ฮัลโหลค่าา สาวๆSistaCafeสายรักสุขภาพทั้งหลาย ♡\( ̄▽ ̄)/♡เมืองไทยขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย อันนี้คงปฏิเสธไม่ได้! สาวๆ อย่างเราเลยกินเพลินไปหน่อย อันนั้นก็น่าชิม อันนี้ก็น่าลอง ไปๆ มาๆ น้ำหนักเด้งหลายโลไม่รู้ตัว จนตัดสินใจว่าถึงเวลาต้องไดเอทละแหละ!กว้านซื้อตำราลดความอ้วนมาอ่าน ส่องกระทู้ เว็บไซต์มากมาย สุดท้ายก็คิดเองเออเองว่า' อดข้าวคงไม่รอด แต่เขาบอกว่ากินคลีนช่วยได้ งั้นแค่กินอาหารสุขภาพ ก็คงจะผอมเองแหละ!! 'อุตส่าห์ไม่กินขนม ของมันของทอด ออกกำลังกายก็ทำ แต่ชั่งน้ำหนักล่าสุดแล้วไม่เห็นจะผอมลงเลยแฮะ... จริงๆ อ้วนขึ้นนิดหน่อยด้วย ไหงงั้นอะ ฉันทำผิดตรงไหน T^T! #ร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดที่จริงวิธีการของเธอน่ะ ถูกแค่ครึ่งเดียวค่ะ!อยากผอมลงอย่างสุขภาพดี ก็ควรกินอาหารที่มีสารอาหาร มีประโยชน์หรือที่เรียกว่า ' อาหารคลีน ' ควบคู่กับการออกกำลัง อันนี้ไม่เถียงแต่! ถ้ากินแบบผิดๆ กินไม่ถูกประเภทหรือกินเยอะเกินที่ร่างกายต้องการ ก็อาจจะทำให้อ้วนกว่าเดิม เป็นหมูที่แข็งแรงแทน!หากสาวๆ สงสัยว่าตัวเองไดเอทผิดวิธีอยู่หรือไม่ ลองมาเช็ค' 8 นิสัยการกินที่คิดว่าทำให้ผอม แต่ที่จริงยิ่งกินยิ่งอ้วนขึ้น 'กันเลย

1. กินอะไรก็ต้อง 'จิ้มซอส' แต่เป็นซอสคลีนนะ ไม่มีผงชูรสสักหน่อย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/26d4b377737c43a5dc1e44baaf0b8a85.jpg

สาวๆ บางคนติดซอสจิ้ม ( หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ดิป dip ) เอามากๆ จะกินผัก ผลไม้ หรือขนมปังอะไรต้องมีซอสอยู่ข้างตัวทุกครั้ง ดิปทั่วไปมีทั้งน้ำตาล เกลือ น้ำมัน ผงชูรส จิ้มแล้วอ้วนแน่นอน

เธอเลยเปลี่ยนประเภทซอสจิ้มเป็น ' วัตถุดิบจากธรรมชาติ ' แทน เช่น เนยถั่ว อะโวคาโดบด ซาวร์ครีม กัวคาโมเล่ ฟักทองบด etc. ซึ่งคุณค่าทางอาหารเพิ่มขึ้นแหละ แต่มันก็ยังมีแคลอรี่ ยังให้พลังงานอยู่เด้อ อย่าลืม!

อาหารคลีนบางอย่างแคลอรี่เยอะกว่าดิปปกติด้วย อย่างเนยถั่วเนี่ย 2 ช้อนโต๊ะก็ 200-300 แคลอรี่เข้าไปแล้ว ถ้ากินเยอะยังไงก็ไม่ผอมค่ะ!

หากอยากให้น้ำหนักลง ต้องคุมปริมาณซอสจิ้มอย่างเคร่งครัด! เช่น ในหนึ่งมื้อไม่ควรกินดิปเกิน 2 ช้อนโต๊ะ หรือ 1/4 ถ้วยเล็ก เพื่อให้แคลอรี่ทั้งหมดไม่เกิน 200 แคลอรี่ ( นี่ยังไม่นับอาหารที่จิ้มเลยนะ ) เพื่อให้พลังงานต่อวันไม่เกินที่ร่างกายต้องการค่ะ

2. ผลไม้เป็นอาหารจากธรรมชาติ งั้นจะ 'กินเท่าไหร่ก็ได้!'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9518e44bd9e948ba81f19714052cd340.jpg

ก็ถูกแหละที่ว่า ผลไม้เป็นของขวัญจากธรรมชาติ มีคุณค่าทางสารอาหารมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะกินแบบ unlimited ได้นะคะ เพราะมันก็ยังมีแคลอรี่อยู่ แม้จะคั้นเป็นน้ำผลไม้แล้วก็ใช่ว่าพลังงานนั้นจะหายไป ที่จริง ' น้ำผลไม้ ' ยิ่งทำให้เธออ้วนง่ายด้วยซ้ำ

เพราะเป็นของเหลว ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มสักที แต่แคลอรี่ถูกดูดซึมเข้าร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง มีสาวๆ หลายคนตกม้าตายที่ผลไม้กันเยอะมาก บอกเลย!

