่วนตัว ความรัก หรือหน้าที่การงาน ในเรื่องจิตใจ บางคนก็มูฟออนผ่านไปได้ชิลล์ๆ บางคนก็ผ่านไปได้แบบสะบักสะบอม และบางคนก็อาจจะผ่านไปไม่ได้เลย ซึ่งคนกลุ่มหลังนี่แหละน่าห่วงที่สุด
เพราะความล้มเหลวในโมเมนต์นั้นจะตามมาหลอกหลอนอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเกลียดตัวเอง พยายามฆ่าตัวตาย จนบางคนกลายเป็นโรคซึมเศร้าต้องหาหมอก็มี
อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก แต่เราอยากให้เธอพยายามหา ' แง่มุมดีๆ ' จากเรื่องนั้นให้ได้ เราคงกลับไปแก้ไขอดีตที่เลวร้ายไม่ได้หรอก แต่อย่างน้อยเราเชื่อว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมดีเสมอ อย่างน้อยก็ต้องสอนบทเรียนอะไรเราได้สักข้อเช่น เลือกคณะเรียนผิด อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราไม่ชอบสิ่งนี้จริงๆ สิ่งที่ควรคิดไม่ใช่เสียใจวนลูปไปมา แต่ควรหาทางออกต่อว่าหลวมตัวเรียนไปแล้ว จะทำยังไงกับอาชีพในอนาคต จะทำงานฉีกสายไปเลย หรือซิ่ว หากเป็นเรื่องความรักที่เคยคบคนผิด ก็เรียนรู้ว่าจะไม่เอาคนแบบนี้เป็นแฟนอีก เป็นต้นค่ะ
6. หาความสำคัญของสิ่งที่ทำ และจง 'เพลิดเพลิน' ไปกับมัน

เราเชื่อว่าฟรีแลนซ์ หรือคนที่ทำอาชีพแนวทางเลือก เช่น เน็ตไอดอล เกมเมอร์ ยูทูปเบอร์ น่าจะเคยมีโมเมนต์ดิ่งๆ เศร้าๆ รู้สึกว่าอาชีพของเธอไม่เด่นดัง ไม่มีความมั่นคงทางสังคมเหมือนอาชีพอื่นๆ ยิ่งอาชีพที่ต้องแต่งหน้า แต่งตัวเพื่อใช้ความนิยมของประชาชนในการหารายได้
แม้จะมีความสามารถพ่วงอยู่ด้วย คนก็จะไปโฟกัสกับหน้าตาสวยๆ รูปร่างดีๆ หมด ดูถูกว่าเต้นกินรำกิน แก่ไปไม่เต่งตึงแล้วใครจะมาสนใจ มาเปย์เงินให้ หรือฟรีแลนซ์ที่ไม่มีสวัสดิการ จะกินแกลบเมื่อไหร่ก็ได้ ยิ่งถ้าทำงานคนเดียวไม่มีสังคม ไม่มีใครคุยด้วยยิ่งฟุ้งซ่าน ทำให้หลายคนในวงการนี้เป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะค่ะ
เราอยากให้เธอปรับมุมมองใหม่ว่า แม้อาชีพเหล่านี้จะไม่ได้มั่นคง 100% อาจมีคลื่นลูกใหม่ทดแทนได้เสมอ แต่มันก็มีความสำคัญ ทำให้คนดูได้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ แถมเรายังได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ เงินที่ได้ก็เหมือโบนัสมากกว่า
เวลาเข้าออกงานก็ยืดหยุ่น ไม่ต้องตอกบัตรเป๊ะๆ แบบพนักงานบริษัท เป็นนายตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์ จะทำอะไรก็ได้ แค่ต้องมีวินัยก็พอ ถ้าตั้งใจทำอะไรสักอย่าง มันก็มีค่ากับเราทั้งนั้นแหละค่ะ อย่าให้คำดูถูกของใครลดค่านั้นเด็ดขาดเชียว!
7. มั่นใจในตัวเอง เข้มแข็ง แล้วทุกอย่างจะผ่านไปได้!

สุดท้ายนี้ ความเข้มแข็งในใจก็สำคัญที่สุด! ไม่ว่าเปลือกนอกเราจะพยายามเป็นคนเท่ คนคูล ชิคๆ เริ่ด แค่ไหน
แต่ถ้าในใจเราไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ไปที่ไหนก็รู้สึกตัวเล็กนิดเดียว จะยิ่งส่งผลให้เธอเป็นคนขี้กลัว ย้ำคิดย้ำทำ ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าออกจาก comfort zone ของตัวเอง สุดท้ายก็อาจพลาดโอกาสหลายๆ อย่างในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย
ทั้งที่เธอมีศักยภาพจะทำมันได้ แต่เธอแค่ ' ไม่กล้า ' เท่านั้นเอง
ต่อจากนี้ เราขอให้เธอ' มั่นใจในตัวเองให้มากขึ้น 'ถ้าตั้งใจมากพอ เราเชื่อว่าทุกคนทำสิ่งที่อยากจะทำได้ กล้าที่จะแย้งในสิ่งที่คนอื่นด่าหรือดูถูกเรา แล้วตอกกลับด้วยผลงานที่ดีกว่า หรือกล้าที่จะสู้กับแนวคิดที่เราไม่เห็นด้วย เพื่ออนาคตในชีวิตของเราที่ดีกว่าเดิ
ม เชื่อเถอะว่า การอยู่กับความกลัว มันน่ากลัวยิ่งกว่าใช้ความมั่นใจท้าชนกับทุกเรื่องเสียอีก
ความมั่นใจยังทำให้เราขยับไปข้างหน้าได้บ้าง แต่ความกลัวจะทำให้เราติดลูปที่เดิมตลอดไป!
ดังนั้นถ้าอยากทำให้ตัวเองมีค่า เราก็ต้องเพิ่ม ' ความมั่นใจ ' เข้าไปเป็นอันดับแรกค่ะ
----------------------------ความรู้สึกไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยไม่ว่ากับมนุษย์คนไหนๆ เพราะมนุษย์จะมีแรงขับเคลื่อนใช้ชีวิต ก็ต้องมาจากการรักตัวเองเป็นพื้นฐาน เมื่อคิดลบ ไม่รู้สึกถึงเหตุผลในการมีชีวิต ทุกอย่างก็พังทลายได้ง่ายๆซึ่งโลกสมัยใหม่นั้น วัตถุอาจก้าวไกลไปมาก แต่สภาพจิตใจบางครั้งก็ปรับตัวไม่ทัน ไหนจะการอยู่ร่วมกับคนที่ความคิดเป็นพิษอีกก็เป็นความท้าทายของชีวิตอย่างหนึ่ง ที่จะปรับมุมมองของตัวเองให้ดีขึ้น ปล่อยวางบางสิ่ง กล้าชนกับบางสิ่ง เพื่อใช้ชีวิตในสังคมนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้นขอให้สาวๆ ทุกคนทำภารกิจนี้สำเร็จนะคะ เราเอาใจช่วยเสมอ วันนี้ขอตัวไปแล้ว บ๊ายบายค่า (∗ᵒ̶̶̷̀ω˂̶́∗)੭₎₎̊₊♡
Cr. Feeling Unappreciated? 7 Ways to End This Pain [lifehack.org]
https://www.lifehack.org/877497/feeling-unappreciated