ไม่ใช่แค่ผลไม้ แต่อาหารทุกอย่างที่กินเข้าไป ควรกินใน ' ปริมาณที่เหมาะสม ' ถ้าอยากหุ่นสวย ไม่เป็นหมูที่แข็งแรง!


ผลไม้มีจำนวนคาร์โบไฮเดรตมากกว่าผักถึง 3-4 เท่า เวลานับจำนวนแคลอรี่ต่อวัน จึงต้องนับผลไม้เป็นอาหารให้คาร์บด้วย


หากกินผลไม้เยอะ ก็ต้องลดจำนวนข้าวลงมา ปริมาณผลไม้ต่อวันที่เหมาะสม ควรอยู่ที่ 1 1/2 - 2 ถ้วย หรือเปลี่ยนจากผลไม้เป็นผักปั่นผสมโยเกิร์ตและนมไขมันต่ำแทนก็ได้รสชาติหอมหวานเหมือนกัน แต่สารอาหารดีกว่ากันเยอะค่ะ

3. ถ้ากิน 'น้ำตาล' จากธรรมชาติ กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนใช่ไหม?

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8a056575ad9444acfbafa05334523ea9.jpg

ผู้หญิงกับของหวานมักเป็นของคู่กัน! แม้จะอยู่ในช่วงไดเอท จะให้งดน้ำตาลทันทีก็คงทำไม่ได้ แต่เคยอ่านเจอในเน็ตว่า ' น้ำตาลจากธรรมชาติ ' มีประโยชน์กับร่างกาย สายเฮลตี้ก็กินกันเยอะ เลยกินแหลกพุ่งทะลุเพดานไปเลย น้ำหนักก็ทะยานด้วยเช่นกัน -_-

ซิสคะ น้ำตาลธรรมชาติมันดีกว่าสารให้ความหวาน หรือน้ำตาลสังเคราะห์ก็จริง แต่มันก็มีแคลอรี่ ถ้ากินเยอะเกิน ยังไงไขมันหน้าท้องก็มาเซย์ไฮแน่นอน ทำใจเสียเถิด

ไม่ว่าจะน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลอ้อย น้ำผึ้งใดๆ เวลากินกับขนมหรือเครื่องดื่มก็ต้องคุมปริมาณอย่างเคร่งครัด เพราะมันก็คือ ' น้ำตาล ' ที่ไปกระตุ้นให้อินซูลินในร่างกายหลั่ง ทำให้หิวจุบจิบได้ไม่ต่างกัน

แค่สารอาหารโดยรวมดีกว่าน้ำตาลเทียมเท่านั้นเอง

ปริมาณน้ำตาลต่อวันที่เหมาะสมสำหรับสาวๆ คือไม่เกิน 6 ช้อนชา ( น้อยกว่านั้นก็ยิ่งดี )

เพื่อให้น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ อย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ

4. เคร่งกินอาหารคลีนมากกก กินขนมถุงแค่นิดเดียว จิตตกไปเป็นวัน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7914a871274caccd8b80ba92c54e4a69.jpg

พอเข้าสู่วงการไดเอทเท่านั้นแหละ เคร่งเรื่องอาหารสุดๆ เลย! ในเว็บเขาบอกว่า อาหารมีสองประเภท คืออาหารคลีน กับอาหารแปรรูป ซึ่งอย่างหลังมีแต่สารกันบูด ผงชูรส พลังงานเยอะ ทำให้สาวๆ หลายคนกดดันตัวเองด้วยการ ' หักดิบ ' อาหารของโปรดไปเลย


พิซซ่าเอย บิงซูเอย ปิ้งย่างเอย เราขาดกัน! แต่คนมันเคยกินอะเนอะ วันดีคืนดีก็เผลอกินไปบ้าง พอกินเสร็จก็รู้สึกผิด นอยด์ เครียด กลัวอ้วน แต่เผลออีกก็ทำอีก กลายเป็นโรค Binge Eating Disorder บางคนถึงกับจิตตกขนาดไปล้วงคอออกเลยก็มี!

สาวซิสขา โลกนี้ยังต้องการความสมดุลอยู่น้า อาหารคือสิ่งที่สร้างความสุขให้เรา ถ้าไม่ได้คุมน้ำหนักด้วยความจำเป็นทางหน้าที่การงาน หรือป่วยเป็นโรคที่หมอห้ามเด็ดขาด เราก็ยังมีสิทธิ์เอ็นจอยกับอาหารปกติได้ แค่อย่ากินเยอะเกินไปเท่านั้นเอง!

แพลนไดเอทส่วนใหญ่ถึงมี Cheat Meal หรือมื้อที่กินอะไรก็ได้ 1 มื้อต่อสัปดาห์ยังไงล่ะ หากกินคลีนมาทั้งสัปดาห์แล้ว ก็ตามใจตัวเองสักมื้อเถอะค่ะ ตึงไปจะยิ่งทำให้ตบะแตกนะเออ

5. ไม่กินอาหารอะไรที่ 'มีสีขาว' เลย ก็แป้งขัดสีมันอ้วนนี่นา!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ded8e5e43a2d2c8f93b4a07af9e4143c.jpg

หากอ่านตำราลดความอ้วน หรือเว็บไซต์ไดเอทต่างๆ มักจะบอกเราอยู่เสมอว่า ' อย่ากินแป้งขาวเด็ดขาด! ' เหมือนเป็นผู้ร้ายก็ไม่ปาน ซึ่งก็จริงในแง่ที่ว่า คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวหรือแป้งขัดสีเดี่ยวๆ เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว ไม่ค่อยมีไฟเบอร์ ให้พลังงานสูง อ้วนง่าย

แต่ก็ยังมีผักผลไม้มากมายที่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต ที่มีทั้งสารอาหารและแร่ธาตุมากมาย ได้รสอร่อยแต่ให้ประโยชน์แบบ 2 in 1 เช่น มันฝรั่ง เห็ด หัวหอม กะหล่ำดอก กระเทียม เป็นต้น

มันฝรั่งขนาดกลาง 1 หัว มีจำนวนโพแตสเซียมมากกว่ากล้วยถึง 2 ผล! ซึ่งโพแตสเซียมเป็นแร่ธาตุที่คนส่วนใหญ่กินไม่พอ แต่มีประโยชน์กับร่างกายมากๆ ดังนั้นแม้พืชผลอย่างมันฝรั่งจะถือว่าเป็นคาร์โบไฮเดรต แต่ก็มีไฟเบอร์สูง กินนิดเดียวก็อิ่มท้อง

ดังนั้นช่วงไดเอทเราสามารถกินแป้งขาวได้ไม่มีปัญหา แค่เลือกกินให้ถูกประเภทเท่านั้นเองค่ะ

6. ไม่เคยปล่อยให้ท้องว่างเลย ถ้าอดอาหาร ระบบเผาผลาญก็พังน่ะสิ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b5fdf3005cf77205701496c1f1ea5bed.jpg

ความเชื่ออีกอย่างที่มักเจอเกลื่อนในตำราลดความอ้วน หรือเว็บไซต์ กระทู้ต่างๆ ก็คือ ' ห้ามปล่อยให้ท้องว่างเด็ดขาด!! เดี๋ยวกระเพาะจะย่อยตัวเอง เป็นโรคกระเพาะ ระบบเผาผลาญพัง บลาๆ ' เลยพกของว่างไม่ห่างตัวเลย


บางคนแบ่งอาหารมื้อย่อยๆ เป็น 5 มื้อแล้วก็ยังไม่พอ ต้องเติมมื้อว่างเข้าไปอีกทุก 10 นาที 20 นาที สุดท้ายอ้วนอืดกว่าก่อนไดเอทอีกจ้า กินเพลินนัก! ヽ( `д´*)ノ

หลักการที่ว่าควรกินทุกๆ 2-3 ชั่วโมงเพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ความรู้สึกหิว หรือท้องร้องบ้างก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้หมายความว่าร่างกายขาดพลังงานเสมอไป!

คนที่เคยกินทั้งวัน พอต้องมากินเป็นเวลา กระเพาะไม่ได้อาหารเท่าเดิมก็จะส่งเสียงร้องเป็นปกติ แต่ที่จริงไม่ได้ต้องการอาหารหรอก ( ที่คนโบราณเรียกว่า กระเพาะคราก นั่นแหละ )  ปล่อยให้ท้องร้องบ้าง กินแค่ตอนที่หิวจริงๆ และหยุดทันทีเมื่ออิ่ม จะเห็นผลในการลดน้ำหนักได้ดีที่สุดค่ะ

7. ถือว่ากิน 'สลัดผัก' แล้ว จะใส่เนื้อหรือท็อปปิ้งเพิ่มเท่าไหร่ก็ได้

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/75bacfaeeae3de776af5d2c1af5109c4.jpg

สาวๆ บางคนใช้คำว่า ' สลัดผัก ' เป็นเกราะป้องกันตัวเองในช่วงไดเอท ถือว่ากินผักใบเขียว มะเขือเทศ มีไฟเบอร์ เฮลตี้ดีต่อสุขภาพแล้ว งั้นจะเพิ่มท็อปปิ้งเนื้อ ชีส ซอสครีมอะไรลงไปก็คงไม่เป็นไรหรอก เอิ่บ เป็นไรสิคะ เป็นมากด้วย แคลอรี่ทั้งนั้น!

แค่ใส่อะโวคาโดหรือถั่วเยอะหน่อย ก็ทำให้สลัดชามนั้นไขมันสูงกว่าข้าวราดแกงบางเมนูด้วยซ้ำ กินผักก็ไม่ช่วยอะไร จะอ้วนกว่าเดิมน่ะสิไม่ว่า!

กินแค่ผักใบเขียวอย่างเดียวก็ใจร้ายเกินไป ไม่อยู่ท้องชัวร์ๆ แต่ถ้าจะต้องเติมท็อปปิ้งอะไร ตัวเลือกที่ดีที่สุดก็คงเป็น ' โปรตีนไร้ไขมัน ' เช่น เนื้ออกไก่ เนื้อปลาต่างๆ ( ไม่เอาไก่ทอด ปลาทอดนาจา ชุ่มไขมันสุดๆ! )


น้ำสลัดก็เปลี่ยนจากแบบครีมมันเยิ้ม เป็นแบบแคลอรี่ต่ำอย่างซีอิ๊วญี่ปุ่น บัลซามิก หรือน้ำมะนาวแทน ทั้งนี้ถ้าอยากได้สัมผัสครีมมี่ๆ หน่อย ' กรีกโยเกิร์ต ' ก็พอแทนได้ แต่สารอาหารดีกว่าเยอะค่ะ

8. ปรุงอาหารด้วย 'น้ำมันมะกอก' ตลอด เป็นน้ำมันคลีน ไม่อ้วนหรอกน่า!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/af20f3f37b553abae62074af112e17cb.jpg

น้ำมันปรุงอาหารคู่บุญของชาวเฮลตี้ คงหนีไม่พ้น ' น้ำมันมะกอก ( olive oil ) ' ซึ่งสาวไดเอทมือใหม่ก็อาจเข้าใจผิดว่า ไม่ว่าจะทำเมนูไหน เหยาะน้ำมันมะกอกไว้ก่อน ยังไงก็ไม่อ้วน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมาก ถึงมากที่สุด!

ม้มะกอกจะเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ บำรุงสมองยังไงก็ตามแต่ แต่ถ้าใส่เยอะเกินไปก็อ้วนเหมือนกัน เพราะ 1 ช้อนโต๊ะก็ปาเข้าไป 120 แคลอรี่แล้วเด้อ

หากสาวๆ ใช้การเทน้ำมันมะกอกลงจานอาหารโดยตรง อาจจะทำให้ควบคุมปริมาณได้ยาก เผลอๆ มือลื่น น้ำมันหกลงไปเป็นชาม แคลอรี่พุ่งสุด!


เราแนะนำให้ ' หยอดใส่ช้อนโต๊ะก่อน ' แล้วค่อยเทลงอาหาร เราจะได้รู้ว่าใส่ไปเท่าไหร่แล้ว ทำให้เรากะปริมาณแคลอรี่ของอาหารได้แม่นยำ ดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีกว่าเดิมด้วยน้า

------------------------------------------

ไหน ใครที่กำลังคุมอาหารแต่แอบพลาดทำ 7 นิสัยการกินแบบเฮลตี้ ( ผิดๆ ) ในบทความนี้บ้าง คราวนี้รู้สาเหตุที่น้ำหนักไม่ยอมลดรึยัง? ไม่ใช่ระบบเผาลาญแย่อะไรหรอก แต่เธอกินผิดวิธี ผิดประเภท เลยทำให้หวุดหวิดจะเป็นหมูที่แข็งแรงแล้วน่ะสิ!รู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าลืมไปปรับวิถีการกินของตัวเองให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เคร่งกับจำนวนแคลอรี่ที่เอาเข้าร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม ( แต่ห้ามทิ้งการออกกำลังกายนะ อันนั้นก็สำคัญ! ) ที่สำคัญต้องมีวินัยและความต่อเนื่อง!เท่านี้หุ่นบิกินี่ไลน์ ร่อง 11 เอวคอดๆ ก็ไม่ไกลเกินฝันแล้วล่ะค่า วันนี้ไปก่อนน้า พบกันใหม่ บ๊ายบาย

(*¯ ³¯*)♡